เลขานุการรมว.พม.แนะปัดฝุ่นมาตรการส่องไฟม่านรูดวันวาเลนไทน์ ระบุได้ผลเชิงจิตวิทยา เปิดสายด่วน1300 ตลอด 24 ชม. รับแจ้งเหตุเด็กมีเซ็กซ์ไม่เหมาะสม

เมื่อวันที่ 9  ก.พ.2550 น.พ.พลเดช   ปิ่นประทีป เลขานุการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) กล่าวว่า มาตรการป้องกันปัญหาในวันวาเลนไทน์ จากที่รมว.พม.คนก่อนเคยทำไว้ เช่น การไปสำรวจสถานที่สุ่มเสี่ยงที่เด็กจะไปมีเพศสัมพันธ์ สวนสาธารณะที่มืด โรงแรมม่านรูด โดยการไปส่องไฟในสวน ส่องไฟในรถตู้ ถือเป็นมาตรการที่หวือหวา เป็นประโยชน์ ได้ผลทางจิตวิทยา แม้จะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน แต่ก็ทำให้เด็กที่จะไปมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมระมัดระวังตัวมากขึ้น

 เลขานุการประจำรมว.พม.  กล่าวอีกว่า  อยากให้ข้อแนะนำในการใช้มาตรการดังกล่าว โดยหน่วยปฏิบัติ อาทิ ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ที่พร้อมก็ควรดำเนินการ รวมทั้ง จะใช้พลังเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชน 75 จังหวัด และสภานักเรียนทั่วประเทศ มาช่วยกันดูแลเป็นกลุ่มเพื่อนเตือนเพื่อนช่วงวันวาเลนไทน์

 ด้านนายวัลลภ   พลอยทับทิม   ปลัดพม. กล่าวว่าการที่เด็กและเยาวชนตั้งใจจะใช้วันวาเลนไทน์ไปมีเพศสัมพันธ์ หรืออาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม เชิงป้องกันเด็กกลุ่มนี้ ต้องมีการเฝ้าระวังในสถานบริการ สถานเริงรมย์ การไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการชักพาเด็กให้เสียตัวได้ง่าย การตรวจตราเข้มงวดในสถานที่ล่อแหลม โรงแรมม่านรูด หอพัก ที่สาธารณะ ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล โดยเฉพาะวันวาเลนไทน์หากพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือคนทั่วไปที่เห็นพฤติกรรมส่อว่าเด็กจะไปมีเพศสัมพันธ์หรือทำตัวไม่เหมาะสม ให้แจ้งมายังสายด่วนศูนย์ประชาบดี 1300 ได้ตลอด 24 ชม. ซึ่งศูนย์ฯจะมีหน่วยเฉพาะกิจออกไปตรวจสอบและแก้ปัญหาให้ทันที

  “ ไม่อยากให้มองวันวาเลนไทน์เป็นเรื่องเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากจะทำให้เกิดความเสียหายตามมา เพราะวันแห่งความรักไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะเด็กและเยาวชน แต่เป็นความรักของคนทุกกลุ่ม ทั้งในครอบครัวพ่อแม่ลูก ครูกับลูกศิษย์ ผู้ใหญ่กับเด็ก และเพื่อนกับเพื่อน ดังนั้นการที่เด็กและเยาวชนบางกลุ่มยังมีความคิดจะมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ พ่อแม่ผู้ปกครอง ครูอาจารย์และคนในสังคมต้องให้ความรู้ว่าผลที่จะเกิดขึ้นตามมาเป็นอย่างไร ที่น่าห่วงอีกเรื่อง คือ วันแห่งความรักการจำหน่ายดอกไม้ ช็อกโกแลต และของขวัญต่างๆ จะมีราคาแพงกว่าปกติมาก ซึ่งเด็กและเยาวชนซึ่งไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง แต่นิยมซื้อของให้กันในวันนี้ เท่ากับเป็นการสิ้นเปลือง ทั้งที่ความจริงเราสามารถแสดงความรักโดยการทำความดีให้กันหรือมอบของให้กันได้ทุกวันอยู่แล้ว”  นายวัลลภ กล่าว
 
 
 
 
ที่มา- 
 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง