
ในขณะที่นักบวชคนใหม่ของโบสถ์ทางพระพุทธศาสนานิกายนิชิเรน (Nichiren) ในเขตอินเตอร์เนชั่นเเนล ของเมืองซีแอตเติลกำลังทำความสะอาดอาคารที่ทำด้วยอิฐที่มีอายุเก่าแก่ถึง
80 ปี หลังจากที่เขาเพิ่งมาถึงโบสถ์แห่งนี้ได้เพียง 2-3 เดือนเท่านั้น
เขาก็ได้ค้นพบความลับของอาคารหลังนี้ซึ่งซ่อนอยู่ภายในฝาผนังของตัวอาคาร
ภายในซอกแห่งหนึ่งที่ดูน่าขนลุก เขาได้ค้นพบธงชาติญี่ปุ่นหลายอัน
ที่ฝุ่นจับเขอะ ดูลักษณะเหมือนไม่ได้ถูกจับต้องมาตั้งแต่ในระยะต้นๆ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่
2
หลังจากที่ช่างซ่อมไฟฟ้าทำการทุบฝาผนังอาคารด้านหนึ่ง ก็ได้พบกับตำราทางพระพุทธศาสนาเก่าแก่ถูกม้วนอยู่ภายในแผ่นหนังสีน้ำตาลซ่อนอยู่
น่าจะเป็นเวลายาวนานได้ 60 ปีแล้ว เขาเดา
หนังสือต่างๆ เหล่านี้อ้างอิงถึงจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น ท่านนักบวชคานจิน เซเดอร์แมน
(Kanjin Cederman) อายุ 33 ปี คิดว่าพุทธบริษัท
4 ในสมัยนั้นคงรู้สึกหวาดกลัวว่า พวกตนอาจจะมีการแสดงออกที่ใกลัชิดกับทางแผ่นดินแม่
(คือญี่ปุ่น) มากเกินไป หลังจากที่ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์
ท่านนักบวชเข้าใจถึงความหวาดกลัวดีว่า ชาวญี่ปุ่นในอเมริกาในขณะนั้นกลัวว่าจะถูกตามรังควาน เขากล่าว
ท่านนักบวชเซเดอร์แมนแรกเกิดชื่อ ไมเคิล เซเดอร์แมน (Michael Cederman) ในครอบครัวชาวยิว
บ่ายวันหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในห้องทำงาน เซเดอร์แมนอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำ
ถุงเท้าขาว และสวมรองเท้าแตะ ส่วนเวลาที่เขาต้องเดินทางไปเข้าร่วมประชุม มาโซนิค (Masonic) เขาจะสวมหมวกแบบ Shriner และใช้ชุดแบบชาวตะวันตกแทน
เวลาอยู่นอกวัด เขาจะสวมหมวกทรงกะลาเพื่อให้ดูสอดคล้อง
เขามีลีลาการพูดเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ส่วนสำเนียงนั้นเป็นแบบชาวนิวยอร์กแท้ๆ เหมือนตอนที่เขาอธิบายว่า
เขาสวมเสื้อคลุมเวลาอยู่ใน ช่วงการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา “เพื่อทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ”
“ไม่ใช่เพราะว่า มันทำให้ผมเป็นที่น่าดู” เขากล่าว
แต่ในการพูดหลายครั้ง เขาก็ใช้ภาษาอังกฤษแบบไม่ถูกต้องตามไวยากรณ์
“ห่อที่ผมพบนั้น” เขากล่าว เป็นการพิมพ์ด้วยหินโดยใช้มือ
ซึ่งในขณะนี้ได้ถูกแขวนไว้ถัดจากแท่นบูชาสีทองที่ซึ่งเขายืนนำผู้ที่มาวัดสวดมนต์
การพิมพ์ชนิดนี้นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อตอนที่โบสถ์แห่งนี้ได้ถูกตั้งขึ้นเมื่อศตวรรษที่
13 โดยนักปรัชญาชาวญี่ปุ่นชื่อ นิชิเรน (Nichiren) ซึ่งเผยแพร่คำสอนตามแบบพุทธศาสนาแขนงหนึ่ง
ที่เซเดอร์แมนปฏิบัติตามอยู่ในขณะนี้
“ผมคิดว่า มันมาจากเซนซิอิ ในตัวผม”
เขาหมายถึงอาจารย์ทางพระพุทธศาสนาของเขาที่อยู่ที่เมืองโทรอนโต “เขาเป็นชาวญี่ปุ่น
และบางครั้ง มันเป็นการยากที่เข้าใจภาษาอังกฤษที่เขากำลังพูดอยู่ จนกว่าคุณจะเรียนรู้ว่า
เขากำลังพูดภาษาอังกฤษตามแบบฉบับของเขาเอง ผมคิดว่า
ผมได้หวนกลับไปคิดแบบที่อาจารย์ของผมได้สอนผมไว้แล้ว”
เหมือนการเดินทางทางจิตวิญญาณจำนวนมาก วงเวียนชีวิตของเขา
ก็ไม่ได้มีคำอธิบายที่แจ่มชัดว่า อะไรเป็นสาเหตุที่นำเขามาที่ซีแอตเติล เขาเติบโตที่เมืองบัฟโฟโล
(Buffalo) บิดาของเขาเป็นยิว มารดาเป็นแคทอริค
แต่เซเดอร์แมนบอกว่า
เขาไม่ได้ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาในความเชื่อใดความเชื่อหนึ่งโดยเฉพาะ
ในช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่น
เขาพบว่าตัวเองชอบตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อของศาสนาต่างๆ ที่มีอยู่รอบๆ
ตัวเขาอยู่ตลอดเวลา “ผมจำได้ว่า ผมเคยคิดว่า ถ้าเราคือผู้ที่ได้รับเลือก
(จากพระผู้เป็นเจ้า) แล้วพวกคนอื่นๆ ล่ะ?”
ก่อนหน้านี้ เซเดอร์แมนไม่ใช่นักการศาสนาซะทีเดียว เขาฝึกอาเคโด (aikido) ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 16 ปี เขาเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อฝึกศิลปะป้องกันตัวกับพระภิกษุทางพระพุทธศาสนารูปหนึ่งที่นั่น
“วันที่ผมจบการศึกษามัธยมปลาย ผมคิดว่า ผมจะต้องตัดสินใจว่า
ผมต้องการจะเป็นคนแบบไหน ผมคิดถึงบุคคลต่างๆ ที่เป็นคนดีๆ ที่ผมรู้จัก”
เขาคิดถึงพระภิกษุ และเขาก็ตัดสินเดินทางไปประเทศจีนเพื่อบวชเป็นพระที่นั่น
หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี เขาก็ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธนิกาย นิชิเรน-ชู (Nichiren-shu) เขาได้ศึกษาอยู่ที่เมืองโทรอนโต
และที่ญี่ปุ่น ก่อนที่จะเดินทางกลับมาที่เมืองบัฟโฟโล (Buffalo) เพื่อที่มาเปิดวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งขึ้น
ขณะที่เขากำลังเรียนปริญญาตรีด้านวรรณคดีภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยบัฟโฟโล
เขาได้รับข้อเสนอให้มาปรับปรุงวัดแห่งหนึ่งในซีแอตเติลร่วมกับกลุ่มพุทธบริษัทผู้สูงอายุที่นี่
ภารกิจอันแรกของเขาก็คือ การซ่อมบำรุงตัวอาคารเพื่อเป็นที่รองรับครอบครัวสาธุชนที่มาทำกิจกรรมที่วัดเพียงเฉพาะที่มีพิธีกรรมสำคัญๆเท่านั้น
แต่ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมการบริการอื่นๆ แต่อย่างใด และนี่ก็คือ
ภารกิจของนักบวชเซเดอร์แมนที่จะต้องมารื้อฟื้นประวัติศาสตร์หน้านี้ของวัดแห่งนี้ให้หวนกลับคืนมา
ชาวญี่ปุ่นที่ซ่อนสิ่งที่ทำขึ้นด้วยมือนั้นไว้ เพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องการเข้ากันได้กับวัฒนธรรมในประเทศใหม่
พวกเขาจึงเรียกสถานที่นี้ว่า เป็นโบสถ์ แทนที่จะเรียกว่า เป็นวัด
และเรียกนักบวชด้วยคำขึ้นต้นว่า ‘reverend’ แทนคำว่า ‘shomin’ ตามธรรมเนียนปฏิบัติดั้งเดิม
อาคารดังกล่าวของโบสถ์แห่งนี้เป็นอาคารก่ออิฐธรรมดา 2 ชั้น
มีบันไดสูงด้านหน้า “คุณว่า อาคารหลังนี้ดูคล้ายอะไร?” เขากล่าว
“รูปแบบของอาคารที่ปรากฎเตือนให้รำลึกถึงรูปแบบเฉพาะอะไรบางอย่างหรือไม่? มันเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมของ
Masonic” เขากล่าว
สมาชิกส่วนใหญ่ของโบสถ์แห่งนี้ซึ่งชาวญี่ปุ่นได้เริ่มให้การยอมรับชาวนิวยอร์กผิวขาวคนนี้แล้ว”
คิมิอิ กูราโมโตะ (Kimie
Kuramoto) หัวหน้ากลุ่มสตรีของโบสถ์กล่าว
เขาได้แขวนแผ่นอักษรพิมพ์ด้วยหินซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกแขวนไว้ข้างๆ
แท่นบูชาสีทองเมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นไว้ที่เดิมนั้นอีกครั้ง
กูราโมโตะ กล่าวว่า “พวกเราหัวเราะ มันเหมือนกับ ตอนที่บารัค โอบาม่า ชูคำขวัญในการเลือกตั้งของเขาว่า
“เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง”
ที่มา-http://seattlepi.nwsource.com/local/393321_noparking23.html