เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 104
ในยามรุ่งสางของวันใหม่ อาจารย์ทั้ง ๔ ต่างมารอมโหสถที่ช่องประตูพระราชวัง ด้วยความหวังว่า เช้าวันนี้เราจะฆ่ามโหสถให้ได้ แต่รอจนกระทั่งเวลาสายก็ไม่เห็นแม้เงาของ มโหสถบัณฑิต
เมื่อเห็นว่าสายเกินไปแล้ว จึงพากันเข้าเฝ้าพระเจ้าวิเทหราช กราบทูลถึงเรื่องที่พวกตนมาซุ่มรอตั้งแต่เช้า แต่ก็ไม่เห็นมโหสถเลย ท้าวเธอสดับคำนั้นแล้วก็ทรงนิ่ง เหม่อมองไปทางช่องพระแกล
ฝ่ายมโหสถบัณฑิต ครั้นตื่นนอนแล้ว ก็สนานกายด้วยน้ำหอม ประดับกายด้วยอาภรณ์เต็มยศ หลังจากรับประทานอาหารเช้าจนอิ่มแล้ว ก็ได้สั่งกองพลโยธาที่ตนดูแล ให้ช่วยกันจัดขบวนรถห้อมล้อมด้วยมหาชนชาวมิถิลา แล้วก็เคลื่อนขบวนรถเข้าสู่พระราชวัง ได้เห็นพระเจ้าวิเทหราชกำลังประทับยืนมองตนอยู่ที่สีหบัญชร ก็สั่งให้พลโยธาหยุดขบวนรถ แล้วค่อยๆก้าวลงจากรถ ลงมาหมอบถวายบังคมพระราชาด้วยอาการนอบน้อม แล้วก็ยืนอยู่ ณ ที่นั้น

มโหสถบัณฑิตทราบพระกระแสรับสั่งแล้ว ก็ตรงเข้าไปยังที่เฝ้า กราบถวายบังคมพระเจ้าวิเทหราชและพระนางอุทุมพรเทวีแล้ว ก็นั่งเหนืออาสนะอันสมควรแก่ตน โดยมีอาจารย์ทั้ง ๔ นั่งพร้อมหน้าอยู่ในที่นั้นด้วย
ลำดับนั้นพระเจ้าวิเทหราชทรงทำเหมือนมิได้ทรงทราบเหตุการณ์อะไรมาก่อน ตรัสถามมโหสถก่อนว่า “พ่อมโหสถ เมื่อวานนี้ทำไมเธอถึงกลับไปเสียก่อน แล้ววันนี้ก็เพิ่งจะมาถึง ไยเธอถึงละเลยหน้าที่ของตนเสียเล่า”

พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับดังนั้น ก็ทรงตกพระทัยอยู่ไม่น้อย แต่ก็สกัดกลั้นความรู้สึกของพระองค์ไว้ได้ แล้วตรัสถามด้วยพระสุรเสียงราบเรียบเป็นปกติว่า “พ่อมโหสถผู้มีปัญญา ทำไมเธอถึงกล่าวเช่นนั้นล่ะ นี่เป็นเพราะเธอระแวงไปเอง หรือมีใครบอกแก่เธอหรือ”
มโหสถบัณฑิตก็ทูลตอบด้วยวาจาอาจหาญว่า “ขอเดชะ ข้าพระบาทมิได้ระแวงไปเองอย่างแน่นอนพระพุทธเจ้าข้า แต่เพราะเมื่อคืนนี้พระองค์ทรงนำเรื่องนี้ไปตรัสเล่าแก่บุคคลอื่น ข้าพระบาทจึงได้ทราบความลับของพระองค์จนหมดสิ้น ก็พระองค์ทรงเปิดเผยความลับนี้แก่ผู้ใด ข้าพระบาทก็ได้ทราบความลับดังกล่าวจากผู้นั้นแหละ พระพุทธเจ้าข้า”
ครั้นทรงแน่พระทัยเช่นนี้ ท้าวเธอก็ยิ่งทรงกริ้วหนัก เหลียวพระพักตร์ไปทางพระนางอุทุมพรเทวีผู้ตกเป็นจำเลยของพระองค์ แล้วทรงจ้องเขม็งไปยังพระเนตรของพระนาง ด้วยสายพระเนตรดุดัน ราวกับจะเสวยเลือดเนื้อของพระนางเสียให้ได้
พระนางอุทุมพรทราบว่าท้าวเธอทรงพิโรธตนดังนั้น ก็ทรงตกพระทัยกลัว มีพระพักตร์ซีดเผือด พระกายก็สั่นระรัว ด้วยทรงพรั่นพรึงต่อพระราชอาญาเหมือนเช่นครั้งก่อน
มโหสถบัณฑิตเห็นพระอาการของทั้งสองพระองค์แล้ว ก็รู้ว่าว่าสถานการณ์ชักจะตึงเครียดหนักขึ้น จึงตัดสินใจกราบบังคมทูลพระเจ้า
วิเทหราชว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้สมมุติเทพ ฝ่าพระบาทจะทรงกริ้วพระแม่เจ้าทำไม ข้อที่พระนางจะตรัสบอกแก่ข้าพระบาทหรือไม่นั้น ไม่สำคัญอันใดหรอก พระพุทธเจ้าข้า เรื่องนี้แม้นพระนางไม่ตรัสบอกแก่ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็ย่อมทราบเหตุการณ์ได้ตลอดหมด อย่าว่าแต่ความลับของพระองค์เลยพระพุทธเจ้าค่ะ แม้ความลับของราชบัณฑิตทั้ง ๔ ของพระองค์ ข้าพระบาทก็ย่อมทราบดี”

พระเจ้าวิเทหราชทรงแปลกพระทัยไม่น้อยในถ้อยคำของมโหสถ ที่กล่าวอ้างอาจารย์ทั้ง ๔ ว่าได้กุมความลับของทุกคนไว้แล้ว ท้าวเธอมีพระประสงค์ที่จะพิสูจน์ความจริงดังกล่าว จึงตรัสถามมโหสถว่า “พ่อมโหสถ ที่เธอกล่าวว่าล่วงรู้ความลับของราชบัณฑิตทั้ง ๔ นั้นเป็นอย่างไรหรือ”
ยังไม่ทันที่มโหสถจะทูลตอบท้าวเธอ อาจารย์ทั้ง ๔ ซึ่งนั่งฟังอยู่ในที่นั้น ต่างพากันสะดุ้งโหยงด้วยความหวาดวิตกและประหลาดใจระคนกัน
เหตุการณ์เริ่มกลับตาลปัตร จากที่มโหสถถูกอาจารย์ทั้ง ๔ ใส่ความว่าเป็นคนมีลับลมคมใน กำลังคิดก่อการกบฏอยากจะเป็นพระราชาเสียเอง จนถึงกับถูกสั่งลงอาญาให้ประหารชีวิต แต่เพียงชั่วข้ามคืน การณ์ก็กลับพลิกฟื้น หลังจากที่มโหสถได้ทราบข่าวจากพระนางอุทุมพรเทวี ก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ท่วงที
ยิ่งมาบัดนี้ ถ้าหากพระเจ้าวิเทหราชได้ทราบความลับของอาจารย์ทั้ง ๔ จากมโหสถแล้ว ใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายถูกคำสั่งประหาร เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)