Mobile Versionทบทวนฝันในฝัน วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2554ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก ตอนที่ 5ปรโลกนิวส์...ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก ตอนที่ 5ตอนต่อจาก ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก ตอนที่ 4เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาฝันในฝันหลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ทีแล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะคำถามข้อที่ 2. สาเหตุใดที่ทำให้คุณพ่อป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ จำอะไรไม่ได้ ในช่วงบั้นปลายของชีวิตสำหรับสาเหตุที่ทำให้คุณพ่อของลูกต้องมาป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ในช่วงบั้นปลายของชีวิต และต้องมาประสบอุบัติเหตุหกล้มศีรษะฟาดพื้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะการใช้ชีวิตในภพชาติปัจจุบันกับวิบากกรรมในอดีตชาติของท่าน ได้มารวมกันส่งผล ซึ่งการใช้ชีวิตของคุณพ่อของลูกในภพชาติปัจจุบันนั้น ท่านเป็นคนตั้งใจทำงานและเอาจริงเอาจังกับการทำงานในทุกๆเรื่อง เพื่อให้งานไปสู่เป้าหมายที่ตัวท่านได้ตั้งใจเอาไว้ ซึ่งแต่ละงานก็จะต้องมีเรื่องให้คิดให้แก้ไขอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ท่านเกิดความเครียดสะสมอย่างต่อเนื่องโดยที่ท่านไม่รู้ตัว จนเป็นผลเสียต่อสุขภาพของท่าน คุณพ่อของลูกเป็นคนตั้งใจทำงานและเอาจริงเอาจังกับการทำงานในทุกๆเรื่อง ทำให้ท่านเกิดความเครียดสะสมอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัวกอปรกับวิบากกรรมในอดีตชาติที่คุณพ่อของลูกได้เคยปลอมแปลงเอกสาร เพื่อหลอกลวงผู้อื่น มารวมกับวิบากกรรมที่ท่านได้พูดจาชักนำ จนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเกิดการทะเลาะวิวาท และมีผู้เสียชีวิตจากคำพูดของท่าน ในภพชาติก่อนๆโน้นได้ช่องตามมาส่งผล เรื่องก็มีอยู่ว่า...ในภพชาติดังกล่าว ซึ่งเป็นภพชาติหลังจากที่คุณพ่อของลูกพลัดพรากจากหมู่คณะไปแล้ว แต่ก็เป็นยุคสมัยที่ยังคงมีพระพุทธศาสนาอยู่ คุณพ่อของลูกได้เกิดเป็นกุลบุตรผู้มีรักปันใจให้เฉพาะครอบครัวเท่านั้น อยู่ในตระกูลของข้าราชการ
ในภพชาติก่อนๆโน้น คุณพ่อของลูกได้เกิดเป็นกุลบุตร อยู่ในตระกูลของข้าราชการเมื่อคุณพ่อของลูกเติบใหญ่ขึ้นแล้ว ท่านได้เจริญรอยตามแบบอย่างคุณพ่อของท่านด้วยการไปสมัครงานเป็นข้าราชการ ซึ่งตัวท่านเองได้ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด จนทำให้ตำแหน่งหน้าที่การงานของท่านเจริญก้าวหน้ามากขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุด คุณพ่อของลูกก็ได้รับตำแหน่งเป็นข้าราชการระดับสูง ที่ทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินทำมาหากินให้กับพวกชาวบ้าน
คุณพ่อของลูกได้รับตำแหน่งเป็นข้าราชการระดับสูงที่ทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินทำมาหากินให้กับพวกชาวบ้านในยุคสมัยนั้น พระราชาจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดแต่เพียงพระองค์เดียว แล้วทรงมอบหมายให้ทางราชการเป็นผู้ดูแลเรื่องการจัดสรรที่ดินทำมาหากินให้กับพวกชาวบ้าน โดยทางราชการจะให้พวกชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านได้มาจับจองที่ดินทำมาหากินของตน และเมื่อถึงกำหนดสิ้นปี พวกชาวบ้านจะต้องส่งผลผลิตทางการเกษตรส่วนหนึ่งมาให้กับทางราชการ ซึ่งถือว่าเป็นค่าภาษีและค่าเช่าที่ดินทำมาหากิน ที่พวกชาวบ้านจะต้องจ่ายให้กับทางราชการในทุกๆปี
ในยุคสมัยนั้น พระราชาจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดแล้วทรงมอบหมายให้ทางราชการเป็นผู้ดูจัดสรรที่ดินทำมาหากินให้กับพวกชาวบ้านโดยที่พวกชาวบ้านไม่สามารถที่จะครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าหากทางราชการเห็นว่าครอบครัวใดที่ขยันทำมาหากินเป็นพิเศษ รวมทั้งจ่ายภาษีและค่าเช่าที่ดินทำมาหากินได้ตรงเวลา ทางราชการก็จะยกที่ดินบางส่วนให้กับครอบครัวนั้น เพื่อเป็นกำลังใจในการทำมาหากินต่อไป ซึ่งทางครอบครัวนั้นก็สามารถที่จะใช้สอยที่ดินผืนนั้นได้อย่างเต็มที่ และสามารถที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดเอาไว้กินกันภายในครอบครัว หรือจะนำไปขายให้กับพวกชาวบ้านคนอื่นๆก็ได้
หากครอบครัวใดที่ขยันทำมาหากินเป็นพิเศษ รวมทั้งจ่ายภาษี และค่าเช่าที่ดินทำมาหากินได้ตรงเวลาทางราชการก็จะยกที่ดินบางส่วนให้กับครอบครัวนั้นเมื่อคุณพ่อของลูกได้รับหน้าที่ให้มาดูแลเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินทำมาหากินให้กับพวกชาวบ้าน ท่านก็ตั้งใจทำหน้าที่นี้ได้อย่างเที่ยงตรงมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันเวลาผ่านไป คุณพ่อของลูกก็ได้รับมอบหมายให้ย้ายไปรับราชการยังอีกหัวเมืองหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่จัดสรรที่ดินทำมาหากินให้กับพวกชาวบ้านที่อยู่ในหัวเมืองแห่งนั้น
เมื่อวันเวลาผ่านไป คุณพ่อของลูกก็ได้รับมอบหมายให้ย้ายไปรับราชการยังอีกหัวเมืองหนึ่งภายหลังจากที่คุณพ่อของลูกได้ย้ายไปรับราชการยังหัวเมืองดังกล่าวแล้ว ตัวท่านเองได้ทำหน้าที่จัดสรรที่ดินทำมาหากินให้กับพวกชาวบ้านในหัวเมืองแห่งนั้นได้เป็นอย่างดี และเมื่อท่านจัดสรรที่ดินไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว ท่านจึงได้ทำการบุกเบิกที่ดินผืนใหม่ให้กับพวกชาวบ้านที่ยังไม่มีที่ดินทำมาหากิน เมื่อพวกชาวบ้านที่อยู่ในหัวเมืองอื่นๆซึ่งยังไม่มีที่ดินทำมาหากินได้ทราบข่าวว่า ทางราชการจะทำการบุกเบิกที่ดินผืนใหม่ พวกชาวบ้านเหล่านั้นจึงรีบพากันมาจับจองที่ดินทำมากินของตน
คุณพ่อของลูกได้ทำหน้าที่จัดสรรที่ดินทำมาหากินให้กับพวกชาวบ้านในหัวเมืองแห่งนั้นได้เป็นอย่างดีในเวลาต่อมา มีเศรษฐีพร้อมด้วยลูกน้องจากหัวเมืองอื่นได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในหัวเมืองที่คุณพ่อของลูกรับราชการอยู่ หลังจากที่เศรษฐีและพวกลูกน้องกลุ่มนี้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในหัวเมืองแห่งนี้ได้สักระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ได้กลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลประจำเมือง
หลังจากที่เศรษฐีและพวกลูกน้องกลุ่มนี้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในหัวเมืองแห่งนี้ได้สักระยะหนึ่งแล้วพวกเขาก็ได้กลายเป็นผู้ ที่มีอิทธิพลประจำเมืองจนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง พวกลูกน้องของเศรษฐีได้ออกไปสำรวจที่ดินเพื่อหาที่ทำมาหากินของพวกตน แต่เมื่อพวกเขาได้ออกไปสำรวจที่ดินแล้ว พวกเขาได้พบว่าที่ดินส่วนใหญ่ถูกพวกชาวบ้านจับจองกันไปหมดแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้พวกลูกน้องของเศรษฐีไม่สามารถที่จะจับจองที่ดินทำมาหากินได้ ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงได้มาร้องเรียนกับเศรษฐีที่เป็นเจ้านายของพวกเขา
ลูกน้องได้มาร้องเรียนกับเศรษฐีที่เป็นเจ้านายว่า พวกตนไม่สามารถจับจองที่ดินทำกินได้เมื่อเศรษฐีคนนั้นรู้ว่าพวกลูกน้องของตนไม่สามารถที่จะจับจองที่ดินทำมาหากินได้ เขาจึงไปหาคุณพ่อของลูก เพื่อเจรจาต่อรองให้ท่านช่วยจัดการเรื่องนี้ให้กับพวกลูกน้องของเขา แต่เมื่อคุณพ่อของลูกได้ลองตรวจดูเอกสารเกี่ยวกับที่ดินทั้งหมด ท่านก็พบว่า ท่านได้จัดสรรที่ดินทำมาหากินให้พวกชาวบ้านไปหมดแล้ว ด้วยความที่ท่านเป็นคนตรง ท่านจึงได้บอกกับเศรษฐีไปอย่างตรงๆว่า ไม่สามารถจะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ เนื่องจากที่ดินทั้งหมดได้ถูกจัดสรรไปเรียบร้อยแล้ว
เศรษฐีจึงไปหาคุณพ่อของลูก เพื่อเจรจาต่อรองให้ท่านช่วยจัดการเรื่องที่ดินทำกินให้กับพวกลูกน้องของเขาเมื่อเศรษฐีได้ฟังอย่างนั้น เขาก็ยังคะยั้นคะยอขอร้องและยื่นข้อเสนองามๆให้กับคุณพ่อของลูกอีกมากมาย (คล้ายๆกับนำอามิสสินจ้างมาให้กับท่าน) แต่คุณพ่อของลูกก็ยังยืนกรานปฏิเสธและไม่รับข้อเสนอใดๆทั้งสิ้น เพราะถ้ารับข้อเสนอของเศรษฐีแล้ว ท่านจะต้องไปไล่พวกชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ทำกินที่พวกชาวบ้านได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งท่านจะรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องทำให้พวกชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เมื่อเศรษฐีคนนั้นเห็นว่าคุณพ่อของลูกไม่เออออห่อหมกไปกับตัวเองด้วย เขาจึงได้ใช้แผนการถัดไปเพื่อหว่านล้อม ด้วยการแอบอ้างอย่างแนบเนียนว่า ตัวเขารู้จักคุ้นเคยกับพวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพวกเจ้าเมืองที่เป็นพระญาติของพระราชา
เศรษฐีแอบอ้างว่าเขารู้จักคุ้นเคยกับพวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพวกเจ้าเมืองที่เป็นพระญาติของพระราชาจากนั้น เศรษฐีคนนั้นก็ยื่นข้อเสนอสุดท้ายว่า ถ้าหากคุณพ่อของลูกช่วยทำงานนี้ให้กับเขา ตัวเขาก็จะช่วยเหลือลูกๆของท่านที่รับราชการอยู่ในเมืองหลวง ให้มีตำแหน่งหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้ามากขึ้น แต่ถ้าหากคุณพ่อของลูกปฏิเสธและไม่ยอมช่วยทำงานนี้ เขาก็จะใช้มาตรการข่มขู่ในทำนองว่า เขาจะกลั่นแกล้งและขัดขวางลูกๆของท่านทุกๆคน ไม่ให้ได้รับความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานในทุกๆด้าน
เศรษฐีสัญญาว่าหากคุณพ่อของลูกช่วยเหลือ เขาจะใช้เส้นสายในวงราชการสนับสนุนลูกๆของท่านเมื่อคุณพ่อของลูกถูกยื่นคำขาดจากเศรษฐีผู้มีจิตใจชั่วร้าย อย่างนั้นแล้ว ท่านก็รู้สึกอึดอัดและลำบากใจเป็นอย่างมากกับข้อเสนอแกมข่มขู่ของเศรษฐีคนนี้ เนื่องจากท่านรักลูกของท่านทุกๆคน และไม่อยากให้ลูกๆของท่านต้องมาเดือดร้อนเพราะตัวท่าน อีกทั้งท่านก็ไม่ได้มีเส้นสายในเมืองหลวงเลย เนื่องจากตัวท่านรับราชการอยู่แต่ในชนบท
คุณพ่อของลูกรู้สึกลำบากใจมาก เพราะไม่อยากให้ลูกๆของท่านต้องมาเดือดร้อนเมื่อคุณพ่อของลูกได้มาเจอกับสถานการณ์ที่บีบคั้นจิตใจของท่านอย่างนี้แล้ว ท่านจะตัดสินใจอย่างไร และท่านจะยังคงความเที่ยงธรรมของท่านเอาไว้ได้หรือไม่ เราคงจะต้องมาติดตามกันในตอนต่อไปรับชมคลิปวิดีโอทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก ตอนที่ 5 
http://goo.gl/OdTbQ
พิมพ์บทความนี้
