Planking หยุดนิ่งโลกทั้งใบ!

          Planking นั้นเป็นปรากฏการณ์ทางด้านสังคม ที่มาจากคำว่า “Fad”  ซึ่งหมายถึง สิ่งที่นิยมชมชอบชั่วครั้งชั่วคราว และทำต่อๆ กันมา เกิดขึ้นและจบลงในช่วงเวลาสั้นๆ  Planking เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ว่ากันว่า... มีที่มาจากประเทศอังกฤษ เมื่อปี 1997 ได้มี บุคคลท่านหนึ่งเล่นเกม ที่เรียกว่า “lying down game” คือเกมนอนคว่ำหน้า ซึ่งกติกาของเกมดังกล่าวมีกฎว่า จะต้องมีการนอนคว่ำหน้า โดยที่มือสองข้างแนบติดกับลำตัว ทำตัวแข็ง และจึงเกิดความท้าทายที่ว่าจะทำให้พลิกแพลงได้อย่างไรให้ดูท้าทายยิ่งขึ้น เช่น ยิ่งทำในที่สาธารณะเท่าไร ในที่ที่ยิ่งยากเท่าไร จะยิ่งตื่นเต้น  โดยมีการแข่งขันกัน เช่น เล่นบนกำแพง บนหลังคา บนที่สูง บนบันได      

          แต่ในความไร้สาระนั้น ก็มี 2 สาวชาวไต้หวัน คาเรน กับ จินหยู ที่นำเสนอ แพลงกิ้ง ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์คือมีอุดมการณ์ที่จะช่วยเหลือสุนัขเร่ร่อน , การโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งของไต้หวัน รวมถึงการรณรงค์ในเรื่องของการหยุดทรมานสัตว์ หรือการฆ่าสัตว์ โดยนำหนังหรือขนมาเป็นเครื่องประดับ เป็นต้น   ซึ่งในทางการเมืองก็มีการทำแพลงกิ้งเพื่อเรียกร้องสิ่งต่างๆ ที่ตนต้องการ โดยการทำ แพลงกิ้งหมู่ เพื่ออุดมการณ์ของหมู่คณะ เป็นต้น      

 

ท่านั่งพับเพียบ จาก พับเพียบไทยแลนด์ ที่กำลังเป็นกระแสดังไม่น้อยไปว่า Planking

          และ เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีกระแสมาว่า ทำไมต้องไปเลียนแบบฝรั่ง จึงมีท่า ไทยๆ ออกมา คือ การ “นั่งพับเพียบ”  โดยใช้ชื่อว่า “พับเพียบไทยแลนด์” ขึ้นมาใน Facebook ปรากฏว่ามีคนกด Like ไปแล้วถึง 2 แสนกว่าคน ซึ่งในส่วนของแพลงกิ้งเองนั้นมีเพียง 1.7 แสนเท่านั้นเองถึงแม้จะเป็นกระแสที่มาก่อนก็ตาม ซึ่งสโลแกน ของพับเพียบไทยแลนด์นั้น คือ “วันนี้คุณพับเพียบหรือยัง” หรือ “ไม่อันตราย งามอย่างไทย ผู้ใหญ่รัก” ซึ่งไม่ว่าจะเป็น แพลงกิ้ง หรือ พับเพียบ นั้น ขึ้นอยู่กับความหมายของสิ่งที่ทำ ว่า “ทำแล้วทำให้อะไรดีขึ้นบ้าง”

 

 

เลวิเทติ้ง หรือ การลอยตัวกลางอากาศ เป็นอีกหนึ่งกระแสซึ่งฮิตในขณะนี้

Peace Position-  ณ ศูนย์กลางกาย

"ความดีสากลที่ทุกคนสามารถทำได้"

          Peace Position กับสโลแกนที่ว่า “ความดีสากลที่ทุกคนสามารถทำได้” ปลอดภัยแน่นอน เพราะสามารถข้ามภพข้ามชาติได้ จากกระแสแพลงกิ้งดังกล่าวสามารถสื่อให้เห็นว่า ศักยภาพของคนในปัจจุบันสามารถ “สร้างกระแส” ได้ เป็นอย่างดีแม้ใม่ใช่สื่อมวลชนก็ตาม เพราะในปัจจุบันนี้เรามักจะนิยมสื่อทางเลือก เช่น Facebook  ซึ่งจะทำให้คนแต่ละคน สามารถทำอะไรแปลกๆ และสามารถดึงดูดคนมาดูได้มากมาย จากคนคนเดียว ช่องทางเหล่านี้ทำให้เกิดกระแสขึ้นมาอีกมากมาย การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีได้พ้น ซึ่งท่าแพลงกิ้งหรือท่าแกล้งตายนั้นก็ เป็นการกระตุกจิตสำนึกให้คิดอะไรได้บางอย่าง บางคนก็อาจจะมีความรู้สึกว่า มันโดนใจ มากกว่าท่าอื่นๆ แล้วทำให้เกิดกระแสขึ้นมา          

          ซึ่งถ้าหากเราเพียงสนใจตามดู เพื่อรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในสังคม เพียงแต่ถ้าใครคิดจะเลียนแบบขอให้ถามตัวเองสักนิดว่า... “ทำเพื่ออะไร”  

 

          คนในยุคปัจจุบันจำนวนไม่น้อยที่ “ขาดความรัก” ต้องการความสนใจจากคนรอบข้าง เช่นเจาะตามเนื้อตัวต่างๆ การย้อมผม หรือ การทำอะไรแปลก เพื่อให้ดูเป็นจุดสนใจ ซึ่งอย่างไรก็ยังดูเป็นเรื่องไม่ปกติ แต่ผู้ทำนั้นทำไป เพียงเพื่อต้องการให้คนสนใจและชดเชย “ความรักที่ขาดหาย” เท่านั้นเอง

 

          นอกจากนี้ท่าที่ควรทำให้เป็นกระแสติดระดับโลกอีกท่าหนึ่ง นั่นก็คือ ท่า “Peace Position” หรือท่านั่งสมาธิ นั่นเอง ซึ่งเป็นท่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิบัติในตอนที่ตรัสรู้ธรรม เมื่อวันวิสาขบูชา 2500 ปีก่อน ซึ่งเป็นท่าปิดอบาย เปิดสวรรค์ และหนทางพระนิพพาน

การนำเสนอ ความ “แผลง”  ผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ตนั้น เราก็ควรจะรู้ว่า ควรนำเสนออย่างไรให้ดูมีประโยชน์ เช่น ท่าพับเพียบ อย่างนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยก็เป็นการสื่อเอกลักษณ์แห่งวัฒนธรรมไทย

 

          Peace Position นั้น เป็นท่าที่ทำให้เราพบกับความสุขทั้งในชาตินี้และชาติหน้าได้ ซึ่งจะเป็นความสุขที่ไม่ใช่เฉพาะตัวเอง แต่ยังเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวและสังคมคนรอบข้าง และทั่วโลก และถ้าหากท่านี้ฮิตกันไปทั่วโลกแล้วนั้น “สันติสุขและความร่มเย็น” ก็จะเกิดขึ้นทั่วโลก...       

 

 

"เรามารวมใจกันเปลี่ยนโลกใบนี้"

โดย ทำท่า Peace Position กันทั่วโลก