นักวิทยาศาสตร์พบเบาะแสต้นกำเนิดของชีวิตบนโลกอาจปะปนมากับดาวหางที่พุ่งชนโลก พิสูจน์ฝุ่นละอองเจอร่องรอยโมเลกุลที่เป็นพื้นฐานสำคัญของสิ่งมีชีวิต

นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์ฝุ่นละอองอวกาศของดาวหาง "วิลด์ ทู" ที่ยานอวกาศสตาร์ดัสต์ของนาซาได้เดินทางไปดูดฝุ่นละอองมาใส่ในแคปซูลแล้วส่งกลับมาวิเคราะห์ยังโลก ดาวหางดังกล่าวมีอายุประมาณ 4,500 ล้านปี ยุคเดียวกับช่วงเวลาที่ระบบสุริยะเริ่มก่อร่างสร้างตัว

เดิมเชื่อกันว่า ถิ่นที่อยู่ของดาวหางวิลด์ ทู น่าจะอยู่ไกลจากระบบสุริยะในดินแดนที่เรียกว่า เมฆออร์ต ซึ่งอยู่เลยออกไปจากดาวพลูโตอีกไกลโข ที่เป็นเช่นนี้เพราะก่อนที่ระบบสุริยะจะก่อกำเนิดขึ้นมา สภาพโดยรอบมีลักษณะเป็นกลุ่มก๊าซหมุนวนเป็นแผ่นกลม ต่อมาเกิดการควบแน่นเกิดขึ้นใจกลางของกลุ่มก๊าซ จนมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง ส่วนพวกซากน้ำแข็งที่หลงเหลืออยู่หลังจากระบบสุริยะและดาวเคราะห์เกิดขึ้นแล้วอยู่ห่างไกลออกไป

อย่างไรก็ดี เมื่อวิเคราะห์ฝุ่นละอองแล้ว กลับพบว่าอนุภาคบางอย่างในฝุ่นดาวหางเป็นอนุภาคที่เกิดขึ้นภายใต้อุณหภูมิสูงจัดเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ถิ่นดาวหางซึ่งหนาวเย็นจะทำให้เกิดอนุภาคดังกล่าวได้

นักวิทยาศาสตร์อธิบาย ช่วงที่ดวงอาทิตย์ก่อตัวมันได้ดีดมวลสารกระเด็นออกไปหลายพันล้านไมล์ และหลอมละลายแร่ธาตุที่อยู่ใกล้ตัวสะสมจนเป็นก้อนหนาจับตัวเป็นดาวหางในที่สุด

นักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านสสารอวกาศ อธิบายว่า ดาวหางอาจก่อตัวเป็นรูปร่างห่างไกลจากดวงอาทิตย์ก็จริง แต่จากการวิเคราะห์ดูมวลสารข้างในแล้วกลับพบว่าดาวหางเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นภายใต้อุณหภูมิที่สูงจัด หรือสูงกว่า 1500 องศาเซลเซียสของดวงอาทิตย์

ฝุ่นละอองจากดาวหางวิลด์ ทู ประกอบด้วย แร่ธาตุหลากชนิด เช่น ออกซิเจนและไนโตรเจน ที่สำคัญยังมีสารอินทรีย์อยู่ด้วย นักวิจัย กล่าวว่า แม้ยังไม่มีใครรู้ว่าสิ่งมีชีวิตในยุคแรกเริ่มของโลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่เชื่อกันทั่วไปว่า ดาวหางที่พุ่งชนโลกอาจมีองค์ประกอบทางเคมีสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นของกำเนิดชีวิต
 
 
 
ที่มา-
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง