สธ.เผยวัยรุ่นไทย 90,000 คน ติดเชื้อเอดส์แล้ว เร่งแก้ปัญหาใช้กลุ่มเยาวชนคนดีกลุ่มใหญ่ร่วมต้านเอดส์ในสถานศึกษา ช่วยเบนเข็มค่านิยมเพื่อนวัยรุ่น ให้มอบรักในวันวาเลนไทน์ ไม่ใช่มอบเซ็กซ์ นำร่องแล้ว 44 แห่ง ในปี 2549 ได้ผลเกินคาด
       
       วันนี้ (12 ก.พ.) ที่กรมควบคุมโรค นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้อำนวยการสำนักอนามัยกทม. และคณะ รวมทั้งดาราศิลปินได้แก่ น.ส.ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ (น้ำผึ้ง) นายบรรเจิด สันทะพานิช (โชกุน) น.ส.ณัฐมนกานต์ ศรีนิกรโชติ (รัน) ร่วมกันแถลงข่าว มาตรการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคเอดส์ในกลุ่มวัยรุ่น ในวันวาเลนไทน์ที่จะถึงในอีกไม่กี่วันนี้
       
       นพ.มงคล กล่าวว่า ผลการสำรวจล่าสุดปี 2549 ในเด็กนักเรียนระดับ ปวช.20 จังหวัด พบเยาวชนชาย ร้อยละ 36 และหญิงร้อยละ 28 เคยมีเพศสัมพันธ์อายุเฉลี่ยครั้งแรก 15 ปี และใช้ถุงยางอนามัยร้อยละ 35 ซึ่งถือว่าต่ำมาก ทำให้วัยรุ่นไทยติดเชื้อเอดส์แล้วกว่า 9 หมื่นคน และมีแนวโน้มจะติดเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้พบอีกว่า วัยรุ่นทั้งชายและหญิง อายุระหว่าง 10-24 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 31.5 ในปี 2545 เป็นร้อยละ 42.5 ในปี 2549 คิดเป็นจำนวนผู้ป่วยเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรที่ป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด
       
       “อยากให้เปลี่ยนมุมมองความรักใหม่ จากเรื่องเพศสัมพันธ์ เป็นการให้ความรักต่อกันในสังคม ซึ่งต้องเริ่มจากการรักตัวเอง และแบ่งปันให้คนอื่น ซึ่งหากทำได้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยเฉพาะขณะนี้สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากทุกคนมอบความรักต่อกันเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นอย่างแน่นอน” นพ.มงคล กล่าว
       
       นพ.มงคล กล่าวต่อว่า ในการแก้ปัญหาโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในปี 2550 สธ.ตั้งเป้าจะลดผู้ติดเชื้อเอดส์ทุกกลุ่มอายุให้มีไม่เกิน 12,000 คน โดยจะมุ่งเน้นให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหา และสนับสนุนให้มีการใช้ถุงยางอนามัย 100% ด้วยการจัดสรรงบประมาณ 30 ล้านบาท สำหรับใช้ในการจัดซื้อถุงยางอนามัยจำนวน 20 ล้านชิ้น แจกให้กับประชาชน
       
       นพ.มงคล กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าวัยรุ่นและเยาวชนไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่คือประมาณกว่าร้อยละ 80 เป็นคนดี ที่ให้ความสำคัญเรื่องการรักนวลสงวนตัว ดูแลใส่ใจสุขภาพทางเพศ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศในวันวาเลนไทน์ โดยการมอบเซ็กซ์เป็นหลักประกันความรักที่มีต่อกัน ซึ่งอาจสร้างปัญหาติดตามมาในอนาคต ที่น่ากลัวมากที่สุดได้แก่โรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ร้ายแรงที่สุด
       
       “วันแห่งความรักเป็นวันที่ทุกคนมอบความรักแก่กันโดยเฉพาะการรักตัวเอง บุคคลรอบข้าง สิ่งแวดล้อม จะทำให้สังคมมีความสุข แต่หากเกิดการกระทำที่ไม่ถูกต้องเกิดความเสียหายทั้งตนเองและคนรอบข้างก็ถือว่าไม่ใช่ความรัก หากมีความเสี่ยงก็ให้นึกถึงถุงยางอนามัยเป็นอันดับแรก เพราะไม่ได้หายากหรือมีราคาแพง” นพ.มงคลกล่าว
       
       ผลการสำรวจล่าสุดในปี 2549 ในเด็กนักเรียนระดับปวช.ใน 20 จังหวัด พบเยาวชนชายร้อยละ 36 และหญิงร้อยละ 28 มีเพศสัมพันธ์แล้ว อายุเฉลี่ยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเพียง 15 ปี และใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 35 เท่านั้นซึ่งถือว่าต่ำมาก ทำให้วัยรุ่นไทยติดเชื้อเอดส์แล้วกว่า 90,000 คน และมีแนวโน้มจะติดมากขึ้น นอกจากนี้วัยรุ่นอายุ 10-24 ปี ยังมีอัตราติดเชื้อกามโรคสูงขึ้นต่อเนื่องทั้งชายและหญิง จากร้อยละ 23 ใน พ.ศ.2544 เป็นร้อยละ 43 ในปี 2549 จากผู้ป่วยทั้งหมดที่มี 9,735 คน โรคที่พบมากที่สุด คือ โรคหนองใน พบได้เกือบ 1 ใน 5 ของผู้ป่วยทั้งหมด
       
       
ในการแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในปี 2550 นี้ กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าจะลดผู้ติดเชื้อเอดส์ทุกกลุ่มอายุให้มีไม่เกิน 12,000 คน โดยจะมุ่งเน้นให้ท้องถิ่นร่วมแก้ปัญหา หนุนการใช้ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ ปีนี้จัดงบประมาณ 30 ล้านบาท จัดหาถุงยางอนามัยแจก 20 ล้านชิ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นจะเน้นการเสริมสร้างทักษะการดำเนินชีวิตทางบวก โดยใช้กลุ่มวัยรุ่นด้วยกันที่มีจิตอาสาร่วมกันแก้ปัญหาโรคเอดส์ ในปี 2549 นำร่องในสถานศึกษา 44 แห่ง ใน 11 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ลพบุรี ตราด สระแก้ว สมุทรปราการ นนทบุรี นครนายก นครสวรรค์ ปทุมธานี เพชรบูรณ์ และ กทม. ประกอบด้วยระดับมัธยมศึกษา 4 แห่ง ระดับอาชีวศึกษา 18 แห่ง ระดับอุดมศึกษา 22 แห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยตั้งเป็นชมรมต้านเอดส์ในสถานศึกษา หรือแอนตี้ เอดส์ อคาเดมี (Anti Aids Academy) แห่งละ 3 คน มีทั้งครู นักเรียน ได้ผลเกินคาด สามารถขยายผลในกลุ่มเพื่อนได้ 7,000 คน และขยายผลลงชุมชนใกล้เคียง 9 ชุมชน
       
       ในปี 2550 นี้ จะพัฒนาให้เยาชนเข้าถึงเรื่องเอดส์มากขึ้น โดยผ่านสื่อที่ทันสมัย ทั้งสื่ออิเลคทรอนิกส์ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเยาวชนให้มีค่านิยมในการป้องกันตนเอง ไม่ดำเนินชีวิตตามกระแสแฟชั่นนิยม ในปีที่ผ่านมาได้ร่วมกับมูลนิธิไฟเซอร์ ประเทศไทย พัฒนาระบบการเรียนการสอนเรื่องโรคเอดส์ด้วยสื่ออินเตอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ www.aidsthai.org เมนู อี-เลิร์นนิ่ง เอดส์ ผู้ที่ผ่านการทดสอบเกินร้อยละ 80 จะได้รับประกาศนียบัตรทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ทันที และสนับสนุนวัยรุ่นกลุ่มเสี่ยงเข้าถึงถุงยางอนามัย เพื่อเพิ่มการใช้ให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
       
       สำหรับวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนี้ในอีก 2 วันนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะจัดกิจกรรมรณรงค์สัญจร ตามสถาบันศึกษาในโครงการ “เยาวชนไทย เก่งที่ความคิด ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์” เพื่อกระตุ้นให้วัยรุ่นตระหนักถึงพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสม ปลอดภัย แสดงความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน ทั้งพ่อ แม่ ครอบครัว ครู/อาจารย์ รวมถึงความรักต่อประเทศชาติ ที่สถาบันการศึกษา ในเขตกรุงเทพมหานคร 5 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนวัดเทพลีลา วันที่ 7 ก.พ. โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี วันที่ 8 ก.พ. โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ วันที่ 9 ก.พ. โรงเรียนพาณิชยการกรุงเทพ วันที่ 13 ก.พ. และโรงเรียนเทคโนโลยีช่างกลอุตสาหกรรมกรุงเทพ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 11.30-14.30 น. กิจกรรมที่จัดจะผสมผสานความรู้และความบันเทิงในเชิงความคิดสร้างสรรค์ ผ่านกระบวนการถ่ายทอดจากพี่สู่น้อง จากผู้ที่มีชื่อเสียงสู่ผู้ต้องการเลียนแบบ จากผู้เชี่ยวชาญสู่ผู้ต้องการเรียนรู้ โดยใช้ฐานกิจกรรม 4 ฐาน ประกอบด้วย ฐานความรัก ดาบสองคม ฐานสื่อรักอย่างสร้างสรรค์ ฐานจับเข่าคุยกับความรัก และฐานเข้าใจอารมณ์ รู้จักตนเอง
       
       นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังจัดโครงการประกวดสื่อรณรงค์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการคิดและผลิตสื่อรณรงค์โรคเอดส์ ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ วิดีโอคลิป วอลเปเปอร์ ริงโทน เสียงเพลงรอสาย และภาพเคลื่อนไหว ซึ่งผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่ www.siam2you.com โดยได้รับการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์จากบริษัท สยามทูยู นับเป็นการให้บริการข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัย สร้างความสนใจ แปลกใหม่ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงข้อมูลของเยาวชน
 
 
 
ที่มา-
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง