จากตอนที่แล้ว พระเจ้าวิเทหราชทรงมีรับสั่งให้ชาวปาจีนยวมัชฌคาม ส่งโคมงคลตัวผู้ซึ่งมีสีขาวทั้งตัวไปถวายพระองค์ แต่ทว่าประสงค์เฉพาะตัวที่มีเขาที่เท้า มีโหนกที่ศีรษะ และร้องเพียงวันละ ๓ เวลาเท่านั้น หากไม่สามารถหามาถวายได้ ก็จะต้องถูกปรับ ๑,๐๐๐ กหาปณะ

กล่าวดังนี้แล้ว ก็ให้คนส่งไก่สีขาวปลอดตัวหนึ่งไปถวายแด่พระราชา พร้อมกับแนะบุรุษนั้นให้ไปกราบทูลตามที่บอก ครั้นพระราชาทรงสดับคำถวายรายงาน และทราบว่ามโหสถเป็นผู้ไขปัญหาก็ทรงแย้มพระสรวลด้วยความพอพระทัย
ต่อมาไม่นานนัก คณะราชบุรุษก็ได้อัญเชิญพระบรมราชโองการมาอีกครั้งว่า พระราชาทรงมีแก้วมณีอยู่ดวงหนึ่ง ภายในมีรูเป็นเกลียวคดโค้งถึง 8 เกลียว มีด้ายร้อยไว้จากรูข้างหนึ่งไปทะลุอีกข้างหนึ่ง แต่ด้ายที่ร้อยไว้แต่เดิมนั้นขาด ไม่มีใครสามารถร้อยเชือกได้ จึงไม่อาจใช้งานได้ดังเดิม พระราชาทรงปรารถนาจะเห็นแก้วมณีดวงนี้ กลับคืนสู่สภาพเดิม จึงได้มอบภาระในการร้อยด้ายใหม่ ให้เป็นหน้าที่ชาวปาจีนยวมัชฌคาม ถ้าหากชาวปาจีนยวมัชฌคามไม่อาจจะกระทำได้ ก็จะต้องถูกปรับสินไหม 1000 กหาปณะ
เมื่อได้รับทราบข้อปัญหาที่ยากยิ่ง ราวกับให้งมเข็มในมหาสมุทร พวกชาวบ้านทุกคนต่างแสดงอาการตกใจ ถึงกับอุทานขึ้นว่า “แย่แล้วพวกเรา จะทำอย่างไรกันดี คราวนี้คงไม่พ้นต้องถูกปรับสินไหมแน่ๆ”
หลายคนเพียงได้ยินว่า “ยังไม่มีใครเคยทำได้” เท่านั้น ยังไม่ทันจะได้เริ่มคิดหาวิธีเลย ก็เริ่มท้อเสียตั้งแต่ต้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยวว่า “ที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยมีใครทำได้ แล้วพวกเราจะทำได้อย่างไรกัน”
“เอาน่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้เสียตั้งแต่ต้น ก็จะต้องมีวิธีซิ” เสียงท่านผู้เฒ่ากล่าวปลอบ

“นั่นล่ะ โบราณท่านว่าอย่าได้ประมาทเชียว เพราะการงานบางอย่าง เราคิดว่าง่ายๆ แต่พอลงมือเข้าจริงๆ กลับปรากฏว่ายาก ติดขัดไปเสียทุกอย่าง” ท่านผู้เฒ่าพูดเตือนสติทุกคนอีกครั้ง
ชายหนุ่มรอจังหวะอยู่นาน พอได้โอกาสจึงพูดขึ้นบ้างว่า “โธ่เอ๋ย..พวกเราจะมัวเสียเวลาไปทำไม สิ้นเปลืองปัญญาเสียเปล่าๆ พ่อมโหสถของเราก็มีอยู่ทั้งคน ไม่มีใครนึกถึงบ้างเลยหรือไร”
พอชายหนุ่มกล่าวจบ ก็มีเสียงหนึ่งเสริมขึ้นทันที “ก็นั่นน่ะสิ หิ่งห้อยหรือจะสู้แสงไฟ ต่อให้เอาปัญญาของพวกเราทั้งหมู่บ้านมารวมกัน ก็คงไม่ถึงเศษเสี้ยวแห่งปัญญาของพ่อมโหสถ แล้วอย่างนี้ เราจะมัวรอช้าอยู่ไย ไปขอให้พ่อมโหสถช่วยกันเถอะ”
ท่านผู้เฒ่าพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอนั้น ในที่สุดจึงเอ่ยปากชวนทุกคนให้ไปรวมตัวที่เรือนของท่านสิริวัฒกเศรษฐีเพื่อหาทางยุติข้อปัญหานี้ให้เร็วที่สุด
เมื่อได้แจ้งเหตุที่มาให้ท่านสิริวัฒกะทราบแล้ว ก็พากันนั่งรอคอยการมาของมโหสถเหมือนเช่นทุกครั้ง ครั้นมโหสถกุมารและเหล่าสหายมาถึง ได้รับทราบเรื่องที่พระราชารับสั่งให้ร้อยเส้นด้ายใหม่เข้าไปในแก้วมณี จึงเอ่ยปากขอดูแก้วมณีดวงนั้น
ครั้นรับมาไว้ในมือแล้ว ก็พลิกกลับไปกลับมา ตรวจตราพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ท่านพ่อขอรับ คงต้องยอมรับว่า ภาระกิจนี้เกินกว่าวิสัยที่พวกเราทุกคนจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน”
“หา...พ่อมโหสถยังบอกว่ายากหรือนี่” เสียงชาวบ้านคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ สีหน้าบ่งชัดว่าผิดหวังอย่างแรง ทำให้ทุกคนในที่นั้นเริ่มหวั่นใจตามไปด้วย
“เรื่องนี้จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าง่ายก็ไม่เชิง ปัญหาทุกอย่างย่อมจะมีทางออกของมัน ท่านทั้งหลายอย่าได้เป็นทุกข์เป็นร้อนกันไปเลย”
เมื่อมโหสถกล่าวให้ความหวังเช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาอีกครั้ง และกำลังตั้งใจรอฟังต่อไปว่า ทางออกที่มโหสถกล่าวถึงนั้นเป็นอย่างไร แต่มโหสถกลับนิ่งเฉย เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ครู่หนึ่งจึงหันมากล่าวกับบิดาว่า “ท่านพ่อขอรับ ขอน้ำผึ้งให้กระผมสักหน่อยเถอะครับ”
พวกชาวบ้านพากันแปลกใจ บ้างก็ซุบซิบกันว่า “โอ ช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง พ่อมโหสถจะเอาน้ำผึ้งดูดด้ายเก่าออก แล้วร้อยด้ายใหม่เข้าไปหรือนี่” อีกคนได้ฟัง ก็รีบแย้งว่า “เงียบเถอะน่า ใครที่ไหนจะเอาน้ำผึ้งดึงด้าย อย่าพูดให้โง่ไปหน่อยเลย”

ครั้นได้น้ำผึ้งตามที่ต้องการแล้ว มโหสถจึงค่อยๆหยดน้ำผึ้งที่รูทั้งสองด้านของดวงแก้ว หยิบด้ายขนสัตว์สีทองที่ได้รับพระราชทานมา ฟั่นให้เป็นเกลียวเสมอกัน แล้วชุบปลายด้ายนั้นด้วยน้ำผึ้ง แล้วสนเข้าไปในรูของดวงแก้วหน่อยหนึ่ง
จากนั้นจึงให้นำไปวางไว้บริเวณรังมดคันไฟ ตัวเล็กๆ สีแดงส้ม ซึ่งเป็นมดที่ชอบน้ำหวานมากที่สุด ธรรมชาติของมดเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสไว ครั้นถูกล่อด้วยกลิ่นน้ำผึ้งซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพวกมันอยู่แล้ว ก็รีบกรูออกมา มองหาที่มาของกลิ่นหอมของน้ำผึ้งกันใหญ่

ครั้นด้ายเส้นใหม่ถูกร้อยไปตามเกลียวจนทะลุอีกด้านหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านทุกคนต่างก็โล่งใจ โห่ร้องสาธุการดังสนั่นด้วยความปีติยินดี
มโหสถไม่รอช้า รีบดึงปลายด้ายนั้นออกมา แล้วขมวดปมไว้ทั้งสองด้าน จากนั้นจึงส่งมอบดวงแก้วนั้นให้กับบุรุษซึ่งเป็นตัวแทนชาวปาจีนยวมัชฌคาม พลางกล่าวว่า “ท่านจงนำแก้วมณีดวงนี้ไปทูลเกล้าถวายคืนแด่พระราชาเถิด”

ดังนั้น เมื่อประสบปัญหาใดๆ ปัญญาจะเป็นดั่งเพื่อนยาก ที่อยู่เคียงข้างเราไปจนกว่าจะถึงฝั่งแห่งความสำเร็จ ส่วนว่าพระราชา เมื่อทรงทราบผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้ว จะทรงมีปัญหาใหม่อะไรส่งมาอีก โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)