จากตอนที่แล้ว พวกราชบุรุษผู้ซึ่งได้เห็นแสงแห่งดวงแก้วมณีในสระโบกขรณี ได้กราบทูลพระเจ้าวิเทหราชว่า “พวกข้าพระบาทเพียงได้เห็นแสงของแก้วมณีในสระโบกขรณี ก็รีบนำความมากราบบังคมทูลในทันที ยังไม่ทันได้แตะต้องดวงแก้วนั้นเลย”
ท้าวเธอจึงรับสั่งให้เรียกอาจารย์เสนกะมาตรัสหารือว่า ทำอย่างไรจึงจะได้แก้วมณีมาครอบครองขอให้อาจารย์ช่วยเป็นธุระให้ด้วย อาจารย์เสนกะก็ทูลรับอาสาว่า อย่าได้ทรงวิตกกังวลไปเลย ภาระนี้ให้เป็นหน้าที่ของตนเถิด

แม้จะวิดน้ำจนสระแห้งแล้ว แต่ก็ยังไม่พบแก้วมณีดวงนั้น อาจารย์เสนกะจึงสั่งให้ช่วยกันลอกโคลนขึ้นอีกชั้นหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบแก้วมณีนั้นดังที่คาดหวัง
ขณะนั้นอาจารย์เสนกะเริ่มกังวล เกรงว่าตนจักต้องเสียหน้าอีกครั้ง แม้ความหวังจะเลือนราง แต่เขาก็ยังยืนยันให้ทุกคนช่วยค้นหากันต่อไป เพราะเหตุแห่งความเคารพรักในพระราชาของตน ทุกคนจึงต่างตั้งหน้าตั้งตาค้นหาแก้วมณีนั้นด้วยความเต็มใจ

อาจารย์เสนกะได้ฟังดังนั้น ก็รีบตะเบ็งเสียงดัง แย้งขึ้นด้วยท่าทีขึงขังว่า “เจ้าพูดอะไรกัน ถึงอย่างไร มันต้องมีสิน่า มิเช่นนั้นแล้ว พวกเราจะเห็นแสงเจิดจ้าเมื่อสักครู่ได้อย่างไรกัน นั่นจะเป็นอย่างอื่นไปเสียมิได้ นอกจากแสงสว่างของดวงแก้วมณีอย่างไรเล่า”
อาจารย์เสนกะเลยพาลคิดไปไกลด้วยความโมโหว่า “คงมีใครแอบซ่อนแก้วมณีนั้นไว้แน่” จึงได้แกล้งข่มขู่ไปตามที่ใจคิดว่า “หากรู้ว่าใครแอบซ่อนแก้วมณีไว้ล่ะก็ เป็นได้เห็นดีกัน อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่อย่างเป็นสุข”
แต่แล้วทหารนายหนึ่งก็รีบทัดทานขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย ใครหรือจะกล้าเสี่ยงชีวิตกับคมดาบ นั่นมันโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิตทีเดียวนาท่าน”
กล่าวจบก็ช่วยค้นหาแก้วมณีต่อไป โดยไม่สนใจอาจารย์เสนกะอีกว่าจะมีท่าทีอย่างไร มหาชนต่างช่วยกันค้นหาแก้วมณี ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งพระอาทิตย์จวนตกดิน
ในที่สุดอาจารย์เสนกะเห็นว่า ทุกคนต่างอ่อนล้าโรยแรงเต็มที จึงได้สั่งให้เลิกค้นหา ส่วนตนเองก็รีบเข้าเฝ้าพระราชาเพื่อกราบบังคมทูลถวายรายงานให้ทรงทราบ

“ขอเดชะพระบารมีปกเกล้า ข้าพระพุทธเจ้าให้คนจัดการวิดน้ำและลอกโคลนเลนในสระโบกขรณีขึ้นแล้ว แต่จนป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่พบแก้วมณีนั้นเลย พระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าวิเทหราชรีบรับสั่งถามว่า “ท่านอาจารย์ว่าอย่างไรนะ ยังค้นหาแก้วมณีไม่พบอย่างนั้นหรือ”
“พระพุทธเจ้าข้า ช่างน่าอัศจรรย์โดยแท้ เพราะแม้นข้าพระองค์จะสั่งให้ค้นหาให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอ แม้แต่แสงแวววาวนั้นจู่ๆก็หายไป เห็นทีว่าแก้วมณีดวงนี้คงมิใช่แก้วมณีธรรมดาเสียแล้วล่ะ พระเจ้าข้า”
ท้าวเธอก็ทรงเห็นด้วยว่า “นั่นสิ ท่านอาจารย์ ประหลาดจริงเชียว ธรรมดาเงากับตัวก็ย่อมจะอยู่คู่กัน มีเงาก็ต้องมีตัว เมื่อมีแสงแก้วก็ต้องมีดวงแก้ว แต่นี่เห็นแสงแว้บวับ แต่พอจะหา กลับไม่พบ เป็นไปได้อย่างไรกัน”

ท้าวเธอเห็นท่านเสนกะเงียบไป จึงตรัสเอาใจว่า “ขอบใจนะท่านอาจารย์ แม้นมิได้ดวงแก้วมณีมา แต่เราเชื่อแน่ว่า ท่านอาจารย์ได้ปฏิบัติหน้าที่จนสุดความสามารถของตน เพียงเท่านี้เราก็พอใจแล้วล่ะ”
ท่านเสนกะได้ฟังแล้วก็อดปลื้มใจไม่ได้ จึงได้กราบถวายบังคม แล้วรีบทูลลากลับ ต่อมาไม่นาน ฝนก็ตกลงมาอีก น้ำจึงได้ไหลนองเข้ามาขังเต็มสระ แสงสว่างของดวงแก้วนั้นก็พลันปรากฏเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้มีผู้นำความขึ้นกราบทูลพระเจ้าวิเทหราช พระองค์ก็ทรงมอบหมายให้ท่านเสนกะรับหน้าที่ไปดำเนินการค้นหาอีกครั้ง
ท่านเสนกะรับพระบัญชาแล้ว เมื่อยังไม่เห็นว่าจะมีวิธีใดที่จะดีไปกว่าวิธีเดิม จึงยังคงดำเนินการไปตามวิธีเก่า คือได้ป่าวร้องให้มหาชนมาช่วยกันวิดน้ำและลอกโคลนเลนอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้แม้ท่านอาจารย์เสนกะจะเร่งระดมคนมาช่วยกันค้นหามากกว่าครั้งก่อน โดยเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งพลบค่ำ แต่ผลที่ได้รับก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
ท่านเสนกะแม้มิได้ออกเรี่ยวแรงแต่อย่างใด เป็นแต่เพียงผู้สั่งการและคุมงานเท่านั้น แต่กลับมีท่าทางอิดโรยและดูเหน็ดเหนื่อยกว่าใครทั้งสิ้น เพราะเหตุที่คอยลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่าจะเจอเมื่อไร
ท่านเสนกะครั้นจนปัญญา ด้วยไม่อาจจะนำมาถวายได้ ในที่สุดจึงจำใจต้องเข้ากราบทูลพระราชาด้วยอาการที่อ่อนล้ายิ่งกว่าครั้งก่อนว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ข้าพระองค์ให้คนค้นหาที่มาของแสงแก้วมณีนั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่พบเลย พระพุทธเจ้าข้า”

ท้าวเธอทรงดำริในพระทัยว่า “นี่คงมิใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว ถ้าท่านเสนกะยังไม่อาจรู้ได้ แล้วใครเล่าจักรู้” ทันใดนั้น ท้าวเธอก็ทรงระลึกถึงมโหสถบัณฑิตผู้รับใช้ใกล้ชิดพระองค์ขึ้นมาได้ จึงได้รับสั่งทหารให้ไปเรียกตัวมโหสถบัณฑิตเข้าเฝ้าโดยเร็ว ส่วนว่ามโหสถบัณฑิต เมื่อได้รับฟังเรื่องราวแล้ว จะมีวิธีในการค้นหาดวงแก้วมณีนั้นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)