จากตอนที่แล้ว เหล่าทวยเทพในเทวสมาคมซึ่งรอคอยอยู่ เมื่อเห็นเวชยันตรถเริ่มปรากฏที่ซุ้มประตูจิตกูฏ ต่างก็ร่าเริงยินดีส่งเสียงสาธุการ ถือเครื่องหอมและดอกไม้ทิพย์ ไปยืนรอรับเสด็จพระเจ้าเนมิราช นำเสด็จเข้าสู่สุธรรมาเทวสภา
ต่างกล่าวสรรเสริญชื่นชมพระเจ้าเนมิราช ที่ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรคอยชี้แนะทางสวรรค์ ห้ามขาดจากอกุศลกรรมทุกชนิด จึงได้มาเสวยทิพยสมบัติอย่างโอฬารถึงปานนี้ แล้วก็อัญเชิญให้เสด็จขึ้นประทับนั่งบนทิพอาสน์ใกล้กับท้าวสักกะเทวราช และกระทำสักการบูชา

แต่พระเจ้าเนมิราชก็มิได้ทรงปรารถนา จึงมีพระดำรัสห้ามว่า “สิ่งใดที่ได้มาเพราะผู้อื่นให้ สิ่งนั้นเปรียบเหมือนทรัพย์ที่ยืมเขามา หม่อมฉันไม่ปรารถนาเลย บุญที่หม่อมฉันทำเอง ย่อมเป็นทรัพย์อันประเสริฐที่จะติดตามตนไป หม่อมฉันจักกลับไปทำกุศลให้มากในหมู่มนุษย์”
หลังจากทรงแสดงธรรมจบลงแล้ว พระเจ้าเนมิราชบรมโพธิสัตว์ ก็ได้ตรัสอำลาท้าวสักกเทวราช ท้าวเธอจึงมีเทวโองการสั่งให้มาตลีเทพบุตรจัดเตรียมทิพยาน แล้วมาตลีเทพสารถีก็ได้นำเทวรถส่งเสด็จพระเจ้าเนมิราชกลับถึงกรุงมิถิลานคร มหาชนเห็นเทวรถมาแต่ไกลก็เกิดโกลาหลอีกครั้ง
เมื่อเทวรถปรากฏเข้ามาใกล้ ต่างก็แซ่ซ้องสาธุการว่า “ใช่แล้ว พระราชาของเราเสด็จกลับมาแล้ว” มาตลีเทพสารถีได้ขับทิพยานเวียนขวารอบกรุงมิถิลา ๓ รอบ และส่งเสด็จพระเจ้าเนมิราชที่สีหบัญชรเช่นเดียวกับเมื่อตอนที่มารับเสด็จ

ฝ่ายมหาชนนั้นเล่า ต่างมีความเบิกบานภาคภูมิใจในพระเจ้าเนมิราชบรมโพธิสัตว์ ผู้เป็นพระราชาของตนยิ่งนัก มาชุมนุมกันกราบทูลขอให้พระเจ้าเนมิราชาตรัสเล่าถึงการไปเที่ยวชมเทวโลก
พระเจ้าเนมิราชทรงดำริว่า สมควรที่จะเล่าถึงนรกอันร้ายกาจ เพื่อให้ประชาราษฎร์เกรงกลัวภัยในอบายภูมิเสียก่อน จึงเล่าถึงสมบัติของเหล่าเทวดาในภายหลัง จึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลาย จงตั้งใจฟังให้ดี นรก สวรรค์ นั้นมีจริง เราได้ไปเห็นมาด้วยนัยน์ตาของเราแล้ว”

มาจบลงที่อุสสุทนรกขุมมิจฉาทิฐิ ที่เหล่าสัตว์นรกนั้น เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ไม่เชื่อบุญไม่เชื่อบาปไม่เชื่อว่าปรโลกจะมีจริงๆ จึงก่อบาปอกุศลโดยมิได้เกรงกลัว และชักชวนให้ผู้อื่นหลงผิดไปกับตนด้วย จึงได้ไปเกิดอยู่ในอุสสุทนรกนั้น

พระเจ้าเนมิราชก็ตรัสเล่า เริ่มตั้งแต่ได้ทอดพระเนตรวิมานอันประดิษฐานอยู่ในอากาศของเทพธิดาวรุณี ซึ่งมี ๕ ยอด สูง ๑๒ โยชน์ ประดับประดาอย่างโอฬาร อีกทั้งอุทยาน และสระโบกขรณีก็สะพรั่งด้วยดอกบัวหลายหลากสี มีต้นกัลปพฤกษ์ล้อมรอบสระ
ส่วนเทพธิดาเจ้าของวิมานนั้น ครั้งเป็นมนุษย์ได้เกิดเป็นลูกของนางทาส อาศัยอยู่ในบ้านของพราหมณ์คนหนึ่ง นางได้ช่วยจัดข้าวยาคู ของขบเคี้ยว และภัตตาหารถวายแด่พระภิกษุสงฆ์จำนวน ๘ รูป พร้อมทั้งได้ถวายของเล็กๆ น้อยๆ ของตนด้วยความปลื้มใจ
แล้วได้ตรัสเล่าถึงทิพยสมบัติอันโอฬารของท้าวสักกเทวราช และที่ทรงได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากท้าวเธอและเทพบริวาร ว่าทรงได้รับการเชื้อเชิญจากท้าวเธอให้อยู่เสวยกามสมบัติอันเป็นทิพย์ แต่ก็มิได้ปรารถนาจึงได้กลับมาเล่าเรื่องราวให้พวกท่านได้ฟังอยู่ในขณะนี้

พสกนิกรของพระเจ้าเนมิราชนั้น ทั้งทราบซึ้งและเลื่อมใสในท้าวเธอ ได้ตั้งอยู่ในพระบรมราโชวาทจนตลอดชีวิต หลังจากละจากโลกมนุษย์แล้ว ล้วนบังเกิดในเทวโลกเป็นสหายเทวดากันทุกคน
ครั้นกาลผ่านไปอีกเนิ่นนาน วันหนึ่งนายภูษามาลาได้เห็นพระเกศาเส้นหนึ่งบนพระเศียรของพระเจ้าเนมิราชได้หงอกขาวแล้ว จึงกราบทูลพระองค์ให้ทรงทราบ ท้าวเธอจึงทรงมีรับสั่งให้นายภูษามาลาถอนพระเกศาเส้นนั้น ด้วยพระแหนบทองคำวางไว้ในพระหัตถ์

พระเจ้าเนมิราชได้ตรัสบอกเหตุแก่พระโอรสว่า “ลูกรัก ผมหงอกที่งอกขึ้นบนศีรษะของพ่อนี้ ได้บอกพ่อว่า วัยหนุ่มของพ่อได้ผ่านไปแล้ว ทูตแห่งมรณะได้ปรากฏแล้ว เป็นเวลาอันสมควรที่พ่อจะออกบวช”
ประเพณีอันดีงามเช่นนี้ก็เหมือนกับพระราชาพระองค์ก่อนๆ ที่ได้เคยถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน พระเจ้าเนมิราชนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อได้ผนวชแล้วก็ประทับอยู่ ณ พระราชอุทยานอัมพวัน สวนมะม่วงนั้นนั่นเอง ทรงเจริญพรหมวิหาร ๔ จนเชี่ยวชาญในอภิญญาสมาบัติ
ทรงไม่เสื่อมถอยจากฌานนั้น เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว ก็ได้ไปบังเกิดในพรหมโลกเฉกเช่นพระราชาต้นพระวงศ์องค์ก่อนๆ ที่สืบต่อมาอย่างเคร่งครัด

พระบรมศาสดาครั้นทรงนำอดีตชาติของพระองค์มาตรัสแล้ว ทรงสรุปชาดกว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่แต่ในกาลบัดนี้เท่านั้นที่เราออกบวช ถึงแม้ในกาลก่อนตถาคตก็ออกบวชเช่นเดียวกัน”
จากนั้นก็ทรงประชุมชาดกว่า “ท้าวสักกะเทวราช ในครั้งนั้น มาเกิดเป็นพระอนุรุทธเถระในบัดนี้ มาตลีเทพสารถีได้มาเป็นพระอานนท์ กษัตริย์ ๘๔, ๐๐๐ พระองค์ เป็นพุทธบริษัท ส่วนพระเจ้าเนมิราช คือเราตถาคตนี้เอง”
เรื่องพระเจ้าเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมีนี้ เป็นเรื่องที่ยืนยันว่า นรก สวรรค์มีจริง ซึ่งตรัสเล่าโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ซึ่งต่อมาพระอรหันตเถระทั้งหลายก็ได้ร้อยกรองสรุปย่อไว้ในพระไตรปิฎก พระอรรถกถาจารย์ในชั้นหลังได้นำมาอธิบายขยายความให้กระจ่างขึ้น

เราจะเห็นได้ว่าพระบรมโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมีอย่างยิ่งยวด โดยทรงทำพระองค์ให้เป็นแบบอย่างก่อน แล้วก็อธิษฐานจิต พร้อมทั้งสั่งเอาไว้ว่า กษัตริย์ทุกๆ พระองค์ที่จะครองราชย์ต่อไป เมื่อเห็นเส้นผมหงอกบนศีรษะแล้วก็จงออกบวชเหมือนกับเรานี้ และด้วยแรงอธิษฐานนั้น จึงทำให้เป็นไปตามนั้นตลอดกาลนาน
เราทั้งหลายจึงควรเร่งสั่งสมบุญบารมีร่วมกันในชาตินี้ให้เต็มที่เช่นเดียวกับท่าน ด้วยการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้ครบถ้วนทุกวัน แล้วอธิษฐานจิตให้รอบคอบ ชีวิตของเราก็จะมีแต่ความสุขความเจริญไปทุกภพทุกชาติตราบวันเข้าถึงที่สุดแห่งธรรม
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)