เมื่อเวลา
13.00 น. วันที่ 7 มี.ค. ขณะที่ พ.ต.ท.สุวิทย์ ปัญโญ สารวัตรเวร
สภ.เมืองเชียงใหม่ ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องสอบสวน ได้มีนายประยูร
พรหมเผ่า อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/8 สนามกีฬา ซอย 4 ก ต.ศรีภูมิ
อ.เมืองเชียงใหม่ เดินหน้าตาตื่นเข้ามาหา ในมือหอบลังกระดาษขนาดใหญ่
ภายในลังมีแจกันเซรามิกเก่า 2 อัน หม้อหุงข้าวไฟฟ้า 1 อัน แจกันทองเหลือง
1 อัน และศาสตราวุธจำลอง 1 ชุด มามอบให้กับตำรวจ
พร้อมกันนี้ นายประยูรยังเขียนบันทึกด้วยลายมือลงในกระดาษ เอ 4 มีใจความว่า “ข้าพเจ้า นายประยูร พรหมเผ่า มีที่อยู่ตามข้างต้น ได้เอาของมาคืนให้กับแม่พรรณพิมพ์ คชหิรัญ ไว้เหมือนเดิม หลังจากที่ได้นำไปไว้ที่บ้านพักของตนเอง วิญญาณเจ้าของยังวนเวียนอยู่กับของรักของหวง ทำให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์ทรมานด้านจิตใจอยู่ไม่เป็นสุขเลย ขอดวงวิญญาณแม่พรรณพิมพ์ จงรับรู้ไว้ด้วยว่า ข้าพเจ้าเอาสิ่งของมาคืนไว้ที่บ้านหลังนี้แล้ว จงอย่ามีเวร มีกรรม แก่กันอีกเลย”
พ.ต.ท.สุวิทย์ จึงพานายประยูร ไปพบ พ.ต.ท.ชนะวุฒิ วิบูลย์เกียรติ์ สว.สส. หน.ชุดสืบสวน ในห้องสืบสวนด้านหลังโรงพักเพื่อสอบปากคำหาข้อเท็จจริง โดย พ.ต.ท. ชนะวุฒิเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา มีพลเมืองดีที่พักอยู่ใกล้บ้านเลขที่ 146 หมู่ 6 ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ โทรศัพท์แจ้ง พ.ต.ต.วิสูตร วงค์ใหญ่ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ว่า บ้านหลังดังกล่าวเจ้าของบ้านคือ พ.ต.อ.(พิเศษ) ศิริ คชหิรัญ อดีต ผวจ.ยะลา และภรรยา คือ นางพรรณพิมพ์ คชหิรัญ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 2 คน โดยญาติผู้ตายได้ปิดบ้านทิ้งไว้ไม่มีคนเฝ้า แต่มีเพื่อนบ้านเห็นประตูหน้าบ้านที่ปิดล็อกเปิดแง้มไว้ เกรงจะมีคนร้ายเข้าไปขโมยของ จึงแจ้งตำรวจไปตรวจสอบ เมื่อตำรวจไปถึงปรากฏว่าพบข้าวของในบ้านถูกรื้อค้น จึงสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย ทราบเบาะแสจากพยานแวดล้อมว่า คนร้ายที่ขโมยของไปคือคนที่เคยดูแลบ้านหลังดังกล่าวนั่นเอง ระหว่างติดตามหาตัวอยู่นั้น จู่ๆนายประยูรก็นำของกลางที่ถูกขโมยไปมาคืนให้ตำรวจ
ด้านนายประยูรให้การอ้างว่า มีอาชีพขับรถตระเวนรับซื้อของเก่าตามหมู่บ้าน วันเกิดเหตุขณะขับรถผ่านบ้านหลังดังกล่าว มีชายคนหนึ่งอายุราว 30 ปี บอกจะขายของเก่าในบ้าน โดยชายคนดังกล่าวมีกุญแจไขประตูเข้าไป ทำให้ตนหลงเชื่อว่าน่าจะเป็นญาติเจ้าของบ้าน เมื่อเข้าไปในตัวบ้านก็ได้เดินดูรูปที่แขวนไว้ตามฝาผนังจนทราบว่า เป็นบ้านของนางพรรณพิมพ์ คชหิรัญ ภรรยาอดีต ผวจ.ยะลา จึงตกลงรับซื้อของเก่าจากชายคนนั้น เป็นข้าวของจำพวกตู้เสื้อผ้าไม้สัก โต๊ะไม้สัก และของใช้ ส่วนตัวอีกหลายสิบชิ้น จ่ายเงินไป 2 พันบาทเศษ จากนั้นก็นำของทั้งหมดขึ้นรถกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน
พ่อค้าของเก่าที่เพิ่งประสบกับเรื่องสยองขวัญ เล่าให้ตำรวจฟังด้วยน้ำเสียงยังไม่หายหวาดหวั่นว่า นับตั้งแต่วันที่นำของเก่าเหล่านั้นเข้าบ้าน ตกกลางคืนจะมีคนรูปร่างสูงใหญ่เป็นเงาดำทะมึน มายืนอยู่ข้างเตียงนอน และพูดทวงของคืน เป็นเช่นนี้ตั้งแต่คืนแรกที่นำของเก่าเข้าบ้าน จนไม่เป็นอันหลับอันนอน ถ้าหลับตาก็จะมีอาการคล้ายผีอำ จนไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ทำให้เกิดความเครียดไม่เป็นอันกินอันนอน เนื่องจากหวาดกลัวมาก ต่อมาจึงทยอยนำของไปคืนที่บ้าน เหลือเพียงของเล็กๆน้อยๆไม่กี่ชิ้น
พ.ต.ท.ชนะวุฒิกล่าวว่า เท่าที่ทราบ ลูกชายเจ้าของบ้านคนหนึ่ง เป็นนายตำรวจยศ พล.ต.ต.อยู่ กรุงเทพฯ และปิดบ้านทิ้งไว้ ปกติจะมีตำรวจลูกน้องเก่าคอยแวะเวียนไปดูแลให้ ส่วนคนร้ายที่ขโมยของไป ตำรวจได้สอบถามพยานแวดล้อมจนรู้ตัวแล้ว และแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบ แต่เจ้าของบ้านไม่อยากเอาเรื่อง เพราะเห็นว่าเป็นของเล็กๆน้อยๆ กระทั่งมีพ่อค้าของเก่านำของมาคืนให้ ซึ่งนายประยูรยืนยันว่า ไม่ได้เข้าไปขโมยของ แต่ไปซื้อมาอย่างถูกต้อง และคนที่เฝ้าบ้านก็เป็นคนเปิดประตูให้ เข้าไปเอง ตำรวจจะเก็บของที่นายประยูรนำมามอบให้ เพื่อส่งคืนเจ้าของต่อไป พร้อมกับได้ทำประวัตินายประยูรไว้ ส่วนเรื่องที่นายประยูรอ้างวิญญาณตามไปทวงสมบัติคืนนั้น เรื่องอย่างนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เข้าทำนองไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ซึ่งจะรีบประสานให้เจ้าของมารับทรัพย์สินกลับคืนไป แต่ตอนนี้ยังติดต่อเจ้าของไม่ได้
จากการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตพบว่า พ.ต.อ. (พิเศษ) ศิริ คชหิรัญ เคยรับราชการดำรงตำแหน่งเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างปี พ.ศ.2494-2496 จากนั้นโอนย้ายไปอยู่กรมการปกครอง และเกษียณในตำแหน่ง ผวจ.ยะลา กระทั่งเสียชีวิตเมื่อปี 2522 มีบุตร 4 คน บุตรชายคนหนึ่งของ พ.ต.อ.(พิเศษ) ศิริ เป็นพระเอกภาพยนตร์ชื่อดังในอดีต มีชื่อในวงการบันเทิงว่า “นาท ภูวนัย” ชื่อจริงคือนายอุดมพร คชหิรัญ เพิ่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์
