ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 148
เมื่อมาถึงประตูชั้นแรก เกวัฏก็เอ่ยถามคนเฝ้าประตูว่า “ท่านมโหสถอยู่หรือไม่ เราจะพบได้อย่างไรกัน” ว่าแล้วก็รีบเดินตรงไป แต่กลับถูกยามเฝ้าประตูกั้นไว้ พลางกล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นี่อย่าส่งเสียงเอ็ดอึงไปสิ ถ้าท่านต้องการจะมาหาท่านผู้สำเร็จราชการ ก็จงมานิ่งๆ วันนี้ท่านบัณฑิตดื่มเนยใสอย่างแรง ฉะนั้นท่านจะพูดเสียงดังไม่ได้เป็นอันขาด”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 147
พราหมณ์เกวัฏจึงได้เหยียบย่างเข้าสู่มิถิลานคร ได้เห็นหนทางที่ประดับตกแต่งไว้ดีแล้ว จึงคิดว่า พระเจ้าวิเทหราชคงรับสั่งให้เตรียมการต้อนรับคณะของตนเป็นพิเศษ คิดแล้วก็ยิ่งบังเกิดความปีติยินดีว่า “โอ...นี่พระเจ้าวิเทหราชทรงให้เกียรติเราถึงเพียงนี้เชียวหรือ พระองค์เป็นถึงจอมราชาในชมพูทวีป แต่บัดนี้กลับกลายเป็นผู้ที่น่าสงสารที่สุด หลุมพรางตื้นๆเพียงเท่านี้ พระองค์ยังพลาดท่าตกลงไปได้ ทีนี้ล่ะ...ถึงคราวเราบ้าง จะแก้แค้นให้สาแก่ใจทีเดียว”
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 73
อาจารย์เสนกะยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น กลับพูดต่อไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งขึ้นไปอีกว่า “เวลา นี้พวกเราน่ะ หากจะเปรียบกับวัตถุที่มีแสง ก็เป็นเพียงแสงของดวงดาว จริงอยู่เมื่อดวงอาทิตย์ลาลับไป ความมืดที่ปกคลุมม่านฟ้าก็พอทำให้แสงดาวแพรวพราวได้บ้าง แต่ในเวลาที่ดวงจันทร์ทอแสงนวลขึ้น ถึงเวลานั้น ใครเล่าจะเห็นความสุกสกาวของแสงดาว...
เธอจะต้องชนะ
ผู้หญิงคนหนึ่ง...เธอเป็นนักกีฬาระดับเหรียญทอง แต่อนิจจา...เธอถูกสามียิงจากด้านหลังทำให้เป็นอัมพาต จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 30ปีแล้ว...เธอถูกญาติของสามีกีดกันไม่ให้ได้พบกับลูกสาว แต่เมื่อได้พบกัน ลูกสาวเมื่อเห็นแม่เป็นอย่างนี้ กลับเหินห่าง ไม่อยากมาเยี่ยมเยียน...เธอต้องเป็นเช่นนี้ด้วยวิบากกรรมใด...และสำหรับผู้ที่เป็นอัมพาต ควรฝึกสมาธิอย่างไร...ที่นี่...มีคำตอบ