ท่ามกลางสังคมโลกยุคโลกาภิวัตถ์ ความรุ่งเรืองทางสื่อเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทำให้โลกนี้ไร้พรหมแดน และทำให้ ค่านิยมในการดำรงชีวิตเปลี่ยนไป ทุกชีวิตต่างเร่งรีบ ไม่เคยหยุดนิ่ง ความเร่าร้อน รวดเร็ว แก่งแย่ง ทำให้คุณค่าของความรู้สึก เริ่มลบเลือน หลายคนในสังคมเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยว และอ่างว้าง
ดังนั้นความรัก ความเอื้ออาทรจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนบนโลกแสวงหา และต่างแสวงหาความรักในรูปแบบต่างๆกัน ทั้งความรักจากครอบครัว จากเพื่อนสู่เพื่อน จากคู่ชีวิต รวมไปถึงความรักที่แบ่งปันไปสู่สังคมรอบตัว
แต่ในท่ามกลางการมอบความรักต่อกันนั้น หลายคนกลับยังไม่เคยได้พบกับความรักที่แท้จริง แม้พยายามไขว่คว้าเท่าไรก็ยังไม่พบความรักที่ทำให้อิ่มใจเลยสักครั้ง
พระสัมมาสัมพุทธจ้าตรัสอธิบายเอาไว้ว่า ความรัก เกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุ 2 ประการ ประการแรก คือ บุคคลเคยอยู่ร่วมกันในอดีต
มีบุญ – บาป ที่ได้เคยทำร่วมกันมา และประการที่ สอง คือได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน เปรียบเสมือนดอกบัว ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยทั้งโคลนตมและน้ำ คือมีโคลนตมอย่างหนึ่ง พร้อมกับน้ำอีกอย่างหนึ่ง ดอกบัวจึงอาศัยเกิดขึ้นได้ ในขณะเดียวกันผู้รู้กล่าวว่าจุดกำเนิดของความรู้สึกรัก หรือที่เรียกว่ารักแรก เริ่มต้นที่บิดา – มารดา เมื่อมารดาตั้งครรภ์และให้กำเนิดกายเนื้อเป็นทารกน้อย รักแรกจึงเกิดขึ้นและเป็นสายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด
ความรักที่แท้จริงนั้นพระตถาคตเจ้าได้ตรัสสอนไว้ว่า เริ่มต้นต้องรู้จักรักตัวเองก่อน โดยการเติมความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง หากรักตัวเองได้ ฉันใด เราก็จะรักเพื่อนมนุษย์ได้ ฉันนั้น โดยเราจะค้นพบความสุขที่แท้จริงที่มาพ้อมกับความรักอันบริสุทธิ์ ด้วยการนั่งหลับตา เจริญสมาธิภาวนา ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เราได้ค้นพบความรักที่ไม่ทำให้เป็นทุกข์ ห่างไกลจากการแย่งชิง ไขว่คว้า ความขัดแย้งที่เกิดจากความรู้สึกรักก็จะหมดไป เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นรักบริสุทธิ์ที่ไม่เบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น ดังเช่นพระพุทธองค์ที่ทรงละความรัก ความผูกพันส่วนตัว และทรงบำเพ็ญเพียรจนสามารถค้นพบความรักอันยิ่งใหญ่ และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย หวังให้สรรพสัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นจากกองทุกข์ และปรารถนานำหมู่สัตว์ทั้งหลายไปสู้หนทางพระนิพพานอันเป็นความสุขที่ยั่งยืนและแท้จริง นี่คือที่สุดของความรักที่ยิ่งใหญ่
ที่พระพุทธองค์ทรงมีต่อสัตว์โลก