ผลปฏิบัติธรรม
จากโรงเรียน ลุงก้า (โซโลมอน)
ผม เปเล่ ลูกพระธัมฯ คนเดิม หัวใจเดิมครับ วันนี้ผมขออนุญาต เล่าเรื่องราวการปฏิบัติธรรมของครู-นักเรียน ในโซโลมอน ภาค2 ต่อเลยนะครับ หลังจากคราวก่อน ผมไปที่โรงเรียนเทวานาตู กับบอดี้การ์ด ทอมมี่ ทิลา ครั้งนี้ทอมมี่ ก็ได้แนะนำอีกเช่นเคยว่า “มีโรงเรียนชื่อโรงเรียนลุงก้า ลองไปดูสิ” แต่วันนี้ทอมมี่ต้องไปทำธุระข้างนอก จึงเหลือผมอยู่คนเดียว จึงต้องยึดหลักของพระบรมครูที่ว่า “จงไปคนเดียวหลายๆทาง อย่าไปทางเดียวหลายๆคน” หันซ้าย แลขวา ไม่มีรถยนต์คันไหนว่างในสายตาเลย ยกเว้นมอเตอร์ไซค์คันเก่ง ซึ่งเท่ห์ที่สุดในเกาะ เพราะทั้งเกาะโซโลมอน มีอยู่แค่คันเดียวครับ ซึ่งบริษัทฯขนมาจากเมืองไทยเองครับ
หลังจากสวดมนต์ภาวนาตั้งนะโม 3จบ และนิมนต์พระคล้องคอเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ควบมอเตอร์ไซค์คันเก่ง มุ่ง
ตรงสู่โรงเรียนลุงก้า โรงเรียนประจำตำบลทันที ซึ่งไม่มีน้ำประปาและไฟฟ้าใช้ หลังจากที่ได้สอบถามทอมมี่ มาหลายวันแล้วว่า “โรงเรียนลุงก้าไปทางไหน” ซึ่งทอมมี่ก็บอกได้แค่ว่า “อยู่ข้างแม่น้ำลุงก้า” ซึ่งอยู่ห่างจากออฟฟิศของผม 12กิโลเมตร คราวนี้ผมเลือกทางที่ไม่เป็นป่าชุก และมีแสงแดดตลอดทาง เพราะขาดทอมมี่ ทิลา ก็รู้สึกว่าความอบอุ่นหายไปเยอะครับ
ผมไปโดยไม่รู้ว่าโรงเรียนอยู่ที่ไหน ใช้วิธีถามชาวบ้านไปตลอดทาง สิ่งหนึ่งที่ผมเพ่งมองตลอดนั่นคือ เข็มวัดน้ำมันครับ ถ้าน้ำมันหมดกลางทางเรื่องใหญ่แน่ๆ แต่ผมก็เติมมาจากออฟฟิศจนเต็มอัตราแล้วล่ะครับ จึงอุ่นใจไปได้มากและมุ่งทำงานให้สำเร็จให้ได้ เป้าหมายเป็นหลัก อุปสรรคเป็นรอง แม้จะเป็นถนนโล่งแจ้ง แต่ก็วิบากใช่ย่อย ซึ่งผมก็มีกองเชียร์รายล้อมตลอดทางเลยครับ เพราะเขาไม่เคยเห็นคนขับมอเตอร์ไซค์จึง จึงพากันโห่เป็นแรงใจและ Say hello ให้ บางคนก็ยกนิ้วโป้งให้ หมายความว่า คุณเยี่ยมมาก จนผมรู้สึกตัวลอยๆเหมือนจะกลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ประจำหมู่เกาะไปทันที
พอไปถึงโรงเรียนลุงก้า ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำลุงก้า เป็นน้ำจืดไหลลงสู่ทะเล คราวนี้มาอีกแล้วครับ เด็กๆพากันมารุม มอเตอร์ไซค์ของผมกลายเป็นจุดรวมสายตา เด็กๆที่นี่มีเครื่องแบบแล้วครับ นักเรียนหญิงจะใส่เสื้อสีเหลืองแถบแดงและกระโปรงสีแดง สำหรับนักเรียนชายเสื้อสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินและที่สำคัญมี รปภ.ด้วยครับ รปภ.เชิญผมไปที่ห้องพักครู ซึ่งคนมองผมเป็นตาเดียวกัน ราวกับผมเป็นของแปลกในโซโลมอน
ผมสวัสดีทักทายคุณครูทุกคน แล้วก็ได้คุยกับครูใหญ่ของที่นี่ ซึ่งครูคนนี้หน้าตาไม่ดุเหมือนที่โรงเรียนเทวานาตู ผมเอาเอกสารการนั่งสมาธิเบื้องต้นภาษาอังกฤษ และเนื้อเพลงอีก 2เพลง คือ เพลงอาณาจักรพระเจ้าอยู่ภายในตัวคุณ และ เพลง World Peace Through Meditation ให้กับครูใหญ่ พอครูใหญ่อ่านจบก็ให้ครูทุกคนพานักเรียนทั้งโรงเรียน 350คน มานั่งรวมกันที่สนามฟุตบอล ครูใหญ่ดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยเลยครับ
จากนั้น ครูใหญ่ก็ได้อ่านเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับสมาธิทั้ง 2เพลง ให้ครูและนักเรียนฟัง แล้วครูใหญ่ก็ให้ผมได้แนะนำสมาธิ คุณครูและเด็กๆทุกคนสนอกสนใจมาก หลังจากนั่งสมาธิเสร็จ ประมาณ 30นาที ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "ดีใจจังเลย ที่ได้รู้วิธีการทำสมาธิ"
คุณครูชาลี ดีคาลโย เป็นคุณครู หัวหน้างานกิจกรรมในโรงเรียน เล่าความรู้สึกให้ฟังดังนี้ครับ
“ผมรู้สึกมีความสุข และดีใจมากๆครับ ที่เด็กๆได้นั่งสมาธิ ผมคิดว่า อิริยาบถที่เด็กๆ นั่งหลับตาทำสมาธิ เป็นอิริยาบถที่น่ารักมาก ซึ่งมันดีกว่าที่เขาวิ่งซุกซนไปมา สำหรับตัวผมเองตอนนั่งสมาธิ ผมรู้สึกเป็นอิสระ ราบเรียบในจิตใจ ใจเคลียร์ เหมือนถูกลบความคิดออกไปจนเกลี้ยง รู้สึกมีความสุขอยู่ภายในใจของผมเอง เป็นความสุขที่อิสระจากความเครียด ความกดดันและความโกรธ ผมจะตั้งใจนั่งสมาธิทุกวันครับ เพราะมันกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อชีวิตไปซะแล้ว”
คุณครู เลิฟลิน เลวี่ ครูประจำชั้นประถม “ฉันต้องการเป็นครู เพื่อสอนเด็กให้มีความรู้ เมื่อฉันได้รู้จักกับสมาธิ ฉันรู้สึกดี มีความสุขทั้งกายและใจเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก สมาธิดีต่อทุกคน หัวใจของการเป็นครู คือ ต้องรักเด็กและสอนเด็กด้วยความรัก ฉันอยากให้คุณครูสอนสมาธิเด็ก และครูก็ต้องนั่งสมาธิทุกวันด้วย อย่างน้อย 10นาที ก่อนการสอน ฉันอยากให้หลวงพ่อช่วยเด็กๆ และสอนเด็กๆ นั่งสมาธิ ที่โซโลมอน”