Mobile Versionทบทวนฝันในฝัน วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2554
Case Study กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 6
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะคุณพ่อของท่านก็เปิดโอกาสให้ท่านได้เลือกเส้นทางเดินชีวิตของตัวท่านเอง
เมื่อท่านมหาเสนาบดีเติบใหญ่จนเป็นวัยรุ่นแล้ว คุณพ่อของท่านก็เปิดโอกาสให้ท่านได้เลือกเส้นทางเดินชีวิตของตัวท่านเอง โดยคุณพ่อของท่านก็ได้ให้ท่านเลือกว่า “ ท่านอยากจะทำงานเป็นข้าราชการพลเรือน หรืออยากที่จะรับราชการเป็นทหาร ” ซึ่งท่านมหาเสนาบดีก็ได้คิดพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนว่า “ เส้นทางไหนจะเหมาะสมกับตัวท่านเองมากที่สุด ”
ท่านได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่โดยเลือกที่จะรับราชการเป็นทหาร
ด้วยความที่ตัวท่านมหาเสนาบดีมีความประทับใจเกี่ยวกับเรื่องราวการต่อสู้ และการผจญภัย ที่ลุงๆ อาๆ น้าๆ ทหารเคยเล่าให้ท่านฟังตั้งแต่เด็กนี้เอง จึงทำให้ท่านรู้สึกว่า “ ชีวิตของการเป็นทหารที่ต้องออกไปสู้รบและผจญภัยไปตามที่ต่างๆ เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถระดับชาติ และเป็นสิ่งที่เหมาะกับจริตอัธยาศัยของท่านมากกว่าการทำงานเป็นข้าราชการพลเรือน ” ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่และบอกกับคุณพ่อของท่านไปว่า “ ท่านเลือกที่จะรับราชการเป็นทหาร ” เมื่อท่านมหาเสนาบดีตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว คุณพ่อของท่านจึงได้ส่งท่านไปเรียนที่โรงเรียนสำหรับฝึกนายทหาร ซึ่งก็ทำให้ท่านรู้สึกตื่นเต้น และดีใจอย่างมาก
ท่านสามารถเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติได้อย่างแตกฉานในทุกๆ วิชา
นับตั้งแต่วันแรกที่ท่านมหาเสนาบดีเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ท่านก็ตั้งใจฝึกฝนร่ำเรียนวิชาทหารด้วยความขยันหมั่นเพียร ขะมักเขม้น มุมานะ และเอาจริงเอาจัง ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ท่านสามารถเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติได้อย่างแตกฉานในทุกๆ วิชา กอปรกับด้วยความที่ท่านเสนาบดีมีดวงปัญญาและความเฉลียวฉลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี้เอง จึงทำให้ผลคะแนนการเรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติของท่านพุ่งไปสู่ระดับสูงสุดเลยทีเดียว
ไม่ว่าการฝึกจะหนัก แค่ไหนก็ตามท่านไม่เคยทอดทิ้งเพื่อนๆ เลยและท่านก็จะคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ อยู่เสมอ
ด้วยความที่ท่านมหาเสนาบดีเป็นคนที่เพียบพร้อมไปด้วย IQ และ EQ นี้เอง จึงทำให้เพื่อนในรุ่นทุกๆ คนล้วนรักและนับถือตัวท่านเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ทุกคนยังพร้อมใจกันยกให้ท่านเป็น “ ลูกพี่ใหญ่ ” หรือเป็น “ หัวหน้ารุ่น ” อีกด้วยพูดง่ายๆ ก็คือถ้ามีการสำรวจโพล หรือทำประชานิยมภายในกลุ่มเพื่อนๆ ในรุ่นก็จะพบว่า “ ท่านมหาเสนาบดีจะเป็นคนที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจากเพื่อนๆ ในรุ่น แบบมีมติเป็นเอกฉันท์เลยทีเดียว ”นอกจากท่านมหาเสนาบดีจะมีผลการเรียนที่อยู่ในระดับสูงสุดทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแล้ว ท่านก็ยังเป็นคนที่ไม่หวงความรู้ และเป็นคนที่มีน้ำใจต่อเพื่อนๆ อย่างเหลือเฟืออีกด้วย คือ ไม่ว่าการฝึกจะหนัก โหด หรือหินแค่ไหนก็ตาม แต่ท่านก็ไม่เคยทอดทิ้งเพื่อนๆ เลย และท่านก็จะคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ อยู่เสมอ โดยท่านจะคอยให้กำลังใจบ้าง แนะนำวิธีการฝึกบ้าง หรือไม่ก็อาสาทำแทนในสิ่งที่เพื่อนๆ ทำไม่ได้บ้าง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เพื่อนๆ มีผลการเรียนและการฝึกที่ดีตามท่านไปด้วย
เพื่อนในรุ่นทุกๆ คนล้วนรักและนับถือตัวท่านเป็นอย่างมากอีกทั้งทุกคนยังพร้อมใจกันยกให้ท่านเป็น “ ลูกพี่ใหญ่ ”
ท่านมหาเสนาบดีกลายเป็นนักเรียนเตรียมทหารที่เข้าตากรรมการหรือเป็นที่ถูกจับตามองจากบรรดาครูฝึกทั้งหลาย
แม้ว่าพวกเพื่อนๆ นักเรียนเตรียมทหารในรุ่นเดียวกันจะยกให้ท่านมหาเสนาบดีเป็นถึง “ ลูกพี่ใหญ่ ” ก็ตาม แต่ถึงกระนั้นท่านก็ไม่เคยทระนงตัวเลยว่า “ ตัวเองเก่งหรือแน่เหนือกว่าใครๆ ” ตรงกันข้าม ท่านกลับเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนและหมั่นศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ มาเสริมความรู้ความสามารถของตัวเองอยู่เสมอ ด้วยอุปนิสัยที่โดดเด่นของท่านมหาเสนาบดีนี้เองจึงทำให้ท่านกลายเป็นนักเรียนเตรียมทหารที่เข้าตากรรมการ หรือเป็นที่ถูกจับตามองจากบรรดาครูฝึกทั้งหลาย
ในยามว่างจากการเรียนและการฝึกวิชาทหารเหล่านักเรียนเตรียมทหารก็จะมาจับกลุ่มพูดคุยกันแล้วก็เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ
สำหรับชีวิตของนักศึกษาวิชาทหารนั้น นอกจากชีวิตในแต่ละวันจะวนเวียนอยู่กับเรื่องเรียนทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติแล้ว ในยามว่างจากการเรียนและการฝึกวิชาทหาร เหล่านักเรียนเตรียมทหารก็จะมาจับกลุ่มพูดคุยกัน แล้วก็เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่ตัวเองเคยได้ยินได้ฟังหรือเคยได้ประสบพบเจอมา และด้วยความที่นักเรียนเตรียมทหารแต่ละคนต่างก็มีพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน เช่นบางคนก็มาจากครอบครัวที่เป็นทหารอยู่แล้ว บางคนก็มาจากครอบครัวของข้าราชการพลเรือน หรือบางคนก็เป็นลูกพ่อค้า แม่ค้า หรือคฤหบดี เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้นักเรียนเตรียมทหารแต่ละคนต่างก็มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นหลากหลายแตกต่างกันไป
เรื่องที่ท่านมหาเสนาบดีสนใจเป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับวิชาขมังเวทย์
ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ ของท่านมหาเสนาบดีจะเล่าเรื่องต่างๆ นานา มากมายขนาดไหนก็ตาม แต่เรื่องที่ท่านมหาเสนาบดีฟังแล้วรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ ก็เห็นจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับวิชาขมังเวทย์ เช่นวิชาอยู่ยงคงกระพัน วิชาหนังเหนียวฟันไม่เข้ายิงไม่ออก หรือวิชาลวงข้าศึก บังหูบังตาให้ข้าศึกมองไม่เห็น เป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องที่ท่านมหาเสนาบดีสุดแสนจะประทับใจ และฝังเข้าไปอยู่ในจิตใจของท่านมาตั้งแต่สมัยที่ท่านได้ยินเรื่องราวเหล่านี้จากลุงๆ อาๆ น้าๆ ในวัยเด็กนั่นเอง
ดังนั้นในช่วงของการฝึกภาคสนามที่เหล่านักเรียนเตรียมทหารต้องเดินทางออกไปฝึกตามเขตชนบท หรือเขตหัวเมืองชายแดน ท่านมหาเสนาบดีและกลุ่มเพื่อนๆ ที่สนใจวิชาขมังเวทย์ จึงได้รวมตัวกันตั้งกลุ่ม ขมังเวทย์ขึ้น จากนั้นทุกๆ คนในกลุ่มก็ได้วางแผนเพื่อปฏิบัติการ คือหลังจากที่ฝึกภาคสนามเสร็จแล้ว ทุกๆ คนในกลุ่มก็ได้นัดหมายพากันไปหาน้าของเพื่อนในกลุ่ม ที่เป็นคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับวิชาขมังเวทย์ เพื่อที่จะขอให้น้าของเพื่อนคนนี้พาไปสถานที่แห่งหนึ่งส่วนว่าสถานที่แห่งนั้นจะเป็นที่ไหนจะลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างไร เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อ
บทความที่เกี่ยวข้องกับชีวิตก็เป็นอย่างนี้ “ยุ่นสมาน...หวานเสมอ" ที่ผ่านมา
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)
บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)
http://goo.gl/KWGfF
พิมพ์บทความนี้
