"ประเพณีแข่งเรือ" ถือเป็นสัญลักษณ์และเป็นสีสันแห่งเมืองน่าน เป็นความผูกพันของคนเมืองน่านกับสายน้ำ ชาวน่านเชื่อว่าเทพแห่งสายน้ำ หรือสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้ให้น้ำคือ พญานาคา หรือพญานาคราช

ดังนั้นคนน่านจึงเปรียบพญานาคราชเป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ของพืชพันธุ์ธัญญาหารและฝนฟ้าที่ตกต้องตามฤดูกาล

ประเพณีการแข่งเรือของเมืองน่าน จึงถือเสมือนว่าเป็นการคารวะบูชาพญานาคราช ทำให้หัวเรือแข่งทุกลำของจังหวัด จะเป็นรูปพญานาค เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเรือเมืองน่าน แตกต่างจากเรือแข่งของจังหวัดอื่นๆ

ยามเสียงฆ้อง กลอง ฉิ่งฉาบ และพับพาง (ม้าล่อ) ประสานดังกันเป็นจังหวะเร้าใจ โขนเรือที่จำลองเป็นรูปพญานาคจึงพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าอย่างสง่างามกลางสายน้ำน่าน ด้วยกำลังฝีพายของแต่ละคุ้งน้ำ ของแต่ละศรัทธาหัววัด หรือของแต่ละหมู่บ้านเป็นภาพที่น่าตื่นเต้นและเร้าใจยิ่งของบรรดาผู้ชมที่จ้องมองด้วยใจจดใจจ่ออยู่สองฝั่งแม่น้ำน่าน

นี่คือบรรยากาศยามเมื่อเทศกาลแข่งเรือแวะเวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่ง

นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองน่าน กล่าวว่า งานประเพณีแข่งเรือ อันเป็นประเพณีเก่าแก่ของคนเมืองน่าน ก่อนนี้กลายเป็นลานโปรโมตสินค้าน้ำเมา เพราะเดินไปจุดไหนของเมืองและสนามแข่งเรือ ก็มีแต่ป้ายโฆษณาน้ำเมา และการขายตรงแบบลด แลก แจก แถม แต่ด้วยความร่วมมือของเครือข่ายคนน่านและภาคีหลากหลายภาคส่วนช่วยกันจัดเวทีประชาคม สร้างความตระหนักและผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง




จนกระทั่งปี 2550 จังหวัดน่าน และเทศบาลเมืองน่าน กำหนดจัด "เรือแข่งปลอดน้ำเมา" เป็นปีแรก โดยเริ่มจากการปลอดโฆษณาน้ำเมา ปฏิเสธการสนับสนุนจากบริษัทผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมกับรณรงค์ลดการดื่มในกลุ่มกองเชียร์ คนดูและฝีพายอย่างจริงจัง

ผลของการจัดงานมีเสียงตอบรับ ชื่นชมและให้กำลังใจจากประชาชน นอกจากงานจะเป็นไปตามประเพณีอันสวยงามแล้ว ยังพบว่าอุบัติเหตุที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ไม่มี และเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทก็ไม่เกิดขึ้นในพื้นที่จัดงาน นับจากนั้นจึงมี "งานประ เพณีปลอดน้ำเมา" เรื่อยมา

และในปีนี้จังหวัดน่าน กำหนดการจัดงานประเพณีแข่งเรือปลอดเหล้า-เบียร์ ประจำปี 2552 ระหว่างวันที่ 12-13 ก.ย. และนัดปิดสนามชิงถ้วยพระราชทานฯ ในวันที่ 16-18 ต.ค. ณ บริเวณแม่น้ำน่าน (เชิงสะพานพัฒนาภาคเหนือ) ในปีนี้คาดว่าจะมีเรือเข้าร่วมแข่งขันไม่ต่ำกว่า 140 ลำ

การแข่งเรือ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทเรือสวยงามและประเภทเรือเร็ว โดยที่เรือสวยงามนั้นจะเน้นการตกแต่งเรือให้มีรูปร่างต่างๆ อย่างสวยงามและมีความหมายที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองน่าน เช่น บางหมู่บ้านจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ก็จะมีการตกแต่งเป็นวัด และงาช้างดำ แล้วประดับตกแต่งด้วยดอกไม้

ในขณะที่บางลำอาจมีการแสดงศิลปะพื้นบ้านของเมืองน่าน เช่น ฟ้อนล่องน่าน ซอล่องน่าน หรือดนตรีพื้นบ้าน เรือประเภทสวยงามนี้จะได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี หลังจากการประกวดเรือประเภทสวยงามแล้ว การแข่งขันเรือด้วยความเร็วจึงจะเริ่มได้

ในการแข่งขันจะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทเรือเล็กมีฝีพาย 30 คน ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประเภทเรือกลางมีฝีพายไม่เกิน 40 คน ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประเภทเรือใหญ่มีฝีพายไม่เกิน 58 คน จะชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว

ประเพณีแข่งเรือนั้นไม่ได้สนุกเฉพาะการแข่งด้านความสวยงาม หรือความเร็วเท่านั้น แต่ด้านกองเชียร์ของแต่ละทีมก็มีความสนุกสนานไม่แพ้กัน เพราะหมู่บ้านใดมีเรือของตนเข้าแข่งขัน ก็จะมาสร้างอัฒจันทร์ ตามริมฝั่งแม่น้ำ มีเครื่องดนตรี การเต้นรำประกอบจังหวะ การแปรอักษร ร้องเพลงเชียร์ แบบทุ่มเททั้งตัว ทั้งหัวใจ เป็นสีสันความสนุกอีกแบบของประเพณีแข่งเรือ และเป็นการแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคี

การแข่งขันเรือจังหวัดน่านนั้น มีความเป็นที่สุดใน 4 ข้อ คือ มีถ้วยพระราชทานมากที่สุด, มีเรือที่เก่าแก่มากที่สุด, มีเรือที่สวยที่สุดโดยมีหัวเรือเป็นพญานาคทุกลำ, มีเรือแข่งมากที่สุด

ทั้งยังมีการเพิ่มความเป็นที่สุดอีก 1 ข้อ คือมีความภาคภูมิใจมากที่สุดในการเป็นต้นแบบการจัดงานประเพณีปลอดเหล้า-เบียร์


ที่มา-น.ส.พ.ข่าวสดออนไลน์
 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง