ชาดก 500 ชาติ

กุมมาสปิณฑชาดก-ชาดกว่าด้วยอานิสงส์ถวายขนมกุมมาส

พระนางมัลลิกาและสหายเตรียมตัวเดินทางไปเก็บดอกไม้ในสวน

พระนางมัลลิกาและสหายเตรียมตัวเดินทางไปเก็บดอกไม้ในสวน
  
        ในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระนางมัลลิกาเทวี พระนางมัลลิกาเทวี
เป็นธิดาของหัวหน้าคนจัดดอกไม้ในนครสาวัตถี มีรูปร่างผิวพรรณงดงาม รวมถึงเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด เมื่อพระนางมีอายุ ๑๖ พรรษา
 
พระนางมัลลิกาได้น้อมถวายขนมกุมมาสแด่พระศาสดา
 
พระนางมัลลิกาได้น้อมถวายขนมกุมมาสแด่พระศาสดา
 
        วันหนึ่งขณะที่พระนางและสหายกำลังไปสวนดอกไม้ เพื่อเก็บดอกไม้ให้กับบิดานางได้เอาขนมกุมมาส ๓ ก้อนใส่กระเช้าดอกไม้ไปด้วย “ มัลลิกา
ไปเก็บดอกไม้กันเถอะ ” “ เดี๋ยวข้าเอาขนมกุมมาสไปด้วยดีกว่า เผื่อหิวเราก็จะได้กินกัน ” เมื่อออกจากพระนครแล้ว นางเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า
พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสาวกกำลังเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนคร
 
พระอานนท์ได้ทูลถามถึงเหตุที่พระพุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์
 
พระอานนท์ได้ทูลถามถึงเหตุที่พระพุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์
 
        นางจึงนำขนมกุมมาสเข้าไปถวาย “ นิมนต์พระศาสดาเจ้าค่ะ ” เมื่อได้ถวายขนมกุมมาสแล้วพระนางยังยืนอยู่ไม่ไปไหน เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดา
ทอดพระเนตรแล้วก็ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์เถระจึงทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงสาเหตุที่ทรงแย้มพระโอษฐ์ “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยในการแย้มสรวลของพระองค์ ”
 
พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบพระอานนท์ถึงเรื่องของพระนางมัลลิกา
 
พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบพระอานนท์ถึงเรื่องของพระนางมัลลิกา
 
        “ ดูกร อานนท์ กุมาริกาผู้นี้จักได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าโกศลในวันนี้ทีเดียว เพราะผลแห่งการถวายก้อนขนมกุมมาสเหล่านี้ ” พระนางมัลลิกา
ไปถึงสวนดอกไม้ร้องเพลงไปพลางเก็บดอกไม้ไปพลาง ขณะนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลพ่ายแพ้ในการสู้รบกับพระเจ้าอชาตศัตรูจึงทรงม้าเสด็จหนีมา
ถึงสวนดอกไม้ เมื่อได้ยินเสียงเพลงก็เกิดความพอพระทัยต่อเจ้าของเสียงจึงเสด็จเข้าไปหา
 
พระนางมัลลิกาได้เก็บดอกไม้ในสวนพร้อมกับร้องเพลงไปด้วย
 
พระนางมัลลิกาได้เก็บดอกไม้ในสวนพร้อมกับร้องเพลงไปด้วย
 
        “ ใครมาร้องเพลงแถวนี้กันนะ ช่างไพเราะเหลือเกิน ” เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลได้พบและพูดคุย จึงได้ทราบว่าพระนางยังไม่มีสามี เย็นวันนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศล
ก็มารับพระนางไปอภิเษกสมรสและแต่งตั้งให้เป็นพระอัครมเหสี ด้วยความเป็นผู้มีปัญญาและความเฉลียวฉลาดพระนางจึงเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าปเสนทิโกศล
เป็นอย่างมาก
 
พระเจ้าปเสนทิโกศลพ่ายทัพเสด็จหนีผ่านมาทางสวนดอกไม้
 
พระเจ้าปเสนทิโกศลพ่ายทัพเสด็จหนีผ่านมาทางสวนดอกไม้
 
        เรื่องที่พระนางทรงถวายขนมกุมมาส ๓ ก้อนแด่พระศาสดา แล้วส่งผลให้พระนางได้เป็นอัครมเหสีนั้นเป็นที่กล่าวถึงกันทั่วพระนคร แม้ในกลุ่มพระภิกษุทั้งหลาย
ก็พากันตั้งข้อสนทนาเรื่องนี้ที่ธรรมสภา “ เรื่องของพระนางมัลลิกาเทวีช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ ”
 
พระเจ้าปเสนทิโกศลได้แต่งตั้งให้พระนางมัลลิกาเป็นอัครมเหสีของพระองค์
 
พระเจ้าปเสนทิโกศลได้แต่งตั้งให้พระนางมัลลิกาเป็นอัครมเหสีของพระองค์
 
        “ นี่ เพราะผลของการถวายขนม ๓ ก้อนแก่พระศาสดาโดยแท้ ” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาได้ฟังเรื่องที่เหล่าสาวกสนทนากันถึงความอัศจรรย์
ของการถวายขนมกุมมาส จึงทรงตรัสกับเหล่าภิกษุว่า “ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ไม่น่าอัศจรรย์เลย การที่พระนางมัลลิกาเทวีทรงถวายขนมกุมมาส
แก่พระสัพพัญญูพุทธเจ้าพระองค์เดียว

เหล่าสงฆ์สาวกได้พากันพูดถึงเรื่องของพระนางมัลลิกา
 
เหล่าสงฆ์สาวกได้พากันพูดถึงเรื่องของพระนางมัลลิกา
     
        แล้วทรงได้รับความเป็นพระมเหสีของพระเจ้าโกศลเพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงเป็นผู้มีพระคุณมาก ส่วนบัณฑิตในกาลก่อนได้ถวายขนมกุมมาสจืด
ไม่ผสมเกลือ ไม่มีน้ำมัน ไม่ผสมน้ำอ้อยแก่พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทั้งหลาย แล้วได้รับสิริราชสมบัติในแคว้นกาสีประมาณ ๓ โยชน์ ในอัตภาพที่ ๒
เพราะผลการถวายขนมนั้น ”
 
พระศาสดาทรงนำอดีตนิทานมาตรัสเล่าแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
พระศาสดาทรงนำอดีตนิทานมาตรัสเล่าแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
         พระศาสดาทรงนำเรื่องในอดีตมาสาทกดังนี้ ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพารานสี พระโพธิสัตย์เกิดในตระกูลของ
คนยากจนตระกูลหนึ่ง เติบโตแล้วอาศัยอยู่กับเศรษฐีคนหนึ่ง ทำงานรับจ้างเลี้ยงชีวิต
 
พระโพธิสัตย์รับจ้างทำงานและได้อาศัยอยู่กับเศรษฐีคนหนึ่งในนครพาราณสี
 
พระโพธิสัตย์รับจ้างทำงานและได้อาศัยอยู่กับเศรษฐีคนหนึ่งในนครพาราณสี
 
       “ เดี๋ยวเจ้าทำงานกันเสร็จแล้วก็ช่วยเอาของไปส่งที่ตลาดด้วยนะ ” “ ได้ ขอรับ ” วันหนึ่งขณะที่พระโพธิสัตย์มาจากตลาด ได้ถือขนมกุมมาสมา ๔ ก้อน
เพื่อจะกินเป็นอาหารเช้า เมื่อเดินไปทำงานได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ๔ องค์กำลังเสด็จไปทางนครพารานสีก็อยากถวายขนมที่มี

พระโพธิสัตย์ได้นำขนมกุมมาส ๔ ก้อนเพื่อที่จะกินเป็นอาหารเช้า
 
พระโพธิสัตย์ได้นำขนมกุมมาส ๔ ก้อนเพื่อที่จะกินเป็นอาหารเช้า
  
        จึงเข้าไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๔ “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์มีขนมกุมมาส ๔ ก้อน ข้าพระองค์ขอถวายขนมเหล่านี้ ขอพระองค์ทั้งหลาย
จงทรงรับเถิด บุญนี้จักมีแก่ข้าพระองค์ เพื่อประโยชน์และความสุขตลอดกาลนาน ” เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๔ ทรงรับนิมนต์แล้วพระโพธิสัตย์ก็ตกแต่ง
อาสนะ ๔ ที่

พระโพธิสัตย์ได้น้อมถวายขนมกุมมาสของตนแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า    

พระโพธิสัตย์ได้น้อมถวายขนมกุมมาสของตนแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า
 
        โดยพูนทรายขึ้นลาดกิ่งไม้และพาดเปลือกไม้ไว้บนกองทรายเหล่านั้น นิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าให้ประทับนั่ง แล้วก็เอากระทงใบไม้ตักน้ำมาหลั่งทักษิโณทก
วางขนมกุมมาส ๔ ก้อนลงในบาตร ๔ ใบ “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยผลแห่งการถวายขนมกุมมาสเหล่านั้น ขึ้นชื่อว่าความจนขอจงอย่ามีเลย
ขอให้การถวายทานนี้จงเป็นปัจจัยแห่งการบรรลุ สัพพัญญุตญาณด้วยเถิด ”
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าฉันขนมเสร็จแล้วก็เสด็จกลับไปยังเขานันทมูล
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าฉันขนมเสร็จแล้วก็เสด็จกลับไปยังเขานันทมูล
  
        พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายเสวยขนมกุมมาสทันที หลังจากเสวยเสร็จแล้วทรงทำอนุโมทนาแล้วได้ทรงเหาะไปยังเขานันทมูล พระโพธิสัตย์น้อมกราบแล้ว
ยังคงความปีติใจในการทำทานครั้งนี้ พอพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นละสายตาไปแล้วก็กลับไปที่ทำงานของตน “โชคดีอะไรเช่นนี้ ช่างเป็นบุญของเราจริง ๆ ”
 
พระโพธิสัตย์ได้กำเนิดในครรภ์ของอัครมเหสีพระเจ้าพาราณสี
 
พระโพธิสัตย์ได้กำเนิดในครรภ์ของอัครมเหสีพระเจ้าพาราณสี
 
        แม้พระโพธิสัตย์ทำกรรมเพียงเท่านี้ แต่รำลึกทานนั้นไปตลอดอายุจนแก่กรรมแล้วก็ถือกำเนิดในครรภ์ของอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี พระญาติทั้งหลาย
ได้ถวายพระนามว่า พรหมทัตกุมาร เมื่อพรหมทัตกุมารเริ่มเดินได้ ก็สามารถระลึกอดีตชาติของตนได้ รู้ว่าชาติก่อนตนเป็นลูกจ้างในนครนี้
 
พรหมทัตกุมารสามารถระลึกอดีตชาติของตนได้
 
พรหมทัตกุมารสามารถระลึกอดีตชาติของตนได้
   
        เมื่อเดินไปทำงานได้ถวายขนมกุมมาส ๔ ก้อนแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายและได้ถือกำเนิดในที่นี่เพราะผลของกรรมนั้น “ ที่เราเกิดมาเป็นโอรสของกษัตริย์
ก็เพราะผลของการถวายขนมกุมมาสแก่พระปัจเจกพุทธเจ้านี่เอง ” ต่อมาเมื่อพรหมทัตกุมารทรงเจริญวัยแล้วเสด็จไปยังนครตักศิลา ทรงเรียนศิลปะทุกอย่างแล้ว
เสด็จกลับมา ทรงแสดงศิลปะที่ทรงศึกษามานั้นแก่พระราชบิดา ทำให้พระราชบิดาทรงพอพระราชหฤทัย ทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งอุปราช

พรหมทัตกุมารได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นอุปราช
 
พรหมทัตกุมารได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นอุปราช
 
        “ ดีมาก พรหมทัตกุมารลูกพ่อ พ่อจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นอุปราช ” ในเวลาต่อมาเมื่อพระราชบิดาทรงสวรรคต พรหมทัตกุมารก็ได้ขึ้นครองราชย์แทน เหล่าอำมาตย์
ได้นำพระราชธิดาของพระเจ้าโกศลผู้ทรงเลอโฉมมาถวายให้เป็นพระอัครมเหสีของพระองค์ ในวันฉลองวันฉัตรมงคลของพระองค์ ชาวเมืองได้พากันตกแต่งเมือง
ทั้งเมืองให้เหมือนเมืองสวรรค์
 
เหล่าอำมาตย์ได้นำพระราชธิดาของพระเจ้าโกศลมาถวายเป็นพระอัครมเหสีของพรหมทัตกุมาร
 
เหล่าอำมาตย์ได้นำพระราชธิดาของพระเจ้าโกศลมาถวายเป็นพระอัครมเหสีของพรหมทัตกุมาร
 
        เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรพสกนิกรทั้งหลายที่พากันยืนเฝ้า รวมถึงข้าราชบริพารพร้อมด้วยสมบัติพัสถานมากมาย ก็ทรงรำลึกถึงกุศลกรรมที่ตนบำเพ็ญ
ไว้ในปางก่อนแล้ว “ ราชสมบัติแก้วแหวนเงินทอง ช้างม้าวัวควาย ผืนแผ่นดินเหล่านี้เป็นของเราทั้งนั้น นี่เพราะกรรมดีที่เราทำไว้ในชาติก่อน ” เมื่อพระองค์
ทรงรำลึกถึงผลกรรมนั้นแล้วก็ทรงเปี่ยมไปด้วยความปีติ ทรงขับเพลงที่ทรงอุทานออกมาท่ามกลางมหาชน
 
พรหมทัตกุมารได้เฝ้ามองชาวเมืองตกแต่งบ้านเรือนกันอย่างสวยงามในวันฉลองฉัตรมงคล
 
พรหมทัตกุมารได้เฝ้ามองชาวเมืองตกแต่งบ้านเรือนกันอย่างสวยงามในวันฉลองฉัตรมงคล
 
       “ ได้ยินว่าการทำสามีจิกรรมในพระปัจเจกพุทธเจ้าชื่อว่า อโนมทัศสีมีคุณไม่น้อยเลย เชิญดูผลแห่งก้อนขนมกุมมาสแห้ง ไม่มีรสเค็ม ส่งผลให้เราได้ช้าง ม้า
วัว ทรัพย์ ข้าวเปลือกเป็นอันมากนี้ ตลอดทั้งแผ่นดินทั้งสิ้น และนางนารีเหล่านี้เปรียบด้วยนางอัปสร เชิญดูผลแห่งก้อนขนมกุมมาส ” ชาวเมืองได้ยินเสียงขับร้อง
ก็คิดว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่พระราชาทรงโปรด นับแต่นั้นมาชาวเมืองต่างก็พากันขับร้องเพลงนั้นไปทั่วทั้งเมือง
 
พรหมทัตกุมารได้ร้องเพลงรำลึกถึงผลกรรมของตนด้วยความปลื้มใจ
 
พรหมทัตกุมารได้ร้องเพลงรำลึกถึงผลกรรมของตนด้วยความปลื้มใจ
 
       “ เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของพระราชา ” “ พวกเรามาร่วมร้องเพลงนี้ด้วยกันเถอะ ” “ ที่ไหน ๆ ก็ร้องกัน นี่เป็นเพลงฮิตติดชาร์ตเชียวนะ เฮอะ เฮอะ ฮะ ฮ่า ฮ่า ”
เมื่อเวลาผ่านไปชาวเมืองก็ยังร้องเพลงของพระราชากันอยู่ พระมเหสีได้มีพระราชประสงค์ทรงทราบความหมายของเพลงนั้น แต่ไม่กล้าทูลถามจนกระทั่งวันหนึ่ง
พระราชาทรงเลื่อมใสในคุณงามความดีอย่างหนึ่งของพระนางจึงคิดจะมอบรางวัลให้
 
ชาวเมืองต่างพากันร้องเพลงของพรหมทัตกุมาร
 
ชาวเมืองต่างพากันร้องเพลงของพรหมทัตกุมาร
 
        “ น้องหญิงพี่จะให้รางวัลตอบแทนความดีของเจ้า เจ้าต้องการสิ่งใดก็ขอมาเถิด ” “ หม่อมฉันไม่ต้องการสิ่งใด แต่หากพระองค์จะประทานให้ ขอพระองค์
ทรงบอกความหมายของเพลงที่ทรงแต่งขึ้นด้วยเถิด ” “ ได้สิ แต่พี่จะไม่บอกน้องเพียงคนเดียว แต่จะตีกรองป่าวร้องให้ชาวพารานสีมาฟัง ” พระราชาทรงให้มี
การตีกรองป่าวร้องแจ้งเรื่องที่จะบอกความหมายของเพลงให้แก่ชาวเมืองพาราณสี ชาวเมืองต่างให้ความสนใจเข้ามาฟังเป็นอันมาก
 
อัครมเหสีได้สอบถามความหมายของเนื้อเพลงที่พรหมทัตกุมารได้ทรงร้อง
 
อัครมเหสีได้สอบถามความหมายของเนื้อเพลงที่พรหมทัตกุมารได้ทรงร้อง
 
        เมื่อทุกคนมากันพร้อม พระมเหสีจึงทูลถามอีกครั้ง “ ขอเสด็จพี่จงตรัสบอกความหมายของเพลงที่ทรงร้องด้วยเถิดเพค่ะ ” พระราชาเล่าเรื่องอดีตชาติที่ตนได้ถวาย
ขนมกุมมาส ๔ ก้อน แก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ๔ องค์ และด้วยกรรมนั้นจึงทำให้พระองค์ได้เสวยราชสมบัตินี้ “ การถวายขนมกุมมาส ๔ ก้อน แก่พระปัจเจกพุทธเจ้า
ในชาตินั้น ทำให้เราได้ครองราชย์สมบัติในชาตินี้ ”

พรหมทัตกุมารได้ทรงเล่าอดีตชาติที่ตนได้ถวายขนมกุมมาสให้ประชานชนของตนได้ฟัง
 
พรหมทัตกุมารได้ทรงเล่าอดีตชาติที่ตนได้ถวายขนมกุมมาสให้ประชานชนของตนได้ฟัง
 
         พระเจ้าพรหมทัตได้เล่าผลกรรมของตนแล้วทรงทราบว่าพระราชเทวีก็ทรงระลึกชาติได้เช่นกัน จึงทรงทูลถามพระมเหสีถึงกรรมดีในอดีตชาติที่ทำให้ชาตินี้
พระนางมีสิริโฉมงดงามหาหญิงใดเทียบเคียงมิได้ “ น้องหญิงพี่เองก็สงสัยชาติก่อนเจ้าทำผลกรรมใด จึงทำให้เจ้ามีรูปโฉมงดงามเช่นนี้ ” พระนางจึงได้ทูลต่อ
พระราชา โดยทรงกำหนดด้วยพระญาณที่ทรงระลึกชาติของตน
     
        “ ชาติก่อนหม่อมฉันเป็นทาสี ทำงานรับใช้ตระกูลพ่อค้าในนครสาวัตถี ได้ถวายภัตตาหารของหม่อมฉันแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า และก็ยังระลึกกรรมดีนี้
ตลอดอายุจนถึงแก่กรรมแล้ว ชาตินี้จึงเกิดเป็นพระธิดาของพระมเหสีของพระเจ้าโกศลในนครสาวัตถีนั้นเพค่ะ  พระราชาและพระมเหสีทั้งสองพระองค์นั้น
ครั้นตรัสกรรมเก่าแล้ว นับตั้งแต่นั้นมาทรงให้สร้างศาลา ๖ แห่ง คือที่ประตูพระนคร ๔ แห่ง ที่กลางพระนคร ๑ แห่ง ที่ประตูพระราชวัง ๑ แห่ง มหาทานนี้
เป็นที่รับรู้กันทั่วทั้งชมพูทวีป ทรงรักษาศีล รักษาอุโบสถตลอดชีวิต พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุมชาดกว่า

 
 
 
พระราชเทวีในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระนางพิมพา
พระราชา เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
 
[[videodmc==58004]]
 
นิทานชาดก 500 ชาติ
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages/นิทานชาดก/นิทานชาดก-กุมมาสปิณฑชาดก.html
เมื่อ 11 พฤษภาคม 2567 18:17
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv