
เผยมหันตภัยกุหลาบโคลัมเบีย แหล่งผลิตกุหลาบอันดับสองของโลกพบทั้งจุ่ม ทั้งฉีดสารเคมีสูดดมอาจถึงชีวิต
ในเทศกาลวาเลนไทน์ ดอกกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในวันแห่งความรักนี้ แต่หลายคนอาจคาดไม่ถึงกับมหันตภัยที่แฝงมาในดอกไม้งดงามดังกล่าว โดยสำนักข่าวเอพี รายงานเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ว่า ในวันแห่งความรัก หรือวันวาเลนไทน์ คนส่วนใหญ่อาจคาดไม่ถึงเวลาซื้อดอกกุหลาบให้คนรัก เพราะกุหลาบเหล่านี้จะถูกฉีดด้วยสเปรย์ ถูกจุ่ม หรือฉีดพ่นด้วยสารเคมีที่อาจทำให้ผู้รับเสียชีวิตได้
รายงานข่าวแจ้งว่า กุหลาบมรณะเคลือบสารพิษเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากแถบซาวันนา แปลงดอกไม้ที่อยู่รายรอบกรุงโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย ซึ่งมีอุตสาหกรรมดอกไม้ตัดดอกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเนเธอร์แลนด์แดนทิวลิป โดยโคลัมเบียผลิตดอกไม้ได้มากถึง 62% ของดอกไม้ตัดดอกที่ขายอยู่ในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมดอกไม้ซึ่งสร้างรายได้จากการส่งออกให้โคลัมเบียมหาศาลถึงปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น เกิดขึ้นบนสุขภาพที่ย่ำแย่ของคนงาน ส่วนใหญ่เป็นแม่ที่เลี้ยงลูกคนเดียว และสภาพแวดล้อมของประเทศ เพราะมีการใช้ยาฆ่าแมลงในระดับที่สูงมากถึงขั้นอันตรายตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (ฮู) เพราะรัฐบาลโคลัมเบียไม่ได้ออกกฎหมายควบคุมการใช้ยาฆ่าแมลงในเรือนกระจกที่ปลูกดอกไม้ ทำให้ระดับการใช้สารพิษมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
เคยเกิดกรณีตัวอย่างที่เป็นผลมาจากสารพิษในดอกไม้มาแล้ว เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 เกิดกรณีคนงาน 200 คนของโรงงานฟลอเรส อโปเซนโตส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะเป็นลม และเจ็บปวดในช่องปาก ซึ่งทางการคาดว่าจะเป็นผลมาจากการใช้ยาฆ่าแมลงในปริมาณเกินกว่าที่กำหนดไว้ แต่กลับลงโทษปรับบริษัทนี้เพียง 5,770 ดอลลาร์เท่านั้น
ส่วนบรรยากาศการขายดอกไม้ในประเทศไทยเป็นไปอย่างคึกคัก โดยนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมปศุสัตว์จังหวัดพิจิตร และพาณิชย์จังหวัด ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจตลาดเทศบาลเมืองพิจิตร เพื่อตรวจสอบราคาสินค้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ซึ่งพบว่าราคาดอกกุหลาบมีราคาเพิ่มขึ้น 1-2 เท่าตัว จากดอกละ 5 บาท เพิ่มขึ้นเป็นดอกละ 15-20 บาท
