นครบาลนำร่องโครงการ “โรงพักปลอดบุหรี่”

       วันนี้ (11 ก.ค.) พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ร่วมกับ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ แถลงเปิดโครงการ “โรงพักปลอดบุหรี่” ขึ้น เพื่อให้ข้าราชการตำรวจเป็นแบบอย่างในการเคารพกฎหมาย

ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ห้ามสูบ โดยมี พล.ต.ต.สมชาย มหาวันสุ ผู้รับผิดชอบโครงการร่วมด้วย
       
       พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า เนื่องจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2549 ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ที่ไม่สุบบุหรี่ พ.ศ.2535 กำหนดให้สถานที่ราชการเป็นเขตปลอดบุหรี่ซึ่งผู้ที่สูบสามารถ

สูบได้ในบริเวณเฉพาะที่กำหนดให้เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าแนวทางดังกล่าวทำให้มีผู้สูบบุหรี่ตัดสินใจเลิกกันมาก อีกทั้งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตระหนักว่า สถานีตำรวจเป็นสถานที่ราชการที่ประชาชนมาติดต่อจำนวนมาก ดังนั้น จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเป็นแบบอย่างในการส่งเสริมและ

ในการไม่สูบบุหรี่ในสถานที่ห้ามสูบ หรือเลิกบุหรี่ในที่สุด เพื่อสุขภาพที่ดีของข้าราชการตำรวจอีกด้วย ดังนั้นจึงจัดโครงการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง

เพื่อรณรงค์ให้สถานีตำรวจ

ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นเขตปลอดบุหรี่
       
       พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า วัตถุประสงค์โครงการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อจัดสภาพแวดล้อมให้โรงพักเป็นเขตปลอดบุหรี่ ตามที่กฎหมายกำหนด รณรงค์ให้ข้าราชการตำรวจตระหนักถึงอันตรายจากการสูบบุหรี่ และการได้รับควันบุหรี่มือสองจากผู้มาติดต่อราชการที่โรงพัก และรณรงค์ให้สถานีตำรวจเป็นเขตปลอดบุหรี่ โดยดำเนินการติดป้ายข้อความ สติกเกอร์และดำเนินการจัดสถานที่เฉพาะสำหรับผู้สูบบุหรี่ และช่วยเหลือตำรวจที่ต้องการเลิกสูบโดยให้แต่ละกองบังคับการ

หารายชื่อมาเพื่อลด ละ เลิกบุหรี่ และติดตามประเมิณผลการดำเนินงานเป็นระยะๆ
       
       ด้าน ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า เริ่มต้นจะจัดอบรมนายตำรวจสัญญาบัตร 88 สน.และจากสถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ จำนวน 1,300 นายต่อปี เพื่อให้ความรู้เรื่องการจัดการให้สถานีตำรวจเป็นเขตปลอดบุหรี่ พิษภัยของบุหรี่และวิธีเลิก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2550 - 28 ก.พ.2551 หากโครงการดังกล่าวได้เริ่มเป็นรูปธรรม เชื่อว่า โรงพักในเขต กทม.อย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์ ประกาศเป็นเขตปลอดบุหรี่ และ 80 เปอร์เซ็นต์ ประกาศนโยบายเป็นสถานีตำรวจปลอดบุหรี่ นอกจากนี้จะมีการขยายโครงการไปยัง โรงพักอื่นๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

 

 

 

 

 

ที่มา-