ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
กล่าวถึงรายงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยแดนคุค เกาหลีใต้
โดยการวิเคราะห์ผลการติดตามผู้สูบบุหรี่ระยะยาว 8,000 คน จากประเทศอังกฤษ
สหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย ประเทศละ 2,000 คน พบว่า ร้อยละ 68.5
ของผู้สูบบุหรี่ที่เคยพยายามเลิกสูบบุหรี่ใช้วิธีหักดิบ
ที่เหลือใช้วิธีค่อยๆ ลดการสูบลง ผู้ที่ใช้วิธีหักดิบ
เลิกสูบบุหรี่ได้ร้อยละ 22 และร้อยละ 27
ในการสำรวจ 2 ครั้ง เทียบกับผู้ที่เลิกได้โดยการค่อยๆ ลดจำนวนที่สูบ
สามารถเลิกได้เพียงร้อยละ 12 และร้อยละ 16 ตามลำดับ ผู้วิจัยสรุปว่า
การเลิกสูบบุหรี่ด้วยการหักดิบมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าใช้วิธีค่อยๆ
ลด พร้อมแนะนำว่าการเลิกสูบบุหรี่ควรใช้วิธีหักดิบ
ศ.นพ.ประกิตกล่าวว่า
รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับความเชื่อที่มีมาตลอดว่าการเลิกสูบบุหรี่ต้องหักดิบ
หรือเลิกสูบทันที จะมีโอกาสสำเร็จมากกว่า
ซึ่งน่าจะมาจากเหตุผลที่คนซึ่งเลิกสูบด้วยวิธีการหักดิบ
มีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเลิกสูบบุหรี่มากกว่าคนที่เลือกวิธีเลิกด้วยการค่อยๆลด
ซึ่งในการเลิกสูบบุหรี่นั้น ความตั้งใจมุ่งมั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ไม่ว่าการเลิกสูบจะเลิกด้วยตนเอง ใช้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
หรือการใช้ยาอดบุหรี่ช่วยด้วยก็ตาม.
ที่มา-