พุทธมามกะที่ยูกันดา
การประกาศตนเป็นพุทธมามกะของนายลิฟวิ่งสตั้น มูเก็มเบ้
ณ ศูนย์พุทธจักรยูกันดา ของท่านพุทธรักขิตเถระ
เมืองเอนเทบเบ้ ประเทศยูกันดา

เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2552 ที่ผ่านมา ผู้มีบุญชาวยูกันดาหลายท่าน ได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมสุดสัปดาห์ที่ศูนย์พุทธจักรยูกันดา ซึ่งสถานที่แห่งนี้ ได้รับการสถาปนาและก่อสร้างโดยท่านพุทธรักขิตะ จนสามารถเปิดใช้งานได้ในปี พ.ศ.2552 ในที่สุด
ช่างเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติธรรมดา เพราะชาวพุทธส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เมื่อแต่งงานกับชาวศาสนิกอื่น ก็มักจะละทิ้งพระพุทธศาสนาของตน โดยอ้างว่า ศาสนาของคู่สมรสบังคับให้ชาวพุทธต้องเปลี่ยนไปนับถือศาสนาของคู่ครอง เท่านั้น
ภรรยาของนายลิฟวิ่งสตั้น เป็นโยมน้องสาวของท่านพุทธรักขิตะ ได้หันมานับถือพระพุทธศาสนาตามพระพี่ชายของตน หลังจากนั้น ชีวิตของเธอมีแต่ความสงบสุข จึงทำให้สามีอยากหันมานับถือพุทธบ้าง
นับเป็นบุญลาภของนายลิฟวิ่งสตั้น ที่มีพระอาจารย์เดินทางไปจากศูนย์ปฏิบัติธรรมโจฮันเนสเบิร์ก อาฟริกาใต้ ไปสอนสมาธิ ในโครงการ The Middle Way เป็นเวลาสองวันครึ่งที่ศูนย์พุทธจักรยูกันดา ร่วมกับสมาชิกของ Peace Revolution เมื่อวันที่ 20-22 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 นายลิฟวิ่งสตั้นจึงรีบเดินทางมาที่นี่ และเดินทางมาถึงเมื่อเวลา 23.30น.ของวันที่ 22 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย ก่อนที่พระอาจารย์จะเดินทางกลับ พิธีจึงจัดขึ้นภายใต้แสงไฟที่ริบหรี่สลัวๆ จากโซล่าร์เซลล์ แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคต่อการประกอบพิธีแต่อย่างใด



ศูนย์พุทธจักรยูกันดา ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ห่างไกลจากถนนใหญ่ ทางเข้าและทางขึ้นเป็นถนนลูกรัง ไม่มีไฟฟ้าจากรัฐบาลเข้าไปถึง จึงต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ แต่พลังงานไฟฟ้าที่ได้ก็ไม่เพียงพอที่จะมาหุงหาอาหารได้เลย เพียงพอสำหรับหลอดไฟ 5-6ดวง เป็นเวลาไม่เกิน 5-6ชั่วโมงเท่านั้น


การประกาศตนเป็นพุทธมามกะ จัดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของคอร์สปฏิบัติธรรม โดยมี นายลิฟวิ่งสตั้น มูเก็มเบ้ สมัครใจขอเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา โดยนายลิฟวิ่งสตั้นให้เหตุผลว่า “เพราะว่าภรรยาของผมเป็นชาวพุทธ ผมจึงอยากนับถือศาสนาพุทธตามภรรยา”

แม้ว่า นายลิฟวิ่งสตั้นจะไม่มีเวลาฝึกซ้อมพิธีกรรม เนื่องจากเขามาถึงเมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืน ทว่ามีความตั้งใจที่จะกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย รับศีล รับพร และรับหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เพื่อนำไปศึกษาเพิ่มเติม ทำให้พิธีกรรมผ่านไปด้วยความเบิกบานท่ามกลางสักขีพยาน ยามเที่ยงคืนอีก 4-5คน

แม้ว่าพิธีกรรมจะไม่อลังการ สถานที่จะอยู่ห่างไกลความเจริญ อาคารสถานที่ก็ไม่วิจิตรเหมือนกับศาสนสถานของศาสนาอื่น ทว่าคงความเรียบง่าย ศักดิ์สิทธิ์ และน่าภาคภูมิใจที่ภรรยาของนายลิฟวิ่งสตั้นได้เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นแสงสว่างให้แก่สามีของเธอ ให้มาดำเนินชีวิตบนหนทางอันประเสริฐ โดยมีท่านพุทธรักขิตะเป็นต้นบุญต้นแบบ



