
บอร์ด สปสช.มีมติให้ยกเลิกเก็บเงิน 30 บาททุกกรณี ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พร้อมกับหาทางดึงแหล่งเงินอื่นเช่นภาษีเหล้า-บุหรี่หรืองบฯ อปท.มาร่วมจ่าย นอกจากนี้เตรียมขออนุมัติ ครม.เพิ่มเหมาจ่ายรายหัวเป็น 2,089 บาท "หมอมงคล"ออกตัวถ้าไม่เพิ่มเหมาจ่ายจะมีปัญหา
เวลา 13.30 น. วันที่ 30 ตุลาคม ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 14/2549 โดยเรื่องหลักที่พิจารณาคือ การยกเลิกการร่วมจ่าย 30 บาท สำหรับผู้ถือบัตรทองในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่ง นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าจะยกเลิกการเก็บ 30 บาท และให้บริการฟรีกับประชาชนแทน
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติว่า ให้ยกเลิกการจัดเก็บ 30 บาท ในทุกกรณี และเตรียมเสนอขออนุมัติงบประมาณอัตราเหมาจ่ายรายหัว 2,089 บาท สำหรับปีงบประมาณ 2550 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 31 ตุลาคมนี้ รวมทั้งเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพ ให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาหางบประมาณที่มาจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การร่วมจ่าย และจากแหล่งเงินสมทบอื่น ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุมในประเด็นการยกเลิกเก็บ 30 บาท ค่อนข้างเคร่งเครียดและใช้เวลานาน โดยที่ประชุมแบ่งความเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยให้ความเห็นว่าประเทศไทยยังไม่มีงบประมาณมากพอที่จะนำมาทุ่มในเรื่องหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยสนับสนุนเพราะเป็นการลบภาพการเมืองออกไปจากโครงการ นอกจากนี้ประเด็นที่ที่ประชุมหารือกันมาก คือ เรื่องการร่วมจ่าย และบุคคลที่จะต้องร่วมจ่ายว่าจะเป็นคนกลุ่มใด เนื่องจากฐานข้อมูลกลุ่มบุคคลที่มีรายได้น้อยของประเทศไทยนั้นไม่สมบูรณ์ และเป็นข้อมูลเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา หากจะนำข้อมูลมาใช้จะไม่เป็นปัจจุบัน
นางอรวรรณ ชยางกูร ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ ตัวแทนผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวในการประชุมว่า การยกเลิกการเก็บ 30 บาทนั้น ไม่ควรทำ เนื่องจากจะทำให้เกิดวิกฤตงบประมาณมากยิ่งขึ้น เพราะในแต่ละปีโรงพยาบาลได้รายได้จากการเก็บ 30 บาท จากผู้มาใช้บริการมากพอสมควร ในส่วนของสำนักงบประมาณเงินแค่ 1-2 ล้านบาท ยังดึงกันไปดึงกันมากว่าจะลงตัว และงบประมาณรายหัว 2,089 บาท ในปีงบประมาณ 2550 สำนักงานงบประมาณไม่แน่ใจว่าจะให้ได้ เพราะยังไม่มีหลักฐานการเงินมาสนับสนุนที่ดีพอ
"ประเทศไทยยังมีเรื่องที่สำคัญและต้องใช้งบประมาณอีกหลายเรื่อง และไม่ใช่ประเทศร่ำรวย เพราะแม้แต่ประเทศที่รวยแล้วอย่างฝรั่งเศสยังให้ร่วมจ่ายร้อยละ 20 ของค่ารักษาพยาบาล อย่างไรก็ตาม ยังต้องศึกษาทั้งระบบว่าจะร่วมจ่ายอย่างไร และจะขีดเส้นความยากจนไว้ที่รายได้เท่าไร ผู้ที่อยู่เหนือเส้นความยากจนจะต้องร่วมจ่ายอย่างไร ซึ่งการศึกษาคงไม่สามารถทำได้เสร็จในเวลาสั้นๆ" นางอรวรรณกล่าว
"ที่ประชุมได้มีความเห็นชอบร่วมกันที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา เรื่องการร่วมจ่าย และหาทางทำให้โครงการหลักประกันสุขภาพมีความยั่งยืน แต่ประชาชนไม่เดือดร้อน และผู้ให้บริการก็ไม่เดือดร้อน ซึ่งทั้งหมดจะศึกษาให้แล้วเสร็จก่อนรัฐบาลชุดนี้หมดวาระ" นพ.มงคลกล่าว และว่า ในส่วนของการร่วมจ่ายนั้น เป็นไปตามมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ที่กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการหลักประกันสุขภาพ
นพ.มงคลกล่าวว่า การยกเลิกการจัดเก็บ 30 บาทนั้น จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของไทย หากรัฐบาลอนุมัติงบประมาณรายหัวให้ 2,089 บาท ต่อคนต่อปี ตามที่จะเสนอในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เพราะเงินที่ได้จะเพียงพอในการให้บริการประชาชน และตนมั่นใจว่าจะได้รับความเห็นชอบจาก ครม. เพราะรัฐบาลชุดนี้มีนโยบายเน้นที่การพัฒนาคน ทั้งสุขภาพและการศึกษา อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการจัดการด้านการบริหารงบประมาณเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ มีคุณภาพในการบริการที่ดีต่อประชาชน แต่สำหรับงบประมาณในปีต่อไปนั้นต้องขอเพิ่มขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก ครม.ไม่อนุมัติงบอัตราเหมาจ่ายรายหัวตามที่เสนอ การยกเลิกเก็บ 30 บาทจะยังคงมีต่อไปหรือไม่ นพ.มงคลกล่าวว่า ยืนยันว่ายกเลิกการจัดเก็บ 30 บาทแน่นอน เพราะที่ผ่านมาการจัดเก็บไม่ได้เป็นธรรม และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่จะช่วยคนจน เพราะมีคนที่ต้องจ่าย 30 บาท จนกว่าคนที่ไม่ต้องจ่ายจำนวนมาก แต่หากไม่ได้อัตราเหมาจ่ายรายหัวตามที่เสนอ 2,089 บาทนั้น ในระบบหลักประกันสุขภาพคงมีปัญหาพอสมควร เพราะที่ผ่านมาเงินก็ไม่พออยู่แล้ว
สำหรับเงินจำนวน 9,700 ล้านบาท ที่รัฐบาลเก่ายังค้างจ่ายต่อ สปสช.นั้น นพ.มงคลกล่าวว่า สำนักงบประมาณให้ สปสช. เสนอขอในปีงบประมาณ 2550 แต่เท่าที่ทราบมีการสั่งจ่ายให้แล้ว 2,000 ล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะทยอยสั่งจ่ายเพิ่มเติมต่อไป
เวลา 19.00 น. นพ.มงคลกล่าวอีกว่า คงต้องเลื่อนการยื่นของบประมาณรายหัวโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ขอเพิ่มเป็น 2,089 บาทต่อคนต่อปี ออกไปเป็นเข้า ครม.ในครั้งหน้า เนื่องจากเตรียมเอกสารไม่ทัน
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการยกเลิกโครงการ 30 บาท เพราะเป็นนโยบายของพรรค และที่ผ่านมาเห็นความผิดพลาดของรัฐบาลที่แล้วจึงควรเร่งดำเนินการทันที โดยเฉพาะปัญหางบฯอุดหนุนที่ไม่เพียงพอทำให้เกิดผลกระทบกับสถานพยาบาล และวิกฤตบุคลากร ซึ่งส่วนนี้รัฐบาลควรจะแก้ไขทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรองบฯปี 2550 ส่วนการปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศนั้น ทั้งนี้ รัฐบาลอาจเริ่มต้นด้วยการนำ ร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เป็นร่างกฎหมายที่ประชาชนเข้าชื่อผลักดันมาเป็นจุดเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ควรกลับไปสู่ระบบสงเคราะห์อย่างในอดีต
ที่มาจากหนังสือพิมพ์