
"ถ้าพูดถึงการเรียนต้องถือว่าเขาเรียนอยู่ในกลุ่มเรียนดีมาก แต่บางอย่างเขารับรู้ได้ไม่เหมือนเราซึ่งต้องค่อยๆ บอกกล่าว สุดท้ายถ้าเกิดความรับรู้เข้าใจ เขาก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกับเราได้อย่างคนปกติทั่วไป และปกติทางมหาวิทยาลัยได้เปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับทุกคนอยู่แล้ว และการได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องจากผู้ปกครอง ก็ทำให้คณะครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนมีความเข้าใจในตัวนิสิตมากขึ้น" ดร.พิษณุกล่าว
ทั้งนี้ ผู้มีอาการแอสเพอเกอร์ซินโดรมรายหนึ่ง มีพฤติกรรมตอนเด็กอยู่ไม่นิ่ง สมาธิสั้น ไม่สนใจผู้คนรอบข้าง ไม่พูดคุยเหมือนกับเด็กวัยเดียวกัน แต่สามารถเรียนหนังสือได้ดีในวิชาที่ชอบ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คุณแม่ได้พาไปพบผู้เชี่ยวชาญทั้งจิตแพทย์เด็ก แพทย์ประสาทวิทยาและกุมารแพทย์ รับการตรวจกับทดสอบขั้นตอนทางการแพทย์ จนสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข ไม่ใช่เพียงการเปิดโอกาสให้เขาเลือกทำในสิ่งที่ชอบ แต่การหล่อหลอมความรักจากบุคคลในครอบครัว และการชี้แนะประกอบกับความเข้าใจจากผู้รู้ได้ผลักดันให้เด็กที่ขาดบางสิ่งบางอย่าง สามารถเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตด้วยตัวเขาเองได้อย่างเข้มแข็งเหมือนบุคคลทั่วไป
ที่มา-
