จากตอนที่แล้ว มโหสถได้กราบทูลขอพระราชทานพื้นที่สำหรับสร้างพระราชนิเวศน์ถวายแด่พระเจ้าวิเทหราช พระเจ้าจุลนีจึงตรัสว่า “เว้นแต่ที่อยู่ของฉันเท่านั้นล่ะ นอกนั้นในเขตพระนครนี้ทั้งหมด หากเธอต้องการจะสร้างในที่ใดก็สุดแล้วแต่เธอ จงเลือกเอาตามความชอบใจเถิด”
มโหสถกราบทูลทันทีว่า “ข้าพระองค์ยังกลัวอยู่ว่าพวกที่ได้รับความเดือดร้อน ก็คงแห่กันมาทูลฟ้องร้องเรื่องนี้กับพระองค์บ่อยๆ แม้ข้าพระองค์เองก็จะทำงานได้ไม่เต็มที่ หากว่าพระองค์จะทรงพระกรุณาฯ ให้ข้าพระองค์สามารถจัดคนของข้าพระองค์ เฝ้าอารักขาประจำประตูพระราชวังทุกประตู ไปจนกว่าข้าพระองค์จะได้สถานที่ที่เหมาะสม เมื่อนั้นจึงค่อยถอนกำลังของข้าพระองค์ออกไป พระพุทธเจ้า”
พระเจ้าจุลนีได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต มโหสถจึงไม่รอช้ารีบดำเนินการทันที โดยสั่งให้ปลดทหารเฝ้าประตูชุดเดิมออก แล้วให้คนของตนมารับหน้าที่แทนทั่วพระราชวัง จากนั้น มโหสถก็ได้เรียกช่างของตนมา แล้วสั่งให้ไปรื้อพระตำหนักของพระนางสลากเทวี พระราชมารดาของพระเจ้าจุลนี เมื่อพระนางได้สดับข่าวว่ามีคนมารื้อพระตำหนักก็ทรงตกพระทัยยิ่งนัก จึงรีบเสด็จออกมาโดยเร็ว รับสั่งถามด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า “ช้าก่อนพ่อคุณ มาทำอะไรกันถึงที่นี่ ไม่รู้หรือว่า นี่เป็นตำหนักของเรา”
ช่างเหล่านั้นตอบเหมือนไม่ใส่ใจว่า “ท่านมโหสถบัณฑิตสั่งให้รื้อ เพื่อจะสร้างวังถวายพระราชาของพวกเรา”
พระนางสลากเทวีสดับดังนั้น ก็ทรงกริ้วเป็นกำลัง ตรัสว่า “พวกเจ้าไม่รู้จักข้าเสียแล้ว ข้าเป็นพระมารดาของพระเจ้าจุลนีนะจะบอกให้ เอาเถอะ ข้าจะไปหาลูกข้าเดี๋ยวนี้ล่ะ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้กัน” ตรัสแล้วพระนางสลากเทวีก็รีบเสด็จไปสู่พระราชวังทันที
“เฮ้ย แม่เฒ่า หยุดก่อน อย่าเข้าไปเชียวนะ” เสียงตวาดจากยามเฝ้าประตูตะโกนลั่น ขณะที่พระนางกำลังย่างพระบาทเข้าสู่ประตูพระราชนิเวศน์พระนางทรงตกพระทัย ตรัสด้วยพระสุรเสียงสั่นเครือว่า “เจ้าจำเราไม่ได้หรือ เราเป็นพระมารดาของพระราชานะ” พระนางตรัสเช่นนั้นด้วยไม่ทรงทราบมาก่อนว่า ทหารเหล่านั้นมิใช่ทหารชุดเดิม แต่แท้ที่จริงเป็นคนของมโหสถทั้งนั้น
“พวกข้าน่ะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่าพระราชาตรัสสั่งว่าห้ามไม่ให้ใครเข้าไปเป็นอันขาด ถ้าใครขัดขืนจักต้องได้รับโทษสถานหนักทีเดียว ทางที่ดีท่านกลับจงกลับไปเสียดีกว่า” คนของมโหสถยืนยันเสียงแข็ง พร้อมกับขู่สำทับอย่างไม่เกรงใจใครทั้งสิ้น
พระนางสลากเทวีเมื่อไม่อาจทำอะไรคนเหล่านั้นได้ จึงเสด็จกลับมา แล้วประทับยืนทอดพระเนตรดูพระตำหนักของพระนางซึ่งกำลังถูกรื้อ ด้วยทรงพระอาลัย
ทันใดนั้น ช่างไม้คนหนึ่งซึ่งเป็นคนงานของมโหสถ เห็นพระนางประทับยืนอยู่นาน ก็หันมาตวาดไล่พระนางให้ออกไป “เจ้ามายืนอะไรอยู่ตรงนี้ เขาจะทำงานกัน เกะกะสายตาชะมัด ไปซะไป๊ ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้” ว่าแล้วก็ผลักพระนางให้ล้มลงกองอยู่กับพื้น
ครั้นพระนางทรงลุกขึ้นมาแล้ว ก็ทรงดำริว่า “ยังไม่เคยมีใครกล้ามาทำกับเราถึงเพียงนี้ แต่คนพวกนี้กล้านัก มารื้อตำหนักของเราได้ นี่คงเป็นเพราะได้รับคำสั่งจากพระราชาอย่างแน่นอน ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วคนเหล่านี้คงไม่บังอาจทำอย่างนี้เป็นแน่ เราควรทำอย่างไรดี หรือจะต้องขอร้องมโหสถให้ช่วย” พระนางดำริฉะนี้แล้วก็ทรงตัดสินพระทัยเสด็จไปหามโหสถบัณฑิตทันที
“พ่อมโหสถ เธอสั่งให้ช่างรื้อตำหนักของฉันอย่างนั้นหรือ”
มโหสถถูกพระนางสลากเทวีตรัสถามดังนั้น ก็แสร้งทำเป็นนิ่งเสีย หลีกไปโดยที่ไม่ยอมทูลสิ่งใดกับพระนางเลย จนพระนางเริ่มทรงอึดอัดพระทัย สีพระพักตร์หม่นหมอง พระเนตรแดงก่ำด้วยทรงเสียพระทัยที่ไม่มีใครช่วยเหลือพระนางได้เลย
ขณะนั้นบริวารใกล้ชิดของมโหสถก็ทูลถามพระนางว่า “ข้าแต่พระเทวี ฝ่าพระบาทมีสิ่งใดจะตรัสกับท่านมโหสถหรือ พระเจ้าข้า”พระนางตรัสตอบว่า “เราอยากรู้นักว่า พ่อมโหสถสั่งให้รื้อตำหนักของเราทำไมกัน”“เพื่อสร้างที่ประทับของพระเจ้าวิเทหราช พระเจ้าข้า” บริวารของมโหสถทูลตอบ“อืม...พ่อคุณเอ๊ย พระนครกว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้ ทำไมท่านถึงเจาะจงมาเลือกตำหนักของฉัน จะหาที่อื่นไม่ได้เชียวหรือ เอาเถอะ ฉันขอก็แล้วกัน อย่าพอใจที่ตรงนี้เลย ไปหาที่อื่นเถอะนะ ฉันให้แสนกหาปณะ ตกลงไหม” พระนางตรัสขอร้องพร้อมกับติดสินบนบริวารของ มโหสถด้วยทรัพย์จำนวนมาก
“ถ้าเช่นนั้น ก็ตกลงตามนี้ พระเจ้าข้า เพื่อเห็นแก่พระแม่เจ้า พวกข้าพระองค์จะสั่งให้เว้นตำหนักของพระนาง” บริวารของมโหสถรับเงื่อนไขทันที พร้อมกับทูลกำชับว่า “ขอพระแม่เจ้าได้โปรดอย่านำเรื่องนี้ไปบอกแก่ใครนะ พระเจ้าข้า เพราะหากคนอื่นๆรู้ว่าพวกข้าพระองค์รับสินบนของพระองค์ เขาก็จะพากันมาติดสินบนกันหมด เพราะคงไม่มีใครต้องการถูกรื้อเรือนของตนอย่างแน่นอน สุดท้ายพวกข้าพระองค์ก็เลยหาสถานที่ไม่ได้กันพอดี”
“นี่...ฉันจะโพนทะนาไปทำไมกัน เพียงใครๆเขารู้ว่าพระราชมารดายังติดสินบนเจ้าพนักงาน เท่านี้ฉันก็อายจะแย่แล้ว อย่าห่วงเลย ฉันจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่บอกใครเป็นอันขาด” พระนางตรัสรับรอง
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้ว พระเจ้าข้า” บุรุษนั้นกราบทูลด้วยสีหน้ากระหยิ่ม ว่าแล้วก็รับเอากหาปณะหนึ่งแสนจากพระนางไว้ แล้วสั่งให้เลิกรื้อตำหนักของพระนางทันที
ครั้นแล้ว ก็ย้ายไปจัดการรื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ของพราหมณ์เกวัฏราชปุโรหิตเป็นลำดับต่อไป แผนการของมโหสถที่จะหาพื้นที่สร้างพระราชวังถวายแด่พระเจ้าวิเทหราชนั้น กำลังสร้างความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นในแผ่นดินปัญจาลนคร โดยเฉพาะคู่ปรับเก่าคือพราหมณ์เกวัฏ จะเป็นรายต่อไป ส่วนว่าพราหมณ์เกวัฏนั้นจะโดนรื้อคฤหาสน์หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
http://goo.gl/2peJx