ณ ป่าประดู่ลาย
 
เหล่าวนิพกถามทาง
เหล่าวนิพกถามทาง
ชี้ทางก็ได้บุญ 
            (อังกุระมานพถามบุพกรรมของรุกขเทวดา) 
            (รุก.) : เมื่อก่อน เราเป็นช่างหูก อยู่ในโรรุวนคร เป็นคนกำพร้าเลี้ยงชีพโดยความลำบากนัก เราไม่มีอะไรจะให้ทาน เรือนของเราอยุ่ใกล้เรือนของอสัยหเศรษฐี ซึ่งเป็นคนมีศรัทธา เป็นทานบดี  มีบุญอันทำแล้ว เป็นผู้ละอายต่อบาป
            พวกยาจกวนิพก มีนามแลโครตต่าง ๆ กัน ไปที่บ้านของเรานั้น พากันถามถึงเรือนของอสัยหเศรษฐีกะเราว่า ขอความเจริญจงมีแก่ท่านทั้งหลาย พวกเราจะไปทางไหน ทานเขาให้ที่ไหน
            เราถูกพวกยาจก วนิพกถามแล้ว ได้ยกมือเบื้องขวาชี้บอกเรือนของอสัยหเศรษฐีแก่ยาจกวนิพกเหล่านั้นว่า ท่านทั้งหลายจงไปทางนี้  ความเจริญจักมีแก่ท่านทั้งหลาย ทานเขาให้อยู่ที่นั่น เพราะเหตุนั้น ฝ่ามือของเราจึงให้สิ่งที่น่าปรารถนา เป็นที่ไหลออกแห่งวัตถุที่รสอร่อย ผลบุญย่อมสำเร็จที่ฝ่ามือของเราเพราะพรหมจรรย์นั้น.
อังกุรเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๒๓๘ 
 
 
 
พืชแม้น้อยหว่านแล้วในนาดี
พืชแม้น้อยหว่านแล้วในนาดี
นาดีได้บุญมาก

            (อินทกเทพบุตรกราบทูลพระพุทธองค์) : พืชแม้มากที่บุคคลหว่านแล้วในนาดอนผลย่อมไม่ไพบูลย์ ทั้งไม่ยังชาวนาให้ปลื้มใจ ฉันใด 

            ทานมากมายอันบุคคลเข้าไปตั้งไว้ในบุคคลผู้ทุศีล ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมไม่มีผลไพบูลย์ ทั้งไม่ยังทายกให้ปลาบปลื้ม 

            พืชแม้น้อยอันบุคคลหว่านแล้วในนาดี เมื่อฝนหลั่งสายน้ำโดยสม่ำเสมอ ผลย่อมยังชาวนาให้ปลาบปลื้มใจแม้ฉันใด ทานแม้น้อยอันบุคคลบริจาคแล้วในท่านผู้มีศีล มีคุณความดี ผู้คงที่บุญย่อมมีผลมากฉันนั้นเหมือนกัน 

            ทานอันบุคคลให้แล้วในเขตใดมีผลมาก ควรเลือกให้ในเขตนั้น 

ทายกเลือกให้ทานแล้วย่อมไปสู่สวรรค์ ทานที่เลือกได้ พระสุคตทรงสรรเสริญ 
ทักขิไณยบุคคลเหล่าใดมีอยู่ในโลกนี้ ทานที่ทายกให้แล้วในทักขิไณยบุคคลเหล่านั้น ย่อมมีผลมาก เหมือนพืชที่หว่านแล้วในนาดีฉะนั้น. 
อังกุรเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๒๔๖
 
เปรตผู้เคยด่าภิกษุ
เปรตผู้เคยด่าภิกษุ

ภิกษุเทียมมิตร

            (เปรต) : ชาติก่อน มีภิกษุรูปหนึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในอาวาสของข้าพเจ้า ท่านมีปกติริษยา ตระหนี่ตระกูล มีใจกระด้าง มักด่าบริภาษ ได้ยกโทษภิกษุอาคันตุกะทั้งหลายที่เรือนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าฟังคำของภิกษุนั้นแล้วได้ด่าภิกษุทั้งหลาย เพราะผลแห่งกรรมนั้น ข้าพเจ้าจึงจากโลกนี้ไปสูเปตโลก 

            (พระมหาโมคคัลลานเถระ) :  ภิกษุที่เข้าไปสู่ตระกูลของท่านไม่ใช่มิตรแท้เป็นมิตรเทียม เป็นคนมีปัญญาทราม ทำลายขันธ์ละไปแล้ว ไปสู่คติไหนหนอ 

            (เปรต) : ข้าพเจ้ายืนอยู่บนศีรษะของภิกษุผู้มีกรรมอันลามกนั้น กุลุปกภิกษุ (ภิกษุผู้คุ้นเคยกับตระกูลตน) ไปเกิดเป็นเปรตบริวารของข้าพเจ้า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ชนเหล่าอื่นถ่ายมูตรคูถลงในเวจนี้ มูตรคูถเป็นอาหารของข้าพเจ้า และข้าพเจ้ากินมูตรคูถนั้นแล้ว ถ่ายมูตรคูถสิ่งใดลงไป กุลุปกเปรตนั้นก็เลี้ยงชีพด้วยมูตรคูถนั้น. 
                                       ูถขาทิกเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๕๕๙
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง