จากตอนที่แล้ว มโหสถบัณฑิตได้บอกแก่มหาชนว่า ชายเข็ญใจนั้นคือท้าวสักกเทวราช จึงทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ฮือฮากันขึ้น เพื่อจะตัดความสงสัยของมหาชน มโหสถจึงหันไปถามชายเข็ญใจว่า“ท่านผู้เจริญ เราใคร่ขอถามท่านว่า ท่านคือท้าวสักกเทวราช ใช่หรือไม่”
ท้าวเธอก็ตรัสตอบตรงๆ ว่า “ถูกต้องแล้ว พ่อมโหสถ เรานี่แหละ คือท้าวสักกเทวราช” ฝ่าย มโหสถบัณฑิต เมื่อได้ฟังคำยืนยันชัดเจนเช่นนั้น จึงทูลถามต่อไปว่า “พระองค์เสด็จมาเพียงเพื่อจะได้รถม้าซึ่งมีค่าเล็กน้อย ข้อนั้นไม่สมควรแก่เหตุเลย พระองค์จะเสด็จมาเพื่ออะไรแน่”

มหาอำมาตย์ซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ ได้เห็นความอัศจรรย์เช่นนั้น ก็ยิ่งเกิดความปีติยินดี อยากจะกลับไปกราบทูลเรื่องนี้แด่พระเจ้าวิเทหราชด้วย

กล่าวถึงพระเจ้าวิเทหราช ครั้นท้าวเธอได้ทรงสดับคำรายงานที่มหาอำมาตย์กราบบังคมทูลถวายผ่านทูตคนสนิท ก็ทรงอัศจรรย์ในพระหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยทรงเห็นว่าเรื่องทำนองนี้อยู่เหนือวิสัยที่มนุษย์ปกติธรรมดาจะทำให้เกิดขึ้นได้ และก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทรงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะสดับเรื่องนั้นจากท่านอำมาตย์ผู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง จึงมีรับสั่งให้เรียกตัวอำมาตย์กลับคืนสู่พระนครทันที
ภายในท้องพระโรงของพระที่นั่งมหาปราสาทอันเป็นที่เสด็จทรงว่าราชการ พระเจ้าวิเทหราชประทับพร้อมเหล่าเสนามนตรี ทรงประทานวโรกาสให้มหาอำมาตย์เข้าเฝ้าต่อหน้าพระที่นั่ง

“ท่านอำมาตย์ ต่อเบื้องพระพักตร์ ท่านจะกราบทูลพล่อยๆ เช่นนี้ ไม่ได้นะท่าน” อาจารย์เสนกะกล้าทักท้วงก่อนผู้ใด
“ท่านอาจารย์เสนกะ แน่ล่ะ การที่จะให้ท่านเชื่อถือคำพูดของข้าพเจ้าโดยทันทีทันใดนั้น คงไม่ง่ายนัก หากว่ามิได้ประสบพบเจอด้วยตนเองแล้ว ก็

จริงอยู่ เหล่าอำมาตย์ราชบัณฑิตทั้งหลายในที่นั้น แม้นไม่มีใครเคยได้เห็นตัวจริงของท้าวสักกเทวราช แต่เมื่อได้ฟังคำยืนยันหนักแน่นเช่นนั้น ในที่สุดจึงเริ่มพากันคล้อยตาม โดยเฉพาะพระเจ้าวิเทหราชนั้น พระองค์ทรงเชื่อมั่นในถ้อยคำของท่านอำมาตย์โดยไม่ต้องสงสัย
“ท่านอำมาตย์” พระเจ้าวิเทหราชตรัสทักขึ้นกลางที่ประชุมด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “เมื่อท่านกล้ายืนยันถึงเพียงนี้ เราจะไม่เชื่อได้อย่างไร ท่านเองก็รับใช้เรามานาน เรื่องบกพร่องเสื่อมเสียสักเล็กน้อยก็ไม่เคยมี เอาล่ะ เราเชื่อท่าน ไหนท่านจงเล่าต่อไปซิว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร”

เมื่อกราบทูลเรื่องราวจบลง ท่านอำมาตย์จึงแสดงความเห็นของตนทิ้งท้ายแด่พระองค์ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ธรรมดาแก้วมณีอันเลอค่า ย่อมเป็นที่ปรารถนาของชนทั้งปวง หากแม้นผู้ใดพบแล้ว ยังไม่รีบคว้าไว้ ต่อไปภายหน้า ใครเลยจะรู้ว่า โอกาสที่จะได้ครอบครองแก้วมณีนั้น จะยังมีอยู่หรือไม่ ก็บัดนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดก็เป็นที่ประจักษ์แจ้ง ถึงดวงปัญญาอันยิ่งใหญ่ของมโหสถ แม้แต่ท้าวสักกเทวราชก็ยังต้องเสด็จมาเพื่อประกาศปัญญานุภาพของเขา แล้วพระองค์เล่า จะยังทรงรั้งรอสิ่งใดอีก ขอทรงโปรดให้เรียกตัวมโหสถเข้าเฝ้าโดยเร็วเถิดพะยะค่ะ”

ฝ่ายอาจารย์เสนกะ เมื่อได้ยินว่าท้าวสักกเทวราชได้เสด็จมาเพื่อประกาศปัญญานุภาพของมโหสถเข้าเท่านั้น ก็ยิ่งขุ่นเคืองใจ แม้ภายนอกยังคงนิ่งสงบ ท่าทีสุขุมลุ่มลึกสมเป็นราชบัณฑิตผู้ใกล้ชิดเจ้าเหนือหัว แต่ภาย

“การที่มโหสถเป็นผู้มีปัญญามากนั้น บัดนี้ก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว แต่การรีบร้อนนำตัวมโหสถมาเข้าเฝ้านั้น ยังหาเป็นการสมควรไม่ ข้าพระบาทว่า อันที่จริงแล้ว มโหสถบัณฑิตก็อาศัยอยู่ในแว่นแคว้นของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเสีย เขาก็ยังเป็นข้าบาทมูลของพระองค์อยู่นั่นเอง อีกทั้งระยะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองก็ยังสงบ ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ล้วนอยู่เย็นเป็นสุข ด้วยเหตุที่ปราศจากอริราชศัตรูมาช้านาน ในยามนี้จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันใด ที่พระองค์จักต้องรีบร้อนนำมโหสถบัณฑิตมาสู่ราชสำนักของพระองค์ ฉะนั้น ขอทรงรอดูอีกสักพักเถิด พระเจ้าข้า”
คำพูดของอาจารย์เสนกะที่ดังช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำตามประสาบัณฑิตทำให้พระเจ้าวิเทหราชถึงกับนิ่งอึ้ง ส่วนว่าพระองค์จะรับสั่งกับอาจารย์เสนกะอย่างไรต่อนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)