ข้อความต้นฉบับในหน้า
นรก-สวรรค์-ชีวิตหลังความตาย
ออกซิเจน แล้วมันก็คายคาร์บอนไดออกไซค์ออกมา เราไปนอนอยู่โคน
ต้นเลยอึดอัด เพราะขาดออกซิเจนหายใจ แล้วยังโดนรมด้วยคาร์บอน-
ไดออกไซด์ มันเลยอึดอัดหนักขึ้นอีก บวกกับที่เคยฟังนิยายปรัมปรา
เอาไว้มาก เรื่องนางนาคพระโขนงเอย ผีกระสือเอย มันบวกเข้าไปด้วย
กับความอึดอัดนั้น เลยกลายเป็นว่าโดนเหยียบอก อะไรต่ออะไรไป หรือ
เหมาว่าผีอำส่งไปเลย
พอไปสังเกตได้อย่างนั้นแล้ว ก็เลยไปคว้าขวานมาฟันต้นไม้
ฉับๆ เข้าให้ กิ่งล่างๆ มีเท่าไหร่รานทิ้งหมด ที่ใบหนาๆ ก็ปลิดทิ้งไป
ให้มันโปร่ง ลมพัดผ่านได้สะดวกสบาย เสร็จแล้วไปนอนใหม่ คราวนี้
หลับสบาย ผีมันเจอขวานเลยหายเสี้ยนไปเลย นี่เป็นอย่างนี้ประเภทหนึ่ง
อีกประเภทหนึ่งไปพบมาเองเหมือนกัน ตามโบสถ์ตามศาลา
หรือตามบ้านที่มีประตู หน้าต่างน้อย อากาศอับๆ เช่น ในโบสถ์นี่ ใน
ระยะที่มีการลักพระพุทธรูป หรือตัดเศียรพระพุทธรูปไปขายกันมาก
พระภิกษุก็เลยต้องไปนอนเฝ้าในโบสถ์ เวลานอนเฝ้าเพื่อความปลอดภัย
ด้วยเลยปิดประตูโบสถ์ ปิดหน้าต่างหมด ตอนหัวค่ำอากาศพอมีให้
หายใจ แต่พอตกดึกเข้า อากาศมันนิ่ง ออกซิเจนที่มีอยู่ในโบสถ์ไม่พอ
ให้หายใจ อึดอัดๆ กัน ถึงตอนตี ๓ ก็ฝันร้ายว่าถูกเหยียบอก ถูกผีอำ
ตามบ้านที่อากาศอับๆ ห้องอับๆ เช่น ห้องเก็บของ ใครไป
นอนก็มักจะฝันร้าย ความจริงเกิดเพราะเหตุนี้ เพราะฉะนั้นเปิด
หน้าต่างสักบานสองบานแล้วจะนอนสบาย แต่บางบ้านอากาศดี
เหลือเกิน เปิดหน้าต่าง ๕ บาน ๑๐ บาน ตอนหัวค่ำมันร้อน แต่ดึกๆ
ลมโกรกจะหนาว ไอ้ตอนหนาวนี่แหละ ธาตุในตัวเราเลยเกิดวิปริต ก็
ทำให้ฝันอีกเหมือนกัน ฝันว่าผีอุ้มไปทิ้งแม่น้ำ จนหนาวสั่น เลยไม่เอา
แล้ว บ้านนี้ผีดุ
ห ล ว ง พ่ อ 29 ต อ บ ปั ญ ห า