Mobile Versionทบทวนฝันในฝัน วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2553 ช่วงที่ 1.1ผลการปฏิบัติธรรม เยาชน Peace revolution รุ่นที่ 3ประสบการณ์ภายในของเยาวชน 17 คน จาก 14 ประเทศ ที่เดินทางมาปฏิบัติธรรมร่วมกันตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน ถึง 21 กรกฎาคม พ.ศ.2553เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาPeace-Revolution_รุ่นนี้ประกอบด้วยเยาวชน 17-ชีวิต จาก 14-ประเทศทั่วโลก รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษ เพราะนอกจากจะมาศึกษาเรื่องสมาธิแล้ว ยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วยผลการปฏิบัติธรรม เอ็มม่า เลา จากฮ่องกง กล่าวว่า “ฉันรู้สึกว่าตัวเองลอยอยู่ในศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ บางครั้งเหมือนมีพีระมิดหรือรูปทรงสามเหลี่ยมครอบตัวฉันอยู่ในดวงอาทิตย์ดวงนั้น แล้วทันใดนั้นก็เหมือนฉันได้มาอยู่ในหมู่คณะสงฆ์กลุ่มใหญ่ ฉันงงกับประสบการณ์นี้ เพราะไม่รู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ แต่การได้อยู่ในใจกลางของดวงอาทิตย์ ทำให้ฉันมีความสุขมากถึงมากที่สุด สงบอย่างเหลือเชื่อ อยากอยู่ไปนานๆ ตัวเบาๆไม่มีน้ำหนักเหมือนลอยได้ หยุดนิ่งไปที่กลางกายอย่างเดียว ไม่มีความคิดใดๆแม้แต่น้อย” 
อองเจอลี นารายัน เคตะโจเซฟ ไซรัส จากประเทศเซียร่า ลีโอน กล่าวว่า “ผมเห็นแสงสว่างและความโล่งว่างเป็นบางครั้ง ทำให้ผมมีความสุข ผมฟุ้งและเมื่อยน้อยลง สามารถวางใจนิ่งๆได้นานขึ้น ไม่ห่วงหรือกังวลอะไร ตอนนี้ผมเหมือนได้ชีวิตใหม่ ผมไม่เคยยิ้มเก่งขนาดนี้มาก่อนเลย เหมือนคนที่โกรธใครไม่เป็น ในสังคมของผม...พระพุทธศาสนาถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่สิ่งที่ผมสัมผัสกลับตรงกันข้าม พระพุทธศาสนาเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิต เป็นหนทางสู่การค้นพบตัวเอง ชีวิตที่แท้จริงต้องสงบและปล่อยวาง สิ่งเหล่านี้ช่วยดึงให้ผมออกห่างจากตัณหา ราคะ โทสะ โมหะ และยังทำให้ผมอดทนกับคนรอบข้างได้มากขึ้น และพร้อมที่จะให้อภัยครับ”
โจเซฟ ไซรัสโอซาม่า มอฟตาห์ จากประเทศอียิปต์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกว่าภายในร่างกายโล่งๆว่างๆ และง่ายในการนำใจกลับมาไว้ที่ศูนย์กลางกาย ผมภาวนาเป็นภาษาอารบิก สักครู่คำภาวนาก็เปลี่ยนเป็นลูกบอลสีขาวที่กลางท้อง เป้าหมายสูงสุดของผม คือ การได้มาเรียนรู้วิธีการทำสมาธิที่ถูกต้อง เพื่อเข้าถึงความสุขภายในจะได้ฆ่ากิเลส ซึ่งผมคิดว่าน่าจะพอเป็นไปได้ ถ้าผมสามารถลดช่องว่างระหว่างผมกับพระเจ้าได้ สมาธิไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันเพียงแค่ครั้งสองครั้ง ต้องเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตของเราเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง”
โอซาม่า มอฟตาห์อีวาน ทิโกต้า จากประเทศเบลารุส กล่าวว่า “ในการนั่งสมาธิหลายๆรอบ ผมจะเห็นแสงสว่างเกิดขึ้นเมื่อใจของผมนิ่ง วันหนึ่งผมเห็นภาพองค์พระสามองค์ ตอนแรกเป็นองค์พระเล็กๆสีทอง จากนั้นองค์พระก็ขยายใหญ่ขึ้นเปลี่ยนเป็นองค์พระแก้วใส ทำให้ใจของผมขยายกว้างออกไป จากการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ ผมได้ค้นพบตัวตนเดิมที่หายไป และเชื่อมั่นว่าสมาธิทำให้ผมเป็นคนดีได้”
อีวาน ทิโกต้ากาบรีล่า เบรารุเด จากประเทศเปรู กล่าวว่า “พระอาจารย์สอนว่า สมาธิไม่มีวิธีการใดๆ แค่อยู่เฉยๆและปล่อยวางทุกสิ่งหรือจะแค่ภาวนา “สัมมาอะระหัง”_หรือคำว่า “สบาย”_ก็ได้ ซึ่งทำให้ฉันสบายได้อย่างง่ายมากจริงๆ ตัวฉันเบาๆลอยๆ ไม่รู้สึกว่ามีร่างกาย ฉันมีความสุขและสงบมาก ฉันแสวงหาความสุขและสันติภาพมาตลอดชีวิต ฉันต้องคอยต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในประเทศ แม้ว่าจะพยายามหาวิธีแห่งสันติในการจัดการกับปัญหาแล้วก็ตาม ก็ยังทำให้ฉันต้องอารมณ์เสียและหงุดหงิดอยู่ร่ำไป แต่สมาธิกลับทำให้ฉันค้นพบความสุขและสงบอย่างง่ายๆ ทำให้ฉันค้นพบตัวตนของฉันที่ไม่ใช่แบบที่คนอื่นอยากให้เป็น”
กาบรีล่า เบรารุเดอนุ ลอเร๊นซ์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “ผมรู้สึกมีความสุข และเห็นร่างกายแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกว่าล้านชิ้นในสีทองใส ผมรู้สึกขนลุกและมีความสุขอย่างมากในเวลาเดียวกัน ทั้งสุขและเมตตา เป็นความบริสุทธิ์ที่น่ามหัศจรรย์ อีกครั้งที่ผมเห็นศูนย์กลางกายของตัวเองเป็นที่โล่งว่าง แต่มีน้ำที่นิ่งๆหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน ผมภาวนาว่า “สบาย”_เมื่อหยดน้ำแผ่ขยายจากกลางท้องออกไปเรื่อยๆ ศูนย์กลางกายก็ขยายออกไปใหญ่กว่าร่างกาย และขยายใหญ่กว่าโลกและจักรวาล ผมเห็นสายธารแห่งความรักไหลรินออกไปสู่ทั่วทั้งจักรวาลเลยครับ...ในฐานะที่ผมเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง (Mediator)_ผมกลับรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้านสันติภาพ มุ่งแต่การสร้างสันติภาพจากภายนอก แม้ว่าเขาจะเป็นคนจิตใจดีและมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ แต่พวกเขากลับยังดำรงชีวิตด้วยความเร่งรีบ สับสนวุ่นวาย หาความสุขไม่ได้ เหมือนคนทั่วๆไป ผมเชื่อเหลือเกินว่า สันติภาพเริ่มต้นจากตัวคุณก่อน ผมตั้งใจจะนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในงานเพื่อให้เป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้วยสันติวิธีอย่างแท้จริง” 
อนุ ลอเร๊นซ์“หยดน้ำนิ่งแผ่ขยายออกจากศูนย์กลางแล้วขยายใหญ่กว่าโลกและจักรวาล” โมฮัมหมัด เมะบรูบูล อารีฟีน จากประเทศอินเดีย กล่าวว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนหนึ่งที่โชคดีที่สุดในโลก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Peace-Revolution_การที่ผมเป็นนักต่อสู้เพื่อสันติภาพและสิทธิมนุษยชน ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่า การเข้าถึงสันติสุขภายในสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆและไม่แพงเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเรามีความแตกต่างทั้งวัฒนธรรมและภาษา แต่สามารถอยู่ร่วมกันด้วยความรักและความกลมเกลียว นี่เป็นการยืนยันว่า สันติภาพไม่มีพรมแดนในแง่ของความเชื่อ เพราะสันติภาพมีความหมายเดียว ความรู้สึกเดียว ในทุกชาติทุกวัฒนธรรมและทุกศาสนา”
โมฮัมหมัด เมะบรูบูล อารีฟีนเซนต้า ยาโรว จากประเทศแอฟริกาใต้ กล่าวว่า “ฉันรู้สึกว่าตัวเองตกลงไปข้างในศูนย์กลางกาย แล้วก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตกลงไปอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นการตกอย่างนุ่มนวล แต่รวดเร็วและไร้จุดหมาย ตัวของฉันก็ขยาย...ใหญ่ขึ้นๆ จนเหมือนไปอยู่อีกที่หนึ่ง ที่ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยภูมิรู้บางอย่าง ฉันรู้สึกว่า...เมื่อคุณหาความหยุดนิ่งไม่เจอ คุณก็หาตัวเองไม่เจอ เมื่อหาตัวเองไม่เจอ ก็จะหลงอยู่ในโลก เพราะฉะนั้นความหยุดนิ่งกับตัวตนที่แท้จริงของคุณมันแยกจากกันไม่ได้ นี่แหละคือความหมายของตัวตนของแต่ละคน ที่ไม่ได้มีเพียงแค่รูปลักษณ์และชื่อเท่านั้น”
เซนต้า ยาโรว“ฉันตกลงไปในศูนย์กลางกาย แล้วก็ตกลงไปอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
http://goo.gl/qt5MR
พิมพ์บทความนี้
