ความหมายของคำว่า “สัมมา อะระหัง”
พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
"สัมมา อะระหัง" เป็นคำที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ใช้สำหรับบริกรรมภาวนาในการบำเพ็ญสมณธรรม ผู้ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ(Meditation)กัมมัฏฐานตามนัยของหลวงปู่ อาศัยคำภาวนานี้บริกรรมประกอบกับน้อมนำใจมาไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เมื่อใจหยุดถูกส่วนเข้าก็จะเข้าถึงธรรมกายได้
คำว่า "สัมมา อะระหัง" นี้ เป็นบทพระพุทธคุณที่เราใช้ท่องกันอยู่ประจำ "สัมมา" เป็นศัพท์ที่มีความหมายสูง แปลว่า ชอบ ในพระพุทธคุณ 9 บท ท่านเอาศัพท์นี้เข้าคู่กับ สัมพุทโธ เป็น สัมมาสัมพุทโธ แปลว่า ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
นอกจากใช้ในบทพระพุทธคุณแล้ว ยังมีใช้ในองค์อริยมรรค 8 ด้วย โดยมีคำว่า สัมมา ควบองค์มรรคอยู่ทุกข้อ เป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ เป็นต้น ส่วนศัพท์ คำว่า อะระหัง เป็นพระพุทธคุณบทต้น แปลว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นพระอรหันต์
เมื่อเข้าคู่กันเป็น "สัมมา อะระหัง" ก็แปลว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นพระอรหันต์โดยชอบ คือ ถูกต้อง ไม่ผิด โดยนัยว่าบทบริกรรม สัมมา อะระหัง ของหลวงปู่วัดปากน้ำ จึงมีความหมายสูงและอยู่ในขอบข่ายของพุทธานุสสติโดยแท้
พระโบราณาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า "สัมมา อะระหัง" เป็นพุทธานุสสติ มีประโยชน์ในการเจริญภาวนากัมมัฏฐานมาก" ดังที่ท่านได้อธิบายว่า
"พุทธานุสติ เป็นธรรมประการต้นที่หลวงปู่วัดปากน้ำ สนใจปฏิบัติ และสอนสานุศิษย์เป็นพิเศษ ทุกครั้งที่ปฏิบัติธรรมจะต้องตั้งใจระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เพราะพุทธานุสสตินั้นเป็นธรรมให้จิตตื่น ให้จิตสว่าง ให้จิตมีกำลัง ให้จิตมีความกล้าที่จะปฏิบัติธรรมสืบต่อไป เป็นวิสัยอันดีของพุทธศาสนิกชนทั่วไป
"สัมมา อะระหัง"
ธรรมดาบุคคลเราถ้าไม่มีอะไรที่พึงยึดแล้ว จิตย่อมคอยแต่จะฟุ้งซ่าน จะทำให้สงบอยู่ไม่ได้ จิตจึงต้องมีพุทธคุณยึด เมื่อมีพุทธคุณยึดแล้ว จะหลับก็ตาม จะตื่นก็ตาม จิตย่อมอยู่ในการรักษาทั้งนั้น
เพราะพุทธานุภาพย่อมรักษาคนที่มีสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์อยู่เป็นนิตย์
ดังพุทธภาษิตว่า.....
สุปฺปพุทธํ ปพุชฺฌนฺติ สทา โคตมสาวกา
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ นิจฺจํ พุทฺธคตา สติ
สติที่ไปในพระพุทธเจ้า มีแต่พระสาวกของพระโคดมเหล่าใด
ทั้งวันทั้งคืน พระสาวกของพระโคดมเหล่านั้น จะหลับก็ตาม
จะตื่นก็ตาม ชื่อว่าตื่น ตื่นแล้วด้วยดี
ธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม 43 หน้า 172, มก.
ความสุขที่หยุดได้ ในกลาง
เป็นสุดสุขตามทาง ในกลาง
สะอาดสงบสว่าง พรางแผ้ว
หยุดนิ่งทุกค่ำเช้า จักได้สุดธรรม
บทความอื่นๆ
http://goo.gl/tE7U4I