ข้อความต้นฉบับในหน้า
"ผมชอบและผูกพันกับศิลปะ คือตั้งแต่ร่างกายแขนขาขึ้นเป็นปกติ ตั้งแต่เรียน ป.3 ครั้งที่ เริ่มเรียนวิชาวาดรูป ได้รับคำชมจากครูว่าภาพวาด แม้เป็นเพียงคำขำเล็กๆ แต่คำนี้มันมีใหญ่ สำหรับเด็กบ้านอย่างผมมาก” จากคำพูดของครูที่เหมือนน้ำพักน้ำแรงจูงใจความคิดเรื่องศิลปะมากขึ้น เป็นเหตุให้เด็กชายขายนานในชะนะแจ่มมีอาวุธวาดรูปภาพหน้าจออย่างรวดเร็ว และครู จะคอยส่งเสริมโดยให้เขาเป็นลูกมือในการทำสื่อการสอนที่ต้องใช้รูปภาพเป็นส่วนประกอบเสมอ วิชาการทำวาดระแกรกขึ้นกับเขาตอนอายุ 12 ปี ทนตามกำลังโรงเรียนชั้น ม.6 ตอนนี้รู้สึกเขาไม่มีแรงเอาเสียเลย จะถลาไปไหนแต่ละก้าวรู้สึกลำบากมาก ไปหาหมอว่าดาขาดอาหาร และเน้นว่าต้องออกกำลังกายมากๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อลดแรง แตตอนหลังก็จะรู้ว่าคนป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อลายตัวเองเข่าแข็งไร้เรี่ยวแรง และห้ามออกแรง อาจารย์ท่าน บอกว่า ครั้งหนึ่งไม่มีใครอยู่บ้าน เขาพยายามเดินเพื่อออกกำลังตามที่หมอแนะนำ แต่ไม่ได้ผลอีกแล้วล่ะ อยู่ อย่างนั้น “รู้แล้วว่าการก้าวขาที่ย่ำอยู่ในอานนั้นเป็นที่สุดท้ายของผม” เขาบอกเสียงแผ่วเบาลง เมื่อเดินไม่ได้ เด็กชายทนไม่สามารถไปรับไปรอยรินได้เหมือนเด็กทั่วไป แต่แม้จะหยุดอยู่บ้าน เขาไม่เคยเลียฟื้นฝืนเรื่องการวาดภาพ และเรียนหนังสือเองตัวเองที่บ้าน เป็นโชคดีของเขา เป็นที่สุดท้ายของผม น้องชายและน้องสาวของเขา ตลอดจนครูที่โรงเรียนชุมชนบ้านก่อน ช่วยเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้การเรียนรู้ และเรื่องการวาดรูปอย่างเต็มที่ “ตอนนั้นครูที่โรงเรียนก็มาให้ช่วยวาดรูปเพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนให้เด็กนุ่นน้อง มีคำตอบแทนให้ด้วย ถือเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มาสำหรับผม รายได้จากตรงนี้สามารถช่วยจุนเจือครอบครัวจากของเราได้”
(ภาพประกอบด้านล่างเป็นภาพของเด็กชายในรถเข็นและหญิงสาวนั่งอยู่ในกลุ่ม)