![]() |
ซึ่งหน่วยงานวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ
(IARA)
จัดให้สารอะคริลาไมด์เป็นสารกลุ่มที่มีความเป็นไปได้สูงในการก่อให้เกิดมะเร็งในคน
ผลวิจัยด้านการประเมินความเสี่ยงสารอะคริลาไมด์ของสหภาพยุโรปล่าสุด เผยแพร่ช่วงปลายปี 2550 ทำให้รู้ว่าคนจะได้รับสารอะคริลาไมด์เข้าสู่ร่างกายมากขึ้นจากการบริโภคอาหารที่ผ่านความร้อนสูง จากเดิมที่มีความรู้แค่ว่าอะคริลาไมด์เข้าสู่ร่างกายได้ 2 ทางคือ การดื่มน้ำและการสูบบุหรี่ โดยสารอะคริลาไมด์จะก่อตัวขึ้นในอาหารพวกธัญพืช มันฝรั่ง อาหารที่มีแป้งสูงและกาแฟ ที่ถูกให้ความร้อนสูงๆ (สูงกว่า 120 องศาเซลเซียส) หรือใช้เวลาในการอบ ทอด ย่าง ปิ้ง เป็นเวลานานๆ จนก่อตัวเป็นสารอะคริลาไมด์ขึ้นในที่สุด
นายยุทธศักดิ์ บอกด้วยว่า ปัจจุบันทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐ ยังมิได้มีการกำหนดค่ามาตรฐานการ ปนเปื้อนของสารอะคริลาไมด์ในอาหารแต่ละชนิด เนื่องจากต้องรอผลการประเมินความเสี่ยงที่ชัดเจน ส่วนประเทศไทยก็ยังไม่ได้กำหนดมาตรฐานการปนเปื้อนของอะคริลาไมด์เช่นกัน ทว่าหลายประเทศได้กำหนดมาตรฐานการปนเปื้อนของสารอะคริลาไมด์ในน้ำดื่มไว้ เช่นองค์การอนามัยโลกกำหนดข้อแนะนำด้านคุณภาพน้ำดื่มมีสารอะคริลาไมด์ปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.5 ไมโครกรัม/ลิตร สหภาพยุโรปกำหนดมาตรฐานน้ำดื่มให้มีสารอะคริลาไมด์ปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.1 ไมโครกรัม/ลิตร ส่วนสหรัฐ โดยหน่วยงาน EPA กำหนดให้ในน้ำดื่มต้องไม่พบสารอะคริลาไมด์ และกำหนดเทคนิคที่ใช้ในการทรีทเมนต์น้ำดื่มเพื่อลดการปนเปื้อนเช่นเดียวกับญี่ปุ่น
ปัจจุบันไทยยังมีข้อมูลปริมาณการปนเปื้อนอะคริลาไมด์ในอาหารจานด่วนที่คนไทยนิยมบริโภคไม่มากนัก และยังไม่มีการศึกษา หรือการประเมินความเสี่ยงถึงการได้รับสารอะคริลาไมด์จากการบริโภคอาหารจานด่วนและขนมขบเคี้ยว ทั้งไทยยังมีห้องปฏิบัติการไม่กี่แห่งที่สามารถวิเคราะห์สารอะคริลาไมด์ในอาหารได้ จึงน่าเป็นห่วงคนไทยอย่างยิ่งเพราะธุรกิจอาหารจานด่วน ขนมขบเคี้ยวในไทยได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ส่วนใหญ่เป็นผลจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนไทยเปลี่ยนไป
![]() |
ผลวิจัยด้านการประเมินความเสี่ยงสารอะคริลาไมด์ของสหภาพยุโรปล่าสุด เผยแพร่ช่วงปลายปี 2550 ทำให้รู้ว่าคนจะได้รับสารอะคริลาไมด์เข้าสู่ร่างกายมากขึ้นจากการบริโภคอาหารที่ผ่านความร้อนสูง จากเดิมที่มีความรู้แค่ว่าอะคริลาไมด์เข้าสู่ร่างกายได้ 2 ทางคือ การดื่มน้ำและการสูบบุหรี่ โดยสารอะคริลาไมด์จะก่อตัวขึ้นในอาหารพวกธัญพืช มันฝรั่ง อาหารที่มีแป้งสูงและกาแฟ ที่ถูกให้ความร้อนสูงๆ (สูงกว่า 120 องศาเซลเซียส) หรือใช้เวลาในการอบ ทอด ย่าง ปิ้ง เป็นเวลานานๆ จนก่อตัวเป็นสารอะคริลาไมด์ขึ้นในที่สุด
นายยุทธศักดิ์ บอกด้วยว่า ปัจจุบันทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐ ยังมิได้มีการกำหนดค่ามาตรฐานการ ปนเปื้อนของสารอะคริลาไมด์ในอาหารแต่ละชนิด เนื่องจากต้องรอผลการประเมินความเสี่ยงที่ชัดเจน ส่วนประเทศไทยก็ยังไม่ได้กำหนดมาตรฐานการปนเปื้อนของอะคริลาไมด์เช่นกัน ทว่าหลายประเทศได้กำหนดมาตรฐานการปนเปื้อนของสารอะคริลาไมด์ในน้ำดื่มไว้ เช่นองค์การอนามัยโลกกำหนดข้อแนะนำด้านคุณภาพน้ำดื่มมีสารอะคริลาไมด์ปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.5 ไมโครกรัม/ลิตร สหภาพยุโรปกำหนดมาตรฐานน้ำดื่มให้มีสารอะคริลาไมด์ปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.1 ไมโครกรัม/ลิตร ส่วนสหรัฐ โดยหน่วยงาน EPA กำหนดให้ในน้ำดื่มต้องไม่พบสารอะคริลาไมด์ และกำหนดเทคนิคที่ใช้ในการทรีทเมนต์น้ำดื่มเพื่อลดการปนเปื้อนเช่นเดียวกับญี่ปุ่น
ปัจจุบันไทยยังมีข้อมูลปริมาณการปนเปื้อนอะคริลาไมด์ในอาหารจานด่วนที่คนไทยนิยมบริโภคไม่มากนัก และยังไม่มีการศึกษา หรือการประเมินความเสี่ยงถึงการได้รับสารอะคริลาไมด์จากการบริโภคอาหารจานด่วนและขนมขบเคี้ยว ทั้งไทยยังมีห้องปฏิบัติการไม่กี่แห่งที่สามารถวิเคราะห์สารอะคริลาไมด์ในอาหารได้ จึงน่าเป็นห่วงคนไทยอย่างยิ่งเพราะธุรกิจอาหารจานด่วน ขนมขบเคี้ยวในไทยได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ส่วนใหญ่เป็นผลจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนไทยเปลี่ยนไป
จากเดิมที่บริโภคอาหารไทยแบบดั้งเดิมเป็นหลักมาเป็นบริโภคอาหารต่างชาติและอาหารจานด่วน
ฉะนั้นควรรณรงค์ให้คนไทยทุกเพศ ทุกวัยหันมาบริโภคอาหารแบบไทยๆ
ที่มีเส้นใยให้มากขึ้น นอกจากช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งแล้ว
ยังช่วยแก้ปัญหาที่คนไทยมีภาวะโภชนาการเกิน และเป็นโรคอ้วนได้อีกด้วย
ที่มา-
