การสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

พระธรรมเทศนา โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย https://dmc.tv/a7622

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ช่วงเด่นฝันในฝัน > ปกิณกธรรม > นานาสาระ
[ 12 ส.ค. 2553 ] - [ ผู้อ่าน : 18274 ]
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2553
ตอน การสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
 
 
 
การสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
  พระธรรมเทศนา โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)
รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
 
        เมื่อวานนี้ หลวงพ่อได้เล่าถึงคุณยายของเราว่า คุณยายของเรานั้น ใจของท่านหน่วงอยู่กับพระนิพพาน หน่วงอยู่กับการสร้างบุญสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของพระอรหันต์ อยู่ตลอดเวลา เพราะเหตุนี้ท่านจึงมีความเคารพในพระธรรมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อหลวงพ่อถามคุณยายว่า “พระสารีบุตรซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องขวา สร้างบุญสร้างบารมีมาอย่างไร จึงได้มีปัญญาเป็นเลิศ พระอรหันต์ทั้งหลายเทียบกับท่านไม่ได้เลย”
 
        คุณยาย...แม้อ่านหนังสือไม่ออก แต่ผู้ที่เข้าถึงธรรมนั้น ในที่สุดก็จะเหมือนกัน ดำเนินรอยตามกันไป ก่อนจะเข้าถึงก็มีความเคารพอยู่แล้วไม่อย่างนั้นก็เข้าไม่ถึง ครั้นพอเข้าถึงก็ยิ่งซาบซึ้งในพระจริยวัตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ คุณยายจึงเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เคารพพระธรรมเป็นอย่างยิ่ง เคารพพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของท่านเป็นอย่างยิ่ง
 
        คุณยายก็ดำเนินรอยตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้พระองค์เอง ก็มีความเคารพในธรรมเป็นอย่างยิ่ง ตรงนี้ขอฝากเป็นข้อคิดเอาไว้กับทุกๆคน เมื่อถึงคราวไปเป็นกัลยาณมิตรให้หมู่คณะ กล่าวคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ตัวของพระองค์เองนั้น เวลาที่จะเทศน์ให้ใครฟัง จะไม่ยอมให้มีความประมาทเกิดขึ้นในพระองค์แม้เพียงเล็กน้อย และมีความเคารพในธรรมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเทศน์ให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินฟัง จะเทศน์ให้นักปราชญ์บัณฑิตฟัง จะเทศน์ให้มหาเศรษฐีฟัง ก็มีความรัดกุมรอบคอบ เช่นเดียวกับเทศน์ให้คนยากจนเข็ญใจฟัง เช่นเดียวกับเทศน์ให้เด็กๆฟัง อุปมาดั่งราชสีห์ ไม่ว่าจะตะปบช้างหรือกระต่ายมากินเป็นอาหาร ก็จะใช้ความรอบคอบระมัดระวัง ไม่ให้หลุดกรงเล็บไปได้ เสมอกัน นี้คือความเคารพในธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งๆที่พระองค์ทรงเป็นเจ้าของธรรมะ
 
        ดังนั้น เมื่อหลวงพ่อถาม คุณยายต้องย้อนกลับไปทำภาวนานิ่งอยู่ ไม่ต่ำกว่าห้าถึงเจ็ดนาที แล้วจึงตอบช้าๆด้วยความระมัดระวังว่า พระสารีบุตรมีบุญที่เหนือกว่าใครทั้งหลายอยู่ประการหนึ่ง คือ ความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณของท่าน ทุกภพทุกชาติเป็นมาอย่างนั้น
 
        เราอย่าลืมว่า พระอรหันต์ทุกองค์นั้น ต่างก็หมดกิเลสด้วยกันทั้งสิ้น แต่คุณสมบัติพิเศษๆกลับไม่เหมือนกัน พระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะ ต่างก็เป็นอัครสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา ในการที่พระอรหันต์รูปใดรูปหนึ่งจะมีความเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง เนื่องจากการที่จะเป็นพระอรหันต์ธรรมดา ขอเพียงให้หมดกิเลส จะได้พ้นทุกข์ อย่างที่ชาวโลกทั้งหลายตั้งความปรารถนากันนั้น ยังต้องใช้เวลาเป็นอสงไขยกัป กว่าจะสร้างบุญสร้างบารมีกันมา แก้ไขตัวเองกันมา ได้ขนาดนั้น แม้ท่านใดจะสร้างบารมีล่วงหน้ามาก่อนเป็นเวลานาน อย่างน้อยก็ยังต้องเป็นหมื่นเป็นแสนกัปกว่าจะหมดกิเลสได้ ดังนั้น เมื่อมาเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศกว่าพระอรหันต์ทั้งหลาย จะต้องใช้ความทุ่มเทขนาดไหน
 
        อยากจะฝากเอาไว้กับพวกเรา ลูกพระธัมฯทั่วโลกด้วยว่า เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ในอดีตมีมาแล้วไม่ว่าจะกี่พระองค์ก็ตาม มีธรรมชาติอยู่ว่า ทุกพระองค์จะต้องมีอัครสาวก เมื่อมีผู้ที่ทราบความเป็นมาของการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ก็มีบางท่านที่อยากจะสร้างบารมี แต่จะให้สร้างบารมีอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็กลัวจะไม่ไหว ถ้าจะเป็นพระอรหันต์ธรรมดา ด้วยความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ อีกทั้งรู้ว่ากว่าจะมาเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่าจะมาเป็นพระอรหันต์ กว่าจะหมดกิเลส ต้องเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วไม่รู้กี่แสนกัปกี่ล้านกัป เพราะฉะนั้น พ่อแม่ในอดีตชาติ คงมีมากมายทีเดียว ถ้าอย่างนั้นจะหมดกิเลสเพียงลำพังคนเดียว เห็นว่าหาสมควรไม่ น่าจะได้มีคุณสมบัติพิเศษๆ อะไรสักหน่อย เพื่อจะได้ไปโปรดโยมพ่อโยมแม่ของตัวเองในชาตินั้นๆ และจะได้ไปโปรดโยมพ่อโยมแม่ในอดีตชาติด้วย
 
        เหตุนี้เอง จึงมีหลายท่านที่เมื่อทราบว่า พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มีอัครสาวาก จึงตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระอัครสาวกในภายภาคหน้า
 
        ท่านที่อายุเลขห้าขึ้นไปแล้ว คือ ครึ่งศตวรรษกว่าไปแล้ว ลองถามตัวเองเอาเถอะ เอาแค่ชาตินี้ ทั้งๆที่เราก็เข้าวัดและซาบซึ้งพระคุณพ่อพระคุณแม่ วันนี้ผ่านครึ่งศตวรรษมาแล้ว ได้ทุ่มเทตอบแทนพระคุณของท่านไปได้สักแค่ไหนแล้ว เราก็จะพบว่าผ่านมาครึ่งศตวรรษยังไม่ค่อยจะได้ทำอะไรที่เป็นการตอบแทนพระคุณของท่านเลย แม้การมาบวชรุ่นแสนรูปเข้าพรรษาในครั้งนี้ ก็เป็นการมาฝึกตัวเพื่อจะได้ทำความหนักใจของท่านให้น้อยลงต่างหาก ยังไม่ได้ทดแทนพระคุณอะไรสักเท่าไหร่
 
        ถ้าจะให้เป็นการทดแทนพระคุณกันจริงๆ ก็ต้องบวชสักห้าพรรษาสิบพรรษา ถ้าแค่พรรษาเดียว ก็มารู้บุญรู้บาปรู้ดีรู้ชั่วรู้ควรรู้ไม่ควรรู้ผิดรู้ถูก รู้อย่างนี้เอาไว้ จะดำเนินชีวิตถูก แล้วจะได้ไม่ไปทำความหนักใจให้ท่าน อยู่ตรงนี้ต่างหาก อย่าหลงเข้าใจผิดว่าบวชคราวนี้ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ตั้งเยอะ เทียบกันไม่ได้เลยกับการที่เคยทำความหนักใจให้ท่านมาก่อน แต่แน่นอน สำหรับท่านที่ตั้งใจฝึกในพรรษานี้อย่างดีเยี่ยม ประคองใจอยู่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดกันทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมให้พรากเลย จนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกายในตัว ตรงนี้ก็ต้องบอกว่ายกเว้น ตรงนี้ได้บุญเยอะๆจริง ขออนุโมทนาด้วย
 
        อยากจะฝากพวกเราว่า ถ้าเราอยากจะมีปัญญาเป็นเลิศ อยากจะได้เกียรตินิยม อยากจะได้เกรดสูงๆ ให้ไปสำรวจตัวเองว่า ความกตัญญูกตเวที ทั้งรู้คุณ ทั้งประกาศคุณ ผู้ที่มีคุณกับเรา เราได้ทำไว้ดี มากน้อยแค่ไหน อย่านึกถึงแต่เฉพาะคุณพ่อคุณแม่ นึกถึงปู่ย่าตาทวด นึกถึงครูบาอาจารย์ และแม้ที่สุดพี่ๆเพื่อนๆที่บางคนมีพระคุณกับเราจริงๆ
 
        แม้น้องๆหลานๆที่มายืนเข้าแถวรับพระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ในวันอาทิตย์ ก็อย่างลืม พวกเขาตักบาตรให้หลวงพี่ มาเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารที่หอฉันคุณยายอาจารย์ด้วย หลวงพี่นั่งฉันข้าวของพวกเขา อย่าลืมนะ...ลองนึกดูว่าแล้วเราจะตอบแทนคุณของน้องๆหลานๆเหล่านี้ได้อย่างไร การที่จะตอบแทนพระคุณของผู้ที่มีคุณแก่เราทั้งน้อยและใหญ่ ทั้งอายุมากอายุน้อย ทั้งรวยทั้งจน ไม่ใช่เรื่องง่าย เขารวยมากๆทุกอย่างเขามีพร้อม จะตอบแทนพระคุณของเขาจะทำอย่างไร จับพลัดจับผลูมีพ่อเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ จะตอบแทนพระคุณอย่างไร ลองไปคิดดู
 
        พวกเราเองนั้น จริงๆแล้ว ความกตัญญูกตเวที หรือเชื้อแห่งความเป็นผู้รู้คุณคนและทุ่มเทตอบแทนพระคุณคน พวกเรามีเชื้ออยู่แล้ว ปฏิบัติอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ทุ่มเทเหมือนพระสารีบุตร เพราะฉะนั้น ถ้ามีโอกาสก็รีบทุ่มเท ก็รีบทำไป
 
        หลังจากคุณยายอาจารย์ ท่านได้เมตตาตอบเรื่องของพระสารีบุตร ผู้มีความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ จึงได้มีปัญญาเป็นเลิศแล้ว หลวงพ่อก็ถามต่อ “คุณยาย แล้วพระโมคคัลลานะ สหายคู่ใจของพระสารีบุตรที่ได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและมีฤทธิ์มากเหลือเกิน จะเหาะเหินเดินอากาศ จะดำน้ำดำดินก็ได้สิ้น อย่างนี้ท่านสร้างบุญสร้างบารมีของท่านมาอย่างไร”
 
        หลวงพ่อถามคุณยายไปอย่างนี้ด้วยความอยากรู้จริงๆ เพราะตั้งแต่ก่อนบวช แต่ไหนแต่ไรมา ตอนเป็นเด็กอ่านรามเกียรติ์ก็อยากมีฤทธิ์เหมือนหนุมาน ครั้นพอวัยรุ่นขึ้นมาหน่อยไปอ่านขุนช้างขุนแผน ก็อยากมีฤทธิ์เหมือนขุนแผน ครั้นต่อมา มาค้นพระไตรปิฎก อ่านมาถึงพระโมคคัลลานะ สนใจมาก อยากจะมีฤทธิ์ หลวงพ่อค้างใจมานาน เพราะอ่านประวัติของท่านแล้ว พลิกพระไตรปิฎกมาพอสมควร แต่บอกได้ไม่ชัดว่า พระโมคคัลลานะสร้างบารมีมาอย่างไร
 
        คุณยายก็เมตตาหลับตาค้นให้ต่อ ครั้งนี้ใช้เวลาน้อยหน่อย ประมาณสามนาที คงจะเป็นเพราะระลึกชาติไปดูการสร้างบารมีของพระสารีบุตร ก็คงจะเห็นของพระโมคคัลลานะไปด้วยในตัวมาส่วนหนึ่งแล้ว เพราะท่านเป็นสหายคู่ใจกันมาหลายภพหลายชาติ นับกันไม่ไหว ดังนั้น ถ้าเห็นประวัติการสร้างบารมีของท่านหนึ่ง ก็จะเห็นของอีกท่านหนึ่งด้วย
 
        เมื่อคุณยายลืมตาขึ้นมา ท่านตอบหลวงพ่อว่า พระโมคคัลลานะนั้น เกิดกี่ภพกี่ชาติ ท่านเป็นบุคคลประเภทที่เอาภาระหมู่คณะ จะอยู่กับพรรคพวกเพื่อนฝูงมากน้อยเท่าไหร่ก็เอาภาระของพรรคพวกเพื่อนฝูง อยู่กับครอบครัวคุณพ่อคุณแม่วงศ์ญาติก็เอาภาระของพ่อแม่ เอาภาระของวงศ์ญาติ ไปเกิดในหมู่บ้านไหนตำบลไหนก็เอาภาระในหมู่บ้านนั้นตำบลนั้นด้วย ไม่ปล่อยปละละเลย ท่านเป็นประเภทอย่างนี้ คือ เอาภาระต่อหมู่คณะ เพราะความที่เอาภาระต่อหมู่คณะนี่เอง ท่านจึงถูกบังคับว่า ถ้ามีความรู้ความสามารถธรรมดาๆแล้ว คงตายเปล่า จึงต้องฝึกตนเองเป็นพิเศษ ฝึกมากเข้าๆเพื่อจะแบกภาระให้หมู่คณะ ไม่ว่าศาสตร์ไม่ว่าศิลปะใดๆมีอยู่ก็ในยุคนั้นๆ เป็นต้องไปศึกษาไปเล่าเรียนมาทุกแขนง เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับอุปสรรคที่จะเกิดกับหมู่คณะ ในยามที่มีภาระเกิดขึ้นกับหมู่คณะ พระโมคคัลลานะจะออกหน้าทันที ด้วยเหตุนี้ พอมาถึงชาติสุดท้าย ท่านจึงมีฤทธิ์เป็นพิเศษทีเดียว
 
        พระโมคคัลลานะเป็นบุคคลประเภทสร้างเครือข่ายคนดีร่ำไป ความกตัญญูกตเวทีของท่าน ถึงอย่างไรก็มีอยู่ แต่ว่าความโดดเด่นอยู่ที่ว่า เอาภาระหมู่คณะ เพราะฉะนั้นเกิดที่ไหนเกิดชาติใดเป็นต้องเตรียมเนื้อเตรียมตัว เตรียมความรู้ เตรียมความสามารถ เตรียมเสบียงเตรียมอุปกรณ์ หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น หมู่คณะสามารถพึ่งท่านได้ นี่เป็นความพิเศษของท่าน (ขอฝากกับพวกเราว่า ไม่ว่าเรียนวิชาอะไร เมื่อนำมาใช้ อย่าใช้เพียงแค่เอาตัวรอด ต้องเอาภาระหมู่คณะด้วย)
 
        สำหรับพวกเรา เวลาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ ท่านจัดงานให้พวกเรา จัดกฐินจัดผ้าป่า เป็นต้น ท่านจะสร้างเครือข่ายคนดีเอาไว้ให้ ถ้าจัดกฐินจัดผ้าป่ากองเล็กๆเป็นการสร้างเครือข่ายคนดี แต่ถ้าจัดกฐินจัดผ้าป่า แต่ละครั้งกองโตๆ จะทอดกฐินจะทอดผ้าป่าทีละพันวัดหมื่นวัด จะไม่ยอมให้มีวัดใดในประเทศไทย มีกฐินตกค้างแม้แต่วัดเดียว อย่างนี้ไม่ใช่สร้างเครือข่ายคนดีเสียแล้ว แต่นั่นคือการสร้างเครือข่ายพลเมืองดี ขอให้มองกันให้ชัด
 
        เช่นเดียวกันกับที่เราจัดให้มีการตักบาตรพระ ในเบื้องต้นสองแสนรูปทั่วประเทศไทย เมื่อปีที่แล้วก็เพิ่มเป็นห้าแสนรูป และจะเพิ่มเป็นหนึ่งล้านรูปในปีนี้ นี่ถือเป็นการสร้างเครือข่ายชาวพุทธชั้นเยี่ยม อีกทั้งการที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ มอบให้เด็กอนุบาลบ้าง เด็กปฐมบ้าง ไปเป็นเจ้าภาพจัดการกับกฐินตกค้าง ตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์จริงๆ แม้แต่หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านยังกล่าวว่า ตลอดชีวิตของท่าน เพิ่งเคยเห็นเด็กอนุบาลเด็กปฐมมาเป็นเจ้าภาพกฐินที่วัดของท่าน นี้เป็นวิธีที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ ท่านพยายามฝึกให้เราสร้างเครือข่ายคนดีสร้างเครือข่ายพลเมืองดี สร้างให้เรามีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม แก่กล้าขึ้นไปเป็นลำดับ...ลำดับ
 
        วันนี้ โดยเฉพาะพรรษานี้ การที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ ต้องไปตามองค์กรต่างๆในประเทศไทยหลายองค์กร ตามหน่วยราชการต่างๆหลายหน่วย ตามวัดต่างๆหลายวัดที่เห็นภัยของพระพุทธศาสนา ให้ลุกขึ้นมาช่วยกันทำงาน สิ่งเหล่านี้แท้ที่จริง ถ้าจะว่าไปแล้ว คือ การสร้างเครือข่ายคนดี เครือข่ายพลเมืองดี หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นการฝึกซ้อมให้พวกเราเป็นผู้เอาภาระต่อพระพุทธศาสนา เอาภาระต่อประเทศชาติ เอาภาระต่อโลก
 
        ที่จะฝากต่อไปนี้ ไม่ใช่หลวงพ่อมีเจตนาที่จะไปพูดข่มคนอื่นเขา แต่ก็อยากจะพูดให้เข้าใจ ให้ได้คิด กล่าวคือ มีผู้ที่เห็นแก่ส่วนรวม พยายามคิดว่า ภาวะโลกร้อนกำลังกำเริบอยู่ ถ้าร้อนไปกว่านี้เดี๋ยวน้ำจะท่วมโลก เดี๋ยวอะไรต่อมิอะไรจะเกิดขึ้นมากมายไปหมด หิมะจะละลาย ระดับน้ำทะเลมันจะสูงขึ้น เกรงว่าน้ำจะท่วมที่นั่นที่นี่ที่โน่นกันวุ่นวาย คนจะตายกันอีกมาก มนุษยชาติจะเดือดร้อน ก็ต้องถือว่าเขาเป็นคนใจใหญ่ น่าสรรเสริญ เขาเป็นคนที่เอาภาระคนทั้งโลกเหมือนกัน เขาไม่ดูดาย นี่ขนาดว่าเขายังไม่มาพบพระพุทธศาสนา เขาก็ใจใหญ่ อย่างนี้น่าอนุโมทนาจริงๆ
 
        พวกเราก็เป็นประเภทใจใหญ่ เอาภาระต่อพระพุทธศาสนา เอาภาระต่อโลกเช่นกัน คือ เรามองออกว่าความวุ่นวายของทั้งโลกนั้น แท้จริงมันเกิดจากการที่มนุษย์ส่วนมากยังไม่รู้เรื่องบาปเรื่องบุญ ไม่รู้ว่าการที่จะทำให้โลกสงบร่มเย็นนั้น อยู่ที่มนุษย์ต้องมาช่วยกันทำบุญ ไม่ใช่ไปทำโน่นทำนี่ เพราะฉะนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ของพวกเรา จึงพยายามที่จะชวนคนให้สร้างบุญอยู่ทุกวันทุกคืน ในพระพุทธศาสนาของเรา สอนให้เรามองทะลุไปถึงต้นเหตุของสิ่งต่างๆทั้งหลายว่า เหตุร้ายนั้นมาจากไหน เหตุดีที่จะมาแก้เหตุร้ายนั้นมาจากไหน แล้วเราก็จะพบว่า เหตุร้ายไม่ว่าส่วนตัว หรือส่วนรวมของคนทั้งโลก ล้วนมาจากกิเลสในใจของแต่ละบุคคล
 
        เพราะฉะนั้น ถ้าต้องการที่จะแก้ไขโลกจริงๆ เหตุที่ทำให้โลกร้อนนั้นมีมากมาย แต่สรุปได้ว่า เพราะมนุษย์มีกิเลสหนา ปัญญาหยาบ จึงก่อเรื่องก่อราวก่อเหตุร้าย จนกระทั่งกิเลสกำเริบหนัก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกร้อน เพราะฉะนั้นการที่จะแก้โลกร้อนให้ตรงเป้า คือ ต้องมาช่วยกันสร้างบุญ แต่ก็ไม่ได้ห้ามที่เขาจะทำอะไรต่อมิอะไร ตามที่มีการชักชวนกันอยู่ในตอนนี้เพื่อแก้โลกร้อน ถามว่าสมควรไหมที่เขาทำอย่างนั้น ตอบว่าสมควรทำ เพราะถึงแม้ว่าการแก้โลกร้อน หรือการแก้ปัญหาระดับโลกในทุกเรื่องราวนั้น เรื่องใหญ่ คือ จะต้องสร้างบุญเพื่อเอาไปแก้ความเดือดร้อนนั้นๆในแง่มุมต่างๆ แต่การที่จะบอกให้ผู้คนมารู้เรื่องบุญกันทั้งโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย หากบอกไปแล้วเขาไม่เชื่อ เขาจะกล่าวหาได้ว่า เรามาหลอกลวง เรามาล้างสมอง
 
        ดังนั้น ก็ให้เขาทำไปก่อนตามวิธีที่เขาจะคิดได้ ก็พอจะมีส่วนได้ประโยชน์ต่อโลกเหมือนกัน ถือว่าเป็นพวกที่เห็นแก่ส่วนรวม เห็นแก่หมู่คณะ เห็นแก่ความสุขของคนทั้งโลก เช่นกัน ซึ่งใครเมื่อใจมาคิดถึงตรงนี้ได้ เห็นความสุขของคนทั้งโลกได้ ในพระพุทธศาสนา เรียกว่า หัวใจพระโพธิสัตว์
 
        พระโพธิสัตว์ คือ บุคคลที่คิดจะช่วยดับทุกข์ให้กับคนทั้งโลก ทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้ว่าวิธีจะดับทุกข์ให้คนทั้งโลกนั้นทำอย่างไร เพียงแค่มีใจ โดยคุณสมบัติที่มีใจใหญ่คิดถึงคนทั้งโลก จะดับทุกข์ให้กับคนทั้งโลกนี้ ท่านใช้คำว่า “เนมิตตกนาม” มีชื่อตามคุณสมบัติในตัวว่า พระโพธิสัตว์ หมายถึง สัตว์ผู้มุ่งการตรัสรู้ สัตว์ผู้มุ่งจะพาสัตว์โลกทั้งหลายไปรู้วิธีกำจัดกิเลสให้หมดไป
 
        เพราะฉะนั้น การที่ใครคนใดคนหนึ่งเห็นแก่ความสุขของคนทั้งโลก เห็นโลกกำลังร้อน ก็ชักชวนให้มาช่วยกัน เห็นโลกมีสงครามมากเหลือเกินไม่รู้จักจบจักสิ้น ก็ชักชวนให้มาช่วยกันสร้างสันติภาพ ซึ่งสันติภาพที่เขานึกออกนั้น แค่ลดอาวุธ แม้การลดอาวุธให้น้อยลง จะยังไม่เป็นสันติภาพที่แท้จริง แต่การที่เขานึกได้ขนาดนั้น ก็ถือว่าใจใหญ่ น่าอนุโมทนาทีเดียว หากแต่ว่า วันนี้ พวกเราก้าวล้ำไปแล้ว เรามาสร้างสันติสุขภายใน พวกเรามุ่งที่จะดับร้อนไม่ใช่แค่โลก แต่ดับร้อนทั้งแสนโกฏิจักรวาลอนันตจักวาล ตลอดธาตุตลอดธรรม เป็นเหตุให้เราต้องมาติดตามดีเอ็มซีกันอยู่ทุกวันทุกคืน
 
 
        พวกเราได้ช่วยกันมาตั้งแต่ ตักบาตรสองแสนรูป ตักบาตรห้าแสนรูป ปีนี้กำลังจะตักบาตรล้านรูป หรือที่พวกเราไปตามผู้ชายมาบวช นี่ก็เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ อยากจะฝึกให้เรามีใจรับผิดชอบต่อโลกของเรา ต่อพระพุทธศาสนาของเรา เพราะฉะนั้นใครที่ไปตามผู้ชายมาบวชได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขอโมทนาด้วย แม้ที่สุดใครไปตามแล้วไม่ได้เลยสักคน ถึงกระนั้นก็แสดงว่า ความคิดรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ รับผิดชอบต่อโลกมนุษย์ ได้เกิดขึ้นกับเขาแล้ว แม้ผลยังออกมาไม่เต็มที่ แต่หัวใจนั้นเบ่งบานไปแล้ว มองภาพเหล่านี้ให้ออก แล้วเราจะไม่เหนื่อยในการที่เราจะสร้างบุญสร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป และเราจะเห็นว่าการสร้างบุญสร้างบารมีของเรานั้นมีความรอบคอบ มีความรัดกุม มีความลุ่มลึกมาตามลำดับอีกด้วย ซึ่งความลุ่มลึกเหล่านี้ ถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ไม่ชี้ให้ ไม่นำให้ พวกเราคงนึกไม่ออกเหมือนกัน ขอกราบขอบพระคุณท่านไว้  ณ ที่นี้ด้วย
 
        สำหรับพวกเราที่ได้ไปช่วยกันจัดการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน เริ่มต้นเราก็เริ่มจากตามมาบวชหนึ่งแสนท่านด้วยกัน ครั้งที่สองก็ห้าแสนท่าน ที่ได้ห้าแสนก็เป็นผลมาจากแสนแรกที่เราไปตามนั่นเอง จึงเป็นห้าแสนได้โดยง่าย ก็ต้องกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่อีกครั้ง ที่ได้วางกุศโลบายไว้ดีเยี่ยม ถ้าท่านไม่วางกุศโลบายแสนแรก ห้าแสนคงไม่สำเร็จ พวกเราก็จะไม่มีโอกาสได้บุญใหญ่อย่างนี้
 
 
        เพราะฉะนั้น ลูกพระธัมฯ หลานคุณยาย ที่อยู่กันทั่วโลกนั้น แม้ไม่ได้มาบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน รุ่นแสนก็ตาม รุ่นห้าแสนก็ตาม แต่ได้มาช่วยกันตามคนมาบวชในภูมิภาคของตัวเองในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะได้มากี่ท่านก็ตาม ต้องบอกว่า ใจขยายใหญ่ครอบโลกกันหมดแล้ว ดังนั้น ให้เตรียมตัวสำหรับโครงการต่อไป บวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนหนึ่งล้านคน
 
        ทุกครั้งที่เราทำอย่างนี้ งานใหญ่อย่างนี้ นั่นคือเรื่องของการปลูกจิตสำนึกความรับผิดชอบที่มีต่อส่วนรวม ต่อหมู่คณะ กล่าวได้ว่า นี้คือการเดินตามเส้นทางของพระโมคคัลลานะ เดินตามเส้นทางของพระโพธิสัตว์ แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ยิ้มเข้าไว้ หากใครถามว่าเหนื่อยไหม ก็ตอบกันว่า ปลื้ม แต่สำหรับหลวงพ่อ ถ้าใครถามว่าเหนื่อยไหม หลวงพ่อก็จะตอบว่า นอนเฉยๆได้บุญไม่เคยเห็น ถ้านอนเฉยๆได้บุญ หมูคงไปนิพพานก่อนมนุษย์ กลัวจะต้องไปเป็นหมู เอาแต่กินกับนอน แล้วจะให้ได้บุญ ได้อย่างไร
 
        เราจะเห็นได้ว่า การสร้างบารมีของพระอรหันต์แต่ละรูปนั้น เป็นไปตามอัธยาศัยของท่าน ใครที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างดีเยี่ยม ในที่สุดกลายเป็นผู้ที่เลิศด้วยปัญญา ใครที่เอาภาระของหมู่คณะอย่างดีเยี่ยม ก็กลายมาเป็นผู้ที่เลิศทางด้านมีฤทธิ์
 
        สำหรับพวกเรา แม้ยังไม่ถึงปฐมมรรค องค์พระก็ยังเข้าไม่ถึง จำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางโลกทางวิชาการ อาศัยเทคโนโลยี ก็เอาเทคโนโลยีที่ได้นั้นมาผ่อนแรง ทำให้แม้คนเดียวก็สามารถที่จะทำงานหลายอย่างได้ อย่างมีประสิทธิภาพ นี่เป็นเบื้องต้น แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ สร้างเครือข่ายคนดี จากการสร้างเครือข่ายคนดีนี้เอง จึงจะกลายเป็นสร้างเครือข่ายพลเมืองดี
 
        หลวงพ่ออยากจะฝากให้เป็นข้อคิดแก่พวกเราว่า ทุกครั้งที่ประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ว่าประเทศชาติบ้านเมืองไหน มีเรื่องทุกข์ร้อนเกิดขึ้น ประเทศเสียเอกราชบ้าง ประเทศถูกข้าศึกรุกรานบ้าง หรือว่าน้ำท่วมอย่างหนักคนตายเป็นแสนเป็นล้าน เกิดอุบัติเหตุเภทภัย มีคนล้มหายตายจากกันไปมากมายบ้าง ในวาระอย่างนั้น ทุกคนก็จะคิดถึงพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยในยามทุกข์ เวลาเดือดร้อนจึงค่อยคิดที่จะอยากได้พระเอกขี่ม้าขาว แต่พอเรื่องเดือดร้อนสงบแล้วหมดไปแล้ว...ก็ลืม
 
        ความจริงที่ถูกที่ควร น่าจะเป็นว่า ในวาระที่โลกยังสงบอยู่ หรือยังไม่มีเหตุเภทภัยหนักหนาสาหัส น่าจะมาช่วยกันคิดสร้างพระเอกขี่ม้าขาวให้มากๆ ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด ทำไมต้องไปรอให้บ้านเมืองเดือดร้อนแล้วไปหาพระเอกขี่ม้าขาว
 
        ในการที่จะสร้างพระเอกขี่ม้าขาวขึ้นมา ถามว่าทำอย่างไร ขั้นต้น ต้องสร้างเครือข่ายคนดี หรือการเข้าไปรับผิดชอบหมู่คณะ เมื่อหมู่คณะเกิดเดือดร้อน หรือแม้ไม่ใช่หมู่คณะ คนในบ้านในเมืองนี้เดือดร้อน คนในโลกนี้เดือดร้อน แต่ว่าเราพอจะมีสติปัญญาเข้าไปช่วยแก้ไขได้ ต้องรีบเข้าไปช่วยกันรับผิดชอบ แม้ตัวเองคนเดียวคงรับผิดชอบไม่ได้ เห็นคนที่มีแววคนนั้นคนนี้คนโน้น พอจะไปช่วยได้ ก็ไปตามคนเหล่านั้นมาจับมือกันมาช่วยกัน เดี๋ยวเครือข่ายคนดีก็เกิด เครือข่ายคนดีที่เกิดขึ้นมานี้ คือ เบื้องต้นของพระเอกขี่ม้าขาว มองภาพตรงนี้ให้ชัดด้วย
 
        ในการประกอบอาชีพทำมาหากิน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้ว่า ถ้าใครอยากจะเป็นเศรษฐี พระองค์ให้หลักไว้สี่ประการ ดังนี้
 
1.หาเป็น (อุฏฐานสัมปทา) ถ้าหาไม่เป็น เป็นเศรษฐีไม่ได้
 
2.เก็บเป็น (อารักขสัมปทา) ถ้าหาได้แต่เก็บไม่เป็น เป็นเศรษฐีไม่ได้
 
3.สร้างเครือข่ายคนดีเป็น (กัลยาณมิตตตา) การสร้างเครือข่ายคนดีก็คือรู้ว่าใครดี มีศีลมีธรรม อยู่ที่ไหน ขั้นต้นก็เพื่อนบ้าน ในหมู่บ้านในตำบลที่เราอยู่ ก็ต้องควานหากัน ใครเป็นคนดีมีศีลมีธรรม ต้องไปสร้างเครือข่ายขึ้นมา คบค้าสมาคมกัน ถ้าว่าตามภาษาของพวกเรา ก็ต้องบอกว่าไปตามมาเป็นผู้นำบุญ แน่นอนการไปตามคนดีมาเป็นเครือข่ายต้องมีค่าใช้จ่าย เวลาจะไปตามใครต่อใครมาร่วมเป็นเครือข่ายคนดี มาร่วมกันเป็นผู้นำบุญ มาร่วมกันไปตามผู้ชายมาบวช มาร่วมกันไปตามอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนมาบวช ต้องใช้ค่าใช้จ่ายทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อมีค่าใช้จ่ายก็ต้องหาเป็น-เก็บเป็นก่อน
 
        ในกรณีอย่างนี้ เราจึงได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งว่า นกไม่มีขนบินไม่ได้ คนไม่มีเพื่อนก็เจริญไม่ได้ รักจะสร้างบุญสร้างบารมีตามพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ ตามคุณยายอาจารย์ ถ้าไม่สร้างเครือข่ายคนดีเพื่อจะได้สร้างบารมีได้เต็มที่เต็มมือ แล้ว จะทำได้อย่างไร
 
        นอกจากมีค่าใช้จ่ายแล้ว จะต้องดูคนเป็นด้วย รู้ว่าคนดีนั้นเป็นอย่างไร วิธีที่จะดูคนเป็นนั้นทำอย่างไร มีมาตรฐาน มีวิธีอะไรหรือไม่  คำตอบ คือ มี นั่นคือต้องทำตัวเองให้เป็นคนดีก่อน ไม่เช่นนั้นไปเจอคนดีก็มองไม่ออก แม้มองออกว่าเขาดี แต่ถ้าเราไม่ใช่คนดี เขาก็ไม่คบ
 
        หาเป็นเก็บเป็นแล้ว จึงสร้างเครือข่ายคนดีเอาไว้เป็นรั้วด้วย เอาไว้ร่วมกันสร้างบุญเคียงบ่าเคียงไหล่กันด้วย เอาไว้ร่วมกันหาเป็นเก็บเป็นอีกด้วย
 
        4.ใช้เป็น (สมชีวิตา) ความจริงตอนสร้างเครือข่ายคนดีก็ต้องใช้อยู่แล้ว แต่ว่ามาใช้ให้เต็มที่จะอยู่ที่ข้อสี่ แต่คนมีปัญญาจะมองออกว่า  มีเพื่อนดีมีค่ากว่าเงินอย่างเทียบเท่าไม่ได้ สร้างเครือข่ายคนดีก่อนแล้วใช้ แสดงว่ามีเพื่อนเป็นคนดี มีเพื่อนเป็นผู้นำบุญ มีเพื่อนที่ตั้งใจมาฝึกตัวเป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน มีเพื่อนที่ตั้งใจมาบวช เพื่อนแต่ละท่านดังกล่าวมานี้ มีคุณค่ามากกว่าทรัพย์ทั้งนั้น เพราะเพื่อนเหล่านี้กำลังเปลี่ยนทรัพย์ธรรมดาให้เป็นอริทรัพย์ในตัวของเขา บางคนก็เปลี่ยนได้แล้ว บางคนก็กำลังเปลี่ยน บางคนก็เพิ่งเริ่ม ได้บุคคลเหล่านี้มา ถือว่าได้อริยทรัพย์ติดมาด้วย แสนจะประเสริฐ
 
        เพราะฉะนั้น ใครทำครบสี่อย่างนี้ ได้เป็นมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน หัวใจเศรษฐีอยู่ตรงนี้เอง เมื่อสร้างเครือข่ายคนดีกันอย่างนี้แล้ว เดี๋ยวจะพบเองว่า พระเอกขี่ม้าขาวคราวนี้ไม่ใช่คนเดียว มากันเป็นทีม เราต้องมองแบบนักสร้างบารมีที่คิดจะไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม พระเอกขี่ม้าขาวคนเดียวจะไปทำอะไรได้
 
        คุณยายของเราได้สร้างพระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ขึ้นมา ทำให้ได้สร้างวัดพระธรรมกายขึ้นมา ได้สร้างลูกหาบอย่างหลวงพ่อ ลูกหาบอย่างพวกเรา ตามมาอีกมาก จึงเหมือนว่าคุณยายสร้างโอกาส เปิดโอกาสให้พวกเราได้มาสร้างบุญสร้างบารมีตามท่าน และไม่ใช่แบบเล็กๆน้อยๆ แต่ให้เราได้สร้างตามท่านแบบชนิดเป็นกอบเป็นกำ ตรงนี้สำคัญ
 
        ทั้งนี้เป็นเพราะอย่างที่เราทราบกันว่า ถวายสังฆทานแด่พระร้อยรูป ก็ได้บุญแบบพระร้อยรูป ถวายสังฆทานแด่พระพันรูป ก็ได้บุญแบบพระพันรูป แต่วัดพระธรรมกายนิมนต์พระมาแต่ละครั้ง หมื่นวัด สองหมื่นวัด สามหมื่นวัด พูดง่ายๆพระที่เราอาราธนาให้มาเป็นเนื้อนาบุญ เป็นจำนวนหลักหมื่นหลักแสนทั้งนั้น ทำไมเราทำได้ ทั้งนี้เป็นเพราะคุณยายสร้างวัดใหญ่ๆเอาไว้ให้ เตรียมอุปกรณ์อย่างเหมาะสม เตรียมทุกสิ่งทุกประการเอาไว้ให้ ดังนั้นเมื่ออาราธนาพระจำนวนมาก เป็นหมื่นเป็นแสนมา ท่านก็ได้รับความสะดวก ท่านก็เต็มใจมา อีกทั้งพวกเราเองก็มาทำบุญกันได้เป็นจำนวนมาก ถวายสังฆทานแต่ละครั้งเป็นหมื่นเป็นแสนรูป เราก็ได้บุญใหญ่เป็นกอบเป็นกำ
 
        นี่ขนาดสำนักงานใหญ่ อาคารร้อยปีของคุณยายยังสร้างไม่เสร็จ เพิ่งหล่อเสาเข็มเสร็จยังไม่พ้นดินมาสักเท่าไหร่ เรายังสามารถอาราธนาพระมาเป็นเนื้อนาบุญได้เป็นแสนรูป ถ้าวิหารคดเสร็จ และอาคารร้อยปีคุณยายอาจารย์ที่กำลังสร้างอยู่นี้เสร็จ เห็นทีว่าตอนนั้น คงได้อาราธนาพระมาเป็นเนื้อนาบุญทีละหลายๆแสนรูป ไม่แน่อาจเป็นล้านรูปก็ได้ และคงไม่ใช่ประเทศเดียว คงหลายๆประเทศทั่วโลก
 
        พระแท้มิได้มีเพียงแต่ในประเทศไทย จากการที่หลวงพ่อและหมู่คณะได้รับคำสั่งจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ ให้ไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศในหลายประเทศ ก็ได้ไปพบว่าแต่ละประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่เป็นเมืองพุทธ ได้มีพระแท้อยู่ในแต่ละประเทศเป็นจำนวนไม่น้อยเลย แต่ว่าเสียดายที่ท่านต่างคนต่างอยู่กัน ท่านรับภาระอยู่แต่เฉพาะในประเทศของท่าน ถ้าพระแท้ทั่วโลกมาพร้อมกันที่วัดพระธรรมกาย จะบุญบันเทิงขนาดไหน นึกดูก็แล้วกัน
 
 
        ถ้าอาคารร้อยปีคุณยายอาจารย์เสร็จเมื่อไหร่ ก็จะได้ศูนย์บัญชาการรวบรวมนักบุญทั่วโลก เป็นที่สำหรับตามนักสร้างบารมีทั่วโลกมาสร้างบารมีพร้อมหน้ากัน เป็นศูนย์รวมของพระแท้ที่มีอยู่ทั่วโลก ได้เมตตาได้กรุณามาเป็นเนื้อนาบุญให้กับนักสร้างบารมีที่มารวมกันที่วัดพระธรรมกาย โอกาสที่เราจะสร้างบุญใหญ่เป็นกอบเป็นกำ มีแต่จะทับทวียิ่งขึ้น
 
        เพราะฉะนั้น พระคุณนี้ต้องบอกเลยว่า เริ่มต้นมาจากคุณยายอาจารย์ของเรา ดังนั้นออกพรรษาปีนี้ เตรียมตั้งกองกฐินกันไว้ ทอดกฐินเพื่อสบทบทุนในการสร้างอาคารร้อยปีคุณยายอาจารย์ เมื่อเราตั้งใจจะทำอย่างนี้แล้ว ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องไปตามสมาชิกมามากๆ ให้มาร่วมทอดกฐินกัน นอกจากเขาจะได้มีโอกาสมาสร้างบุญใหญ่เหมือนเรา มีโอกาสได้มาเป็นลูกพระธัมฯ หลานคุณยาย เหมือนเราแล้ว เขาจะได้มีโอกาสเข้ามาอยู่ในเครือข่ายของนักสร้างบารมีอีกด้วย
 
        กลายเป็นว่า ครั้งนี้ลูกหลานพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร อยู่ในตัวคนคนเดียว มีทั้งปัญญามีทั้งฤทธิ์ จะดีขนาดไหนกัน ก็ลองนึกภาพดู เพราฉะนั้นเตรียมนั่งสมาธิ(Meditation)ให้ใจใสๆ แล้วนึกถึงหน้าคุณยาย นึกถึงคำสอนของคุณยาย นึกถึงความทุ่มเทของคุณยายที่รักพวกเรา สร้างวัดพระธรรมกายให้เป็นที่สร้างบุญสร้างบารมีอย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับพวกเรา
 
        ในเวลาที่คุณยายอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการทำวิชชาละเอียด วิชชาธรรมกาย ไล่ไปตั้งแต่ระลึกชาติของตัวเองได้ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน นั่นงานละเอียด วิชชาละเอียดเราตามท่านไม่ทัน เป็นเรื่องของฌาน เป็นเรื่องของสมาบัติ เป็นเรื่องของการระลึกชาติ
 
        ส่วนงานหยาบ คือ งานสร้างวัดพระธรรมกาย และการอบรมพวกเรา งานหยาบในที่นี้ไม่ใช่หยาบคาย แต่ว่าหยาบเป็นรูปธรรมให้เราจับต้องได้ งานหยาบ คุณยายก็เอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งคุณยายถึงกับรำพึงว่า ท่านถึงกับเป็นโรคขาดอาหาร เพียงแต่ว่าด้วยบุญของท่านที่สั่งสมมามาก ถ้าเป็นคนอื่นขาดอาหารอย่างนี้ กู้ไม่กลับแล้ว แต่อาศัยบุญที่ท่านสร้างของท่านมาดี ในที่สุด ท่านก็ฟื้นขึ้นมาได้ การป่วยของท่านครั้งนั้นก็ต้องบอกว่า ต้องไปตามหมอดีๆในประเทศไทยมาช่วยกันหลายท่านทีเดียว มาช่วยกันดูแลคุณยาย จากที่ขาดอาหารอย่างหนักก็พลิกฟื้นมาได้
 
        วัดพระธรรมกายกำเนิดขึ้นมาจากท่านผู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทั้งในการประพฤติปฏิบัติธรรมส่วนละเอียด ทั้งในการทำงานส่วนหยาบ ทั้งในการสร้างเครือข่ายคนดีเพื่อจะได้เป็นทายาทสืบสานพระพุทธศาสนา ให้ยืนยงคงอยู่คู่โลกต่อไปอีกนานแสนนาน การสร้างวัดพระธรรมกายจึงต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันอย่างนี้
 
ความพิเศษของวัดพระธรรมกาย คือ
 
1.เราได้ปูชนียาจารย์ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบารมี ให้พวกเราดูเป็นตัวอย่าง คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี พระผู้ปราบมาร พระผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ท่านเป็นพระแท้ เป็นพระมหาเถระของยุค ถือว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านภาวนาของยุคนนี้ ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันให้กับพวกเราดู อย่างที่พวกเราทราบ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯได้เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการค้นคว้าวิชชาธรรมกายกลับมาให้กับชาวโลกในยุคนี้ แล้วท่านก็เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการเผยแผ่วิชชาธรรมกาย จนกระทั่งท่านลาโลกไป ก่อนจะลาโลกก็สร้างลูกศิษย์ที่พระเดชพระคุณท่านชื่นชมมาก คือ คุณยายอาจารย์ของเรา ซึ่งอย่างที่พวกเราได้ยินมาแล้วว่า ท่านชื่นชมคุณยายอาจารย์ของเราว่า เป็นหนึ่งไม่มีสอง ทำไมเป็นหนึ่งไม่มีสอง ก็คุณยายของเราเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการศึกษาวิชชาธรรมกาย ในการศึกษาค้นคว้าธรรมะ ตามที่ท่านอบรมสั่งสอน เอาชีวิตเป็นเดิมพันตามท่าน ท่านจึงได้บอกว่าคุณยายเป็นหนึ่งไม่มีสอง
 
 
 
       พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ เป็นปฐมเหตุให้เกิดวิชชาธรรมกาย ท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพันให้ชาวโลกดูในยุคนี้ แล้วท่านก็เป็นปูชนียาจารย์ของคุณยายอาจารย์ของเรา คุณยายอาจารย์ของเราก็ต้องเรียกว่า เป็นลูกศิษย์ที่สามารถถ่ายทอดเอาอุดมการณ์ คือ การเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกาย เช่นเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
 
        เพราะฉะนั้น เราโชคดีที่เรามีปูชนียาจารย์ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน และเป็นต้นกำเนิดของวัดพระธรรมกายนี้ถึงสองท่าน อีกทั้งในขณะนี้ เราก็เห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อครูไม่ใหญ่ของเรา ท่านป่วยแสนป่วย แต่ท่านก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ออกมาพบกับเราที่ดีเอ็มซีทุกคืนไม่ขาด (ยกเว้นสองคืนนี้ ท่านเปิดโอกาสให้หลวงพ่อได้บุญตามท่านบ้าง) และวันอาทิตย์ วันบุญใหญ่ ท่านก็ไม่ขาด มาพบกับเราทั้งวันเช้าจดเย็น แม้สุขภาพของท่านไม่ดี แต่คุณยายก็ฝึกให้ท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพันเหมือนกับคุณยาย เพราะฉะนั้น ท่านจึงเป็นต้นแบบ เป็นนักสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันให้พวกเราได้ดู ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
 
 
        นี้เป็นโชคดีของพวกเราที่เป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย คือ มีปูชนียาจารย์ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันที่ละโลกไปแล้วถึงสองท่าน และที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังมีเลือดมีเนื้อให้เราเห็นอยู่ ยังมาเทศน์ มาอบรมให้เราเป็นประจำ อยู่อีกหนึ่งท่าน เราโชคดีขนาดไหนเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ ถ้าไม่เคยถามก็ถามเสียเดี๋ยวนี้ แล้วจะรู้ว่า ตัวเรานี้ก็บุญใหญ่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะถ้าบุญน้อยคงไม่ได้มาเป็นลูกศิษย์ของผู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน เป็นต้นแบบในการสร้างบารมีให้กับพวกเรา
 
        ยิ่งกว่านั้น อยากจะชี้ให้เห็นว่า การที่ใครจะทำงานให้ประสบความสำเร็จในชีวิตจริงๆนั้น มีหลักอยู่ข้อเดียว คือ ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ไปดูเถอะนักวิทยาศาสตร์สำคัญๆของโลกกี่ท่านกี่ท่าน เอาชีวิตเป็นเดิมพันทั้งสิ้น นักทำงานในอดีต ผู้ที่กู้ชาติกู้โลกมาในอดีต เอาชีวิตเป็นเดิมพันทั้งนั้น รวมทั้งการเผยแผ่ศาสนาของศาสดาแต่ละท่าน ล้วนเอาชีวิตเป็นเดิมพันทั้งสิ้น แต่มีข้อแม้ที่อยากจะชี้ให้เห็น การวางชีวิตเป็นเดิมพัน ในการทำงาน มีอยู่สองประเภท
 
1.เอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจขุ่น
 
2.เอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจใส
 
        โจรเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจขุ่น จึงไปนรก ดูให้ดีนะ คือ ถ้าจะเอาอะไรให้ได้จริงๆจังๆเป็นกอบเป็นกำ มันต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แต่เวลาเอาชีวิตเป็นเดิมพันนั้น แบ่งออกเป็นสองสาย สายหนึ่งเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แล้วใจขุ่น นี่เป็นเส้นทางโจรเส้นทางคนใจบาป ขนาดโจรคนใจบาปคนเลว มันยังเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และเพราะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน หมู่บ้านหนึ่งตำบลหนึ่งหรือบางทีจังหวัดหนึ่ง มีคนเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน มีโจรอยู่ไม่ถึงร้อย แต่คนเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน กลัวไอ้พวกโจรร้อยคนนี้ เพราะมันเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พวกเผด็จการทั้งหลายในโลกนี้ มีพรรคพวกไม่กี่คนหรอก แต่มันเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำให้โลกวุ่นวายไปหมด คนทั่วโลกเป็นร้อยล้านกลัวมันก็แล้วกัน เพราะมันเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แต่ชีวิตเป็นเดิมพันของมัน ใจขุ่น เมื่อใจหมองใจขุ่นก็ไปอบาย
 
        พระภิกษุ พระอรหันต์ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจใส นี้เป็นเส้นทางของนักสร้างบารมี อย่างพระอรหันต์ในอดีต พระอริยเจ้าในอดีต บูรพาจารย์ของเราในอดีต พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯของเรา ท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจใส การที่จะปราบมารปราบโจรที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจขุ่น พวกเราที่เป็นนักบุญ ตั้งใจสร้างบารมี ถ้าเอาแต่สร้างบุญสร้างบารมีธรรมดา ก็จะแพ้มารแพ้โจรอีกเหมือนกัน เมื่อไหร่ เราเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เข้าให้ถึงพระธรรมกายในตัวให้ได้ จุดชนะอยู่ตรงโน้น มิฉะนั้นจะแพ้มัน ขอเตือนไว้ก่อน
 
        บางศาสนา บางลัทธิ เขาแผ่ลัทธิแผ่ศาสนาของเขา เขาเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เช่น อย่างที่ผ่านมา พวกลัทธิ เช่น ลัทธิคอมมิวนิสต์ก็เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ฆ่าคนตายไปไม่รู้กี่ล้านต่อกี่ล้าน แต่นั่นแหละเมื่อถึงจุดหนึ่ง ความบาปของเขาก็ทำให้ตัวของเขาละลายไปหมด ประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ได้เลิกไปแล้ว สลายไปแล้ว แตกกระสานซ่านเซ็นไปแล้ว ด้วยตัวของเขาเอง
 
        บางศาสนารุกรานศาสนาอื่น ด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจขุ่น เมื่อประเทศที่เคยเป็นเมืองพุทธถูกรุกรานจากพวกที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจขุ่น ทำไมเราจึงได้เสียเมืองพุทธเหล่านั้นไป เพราะคนในเมืองพุทธเหล่านั้นยังไม่ได้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจใส บางทีก็ไปเดิมพันกับเขาเหมือนกัน แบบใจขุ่นอย่างเขา จึงตายกับตายไปด้วยกัน กอดคอลงนรกกันไปทั้งคู่ เท่านั้นยังไม่พอ กลับไปแพ้เขาอีกด้วย เพราะทิ้งเส้นทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจใส
 
        พระอรหันต์ทุกองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ล้วนแต่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน แบบใจใส คือ ต้องเข้าให้ถึงพระธรรมกายในตัวให้ได้ ต้องหยุด ต้องนิ่งภายในให้ได้ ถ้ายังหยุด ยังนิ่ง เข้าไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดไม่ได้ ใจไม่ใส ถ้าใจไม่ใส ทั้งๆที่ใจสู้ ไปลุยกับเขาเข้าเดี๋ยวก็ใจขุ่น กอดคอลงนรกกับพวกนั้นไปเสียอีก ต้องสู้แบบใจใส
 
        สู้แบบใจใสเหมือนพระอรหันต์ในอดีต นั่นก็คือบุคคลเมื่อพันๆปีมาแล้ว เราก็สงสัยว่านักสร้างบารมีที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันแล้วใจใส ในยุคนี้มีหรือไม่ ตอบว่ามี ทันได้เห็นหรือไม่ ตอบว่าก็เห็นมาแล้ว พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯของเรา คุณยายอาจารย์ของเรา ท่านสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการประพฤติปฏิบัติธรรม ในการทำวิชชา แบบใจใส แล้ววันนี้ก็เป็นหน้าที่ของเราแล้วที่จะต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันต่อไป แบบใจใสให้ได้ โอกาสชนะจึงจะมี โอกาสจะกู้เมืองพุทธที่กลายเป็นอดีตเมืองพุทธจึงจะมี
 
        สิ่งเหล่านี้ พวกเราซึ่งเป็นนักสร้างบารมีกันในยุคนี้ต้องคิด ลูกพระธัมฯ หลานคุณยาย ต้องคิด พรรษานี้ปฏิบัติให้ครบทั้งหยาบทั้งละเอียด นั่งสมาธิเยอะๆ แก้ไขนิสัยที่ไม่เข้าท่าของตัวเองให้หมดไป ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และออกพรรษานี้ มาร่วมกฐินคุณยาย สร้างอาคารร้อยปีคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ของพวกเรา แบบทุ่มชีวิตเป็นเดิมพันด้วยใจใสๆ
 
****************
    
ชม Video การสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
 
 


http://goo.gl/WLyxR


พิมพ์บทความนี้

ไปหน้าทบทวนฝันในฝัน



บทความอื่นๆ ในหมวด

      กิจกรรมพัฒนาวัดพิชิตปิตยาราม ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
      กิจกรรมพัฒนาวัดอู่ข้าว ต.คลอง 7 จ.ปทุมธานี
      อานุภาพบุญจากการมาสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ตอนที่ 1
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน ได้ตึก 18 ล้านแค่เพียงกระพริบตา
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน ความทรงอภิญญาของคุณยายฯที่ผมเจอกับตัวเอง
      ประกาศผลสุดยอดสามเณรแสดงธรรมระดับโลก
      เปิดใจสามเณรแชมป์แสดงธรรมระดับภาค ชิงชัยสู่เวทีแสดงธรรมระดับโลก
      ซุปเปอร์บิ๊กบุญ ตักบาตรแสนรูป ครั้งประวัติศาสตร์
      เส้นทางสามเณร สู่เวทีแชมป์เทศน์ระดับโลก
      เล่าเรื่องคุณยาย ตอน เรื่องเหลือเชื่อของการบูชาข้าวพระที่คุณยายฯฝากไว้
      บวชเณรล้านตักบาตรแสน สานฝันคุณยาย สร้างพระแท้
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน แค่มองหน้า..ก็รู้ทั้งหมด
      แฝด 4 บวชเณรล้านอ่างทองทำลายสถิติโลก




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related