เมื่อเร็วๆ นี้ มีการประชุมรับทราบข้อมูลและติดตามความก้าวหน้าโครงการยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ประจำปีงบประมาณ 2548-2549 ของศูนย์ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยมีดร.เอนก หิรัญรักษ์ ที่ปรึกษาอาวุโสศูนย์ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และคณะ และเจ้าหน้าที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกว่า 50 คน ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ นายสหวัฒน์ แน่นหนา ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ได้รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานของสำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกลุ่มจังหวัดล้านนาปี 2548-2549 จำนวน 10,657,000 บาท ใน 6 กิจกรรม ประกอบด้วย โครงการบูรณะวิหารวัดหางดง งบประมาณ 3,457,000 บาท, โครงการงานบูรณะซ่อมแซมบันไดนาคทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ระยะที่ 2 ซึ่งได้รับงบประมาณจากยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนหรือกลุ่มล้านนาจำนวน 1,441,000 ล้านบาท โครงการอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานวัดพระยืนงบประมาณ 4 ล้านบาท โครงการศึกษาหลักศิลาร่องรอยโบราณสถานในวัดรมณียารามหรือกู่ละมัก จ.ลำพูน งบประมาณ 135,000 บาท โครงการบูรณะอุโบสถวัดผาผ่า งบประมาณ 940,000 บาท และโครงการบูรณะเสริมความมั่นคงเจดีย์บ้านน้ำดิบงบประมาณ 684,000 บาท

ผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ กล่าวว่า การดำเนินงานในทุกกิจกรรมสำเร็จตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในส่วนของการบูรณะบันไดนาคทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ ซึ่งก่อนที่จะดำเนินการมีสภาพชำรุด ทรุดโทรม ตัวบันไดนาคมีน้ำรั่วซึม บันไดมีรอยร้าว เกล็ดนาคหลุดร่อน พื้นทรุดตัวและบางจุดพื้นโป่งขึ้นมา สำหรับวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ นี้มีการส่งสัญญาณให้เห็นว่าขณะนี้อยู่ในสภาวะอันตราย ซึ่งทางกรมศิลปากรได้เสนอผลการศึกษาและสภาพปัญหาให้ทางเจ้าอาวาสทราบ
และเสนอให้ทำการบูรณะองค์พระธาตุทั้งองค์ไปแล้ว แต่ทางวัดก็ยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด

ในที่ประชุมนายสหวัฒน์ยังกล่าวถึงผลการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียหรือเอไอที ที่กรมศิลปากรได้ว่าจ้างให้มาศึกษาโครงสร้างของพระบรมธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เมื่อประมาณปี 2540-2541 รวมทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งระบุว่า พื้นที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ นั้นเป็นดินอ่อน และบางส่วนที่ตั้งองค์พระธาตุเป็นดินที่ถมขึ้นมา ประกอบกับน้ำระดับใต้ดินอยู่ที่ 20 เมตร จึงมีข้อชี้ให้พึงระวังเกี่ยวกับการสไลด์ตัวของดิน เนื่องจากด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะเป็นที่ลาดชันและหากมีกรณีที่ฝนตกหนัก
อาจจะทำให้มีการชะล้างของน้ำที่ไหลอย่างรวดเร็ว และถ้าระดับน้ำใต้ดินและผิวดินมีระดับเท่ากันอาจจะทำให้องค์พระธาตุทลายลงได้

"ได้แจ้งทางวัดทราบแล้ว แต่ทางเจ้าอาวาสก็ยังไม่อยากให้ทำอะไรตอนนี้ และช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมาเชียงใหม่ครั้งก่อนโน้นได้นำเรียนให้ทราบแล้ว นายกรัฐมนตรีจึงให้ทางกรมศิลปากรหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งแนวทางในการบูรณะนั้น ทางสถาบันที่ศึกษาระบุแล้วว่า ทางวัดอย่าได้ก่อสร้างหรือพัฒนาอะไรที่เป็นสิ่งปลูกสร้างเข้าไปเพิ่มเติม แต่ทางวัดก็ยังทำอยู่ รวมทั้งให้ทำการเสริมความมั่นคงพื้นผิวที่ตั้งองค์พระธาตุ ทางกรมศิลปากรได้คำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งการทำพื้นฐานราก
และทั้งองค์พระธาตุจะต้องใช้เงินร่วม 100 ล้านบาท แต่ถ้าทำเฉพาะเสริมความมั่นคงให้องค์พระธาตุโดยอัดปูนเข้าไปนั้นจะใช้เงินประมาณ 4-5 ล้านบาท" ผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ กล่าว

ปัจจุบัน องค์พระธาตุเปื่อยมาก อิฐสามารถปั้นเป็นดินได้ ปัญหา คือ องค์พระธาตุได้หุ้มทองจังโกฏิไว้ทั้งองค์ความชื้นจากพื้นดินจึงระเหยขึ้นจากพื้นดินไปยังองค์พระธาตุ อิฐจึงอมน้ำหมดและถ้าหากมีความร้อนเกิดขึ้นก็จะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำ
และไหลออกมาตามช่องหรือรูระบายต่างๆ ตามรอยแยกทำให้มีตะไคร่น้ำเกาะเขียวเต็มไปหมด แม้กระทั่งพื้นที่ทางวัดปูด้วยอิฐแกรนิตชื้นน้ำ เพราะน้ำใต้ดินไม่สามารถระบายออกมาได้ หากจะบูรณะวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ คงต้องทำทั้งหมดเพื่อให้เกิดความมั่นคงถาวร

  ที่มา-
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง