สังคมไทยต้องตะลึงกับผลวิจัยล่าสุด เมื่อจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของงานวิจัยออกมาระบุว่า พบเด็ก 2 ขวบซดเหล้าเสียแล้ว ทว่างานวิจัยยังสะท้อนภาพเยาวชนไทยเสพโฆษณาเหล้าทางทีวีมากที่สุด เฉพาะอย่างยิ่งเด็กอายุไม่ถึง 20 จำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้แล้ว 35 ยี่ห้อ ขณะที่ 50% บอกว่าโฆษณาภาพลักษณ์มีผลต่อการซื้อ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : น.ส.ญาดา วิทยาพันธ์ประชา นิสิตปริญญาโท
คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าชุดวิจัย เรื่อง“การรับรู้
การจดจำได้ และทัศนคติของเยาวชนต่อกิจกรรมเพื่อสังคม
ของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ได้สำรวจเยาวชนชายหญิงอายุ 11-20 ปี
ในสถานศึกษา 3 แห่ง ของกทม.และปริมณฑล พบ 43.3%
ยอมรับว่าเคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
โดยช่วงอายุที่ทดลองดื่มมากที่สุดคือ 15 ปี
แต่ที่น่าตกใจคือ
มีนักเรียนเคยดื่มเหล้าตอนอายุ 2 ขวบ
ซึ่งมีอายุต่ำกว่าเกณฑ์กฎหมายกำหนดคือ 18 ปี
การที่เยาวชนดื่มเหล้าตั้งแต่อายุน้อยๆ ปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นคือ
สื่อ โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ผลสำรวจในปี 2550 พบว่า
สื่อที่ผู้บริโภคเปิดรับทุกวันและเข้าถึงมากที่สุด คือ สื่อโทรทัศน์ถึง
91%
“เยาวชน บอกว่า
การสื่อสารที่ทำให้รับรู้เรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุด คือ
ป้ายตราสินค้าสนับสนุนในรายการทีวี 36.5% โฆษณาทีวี 34.6%
ผลที่คาดไม่ถึงคือเยาวชนอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะเหล่านี้
จดจำยี่ห้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มากถึง 35 ยี่ห้อ
เมื่อรับรู้ตราสินค้าซ้ำๆ โดยเฉพาะ “สื่อโทรทัศน์”
ที่เสนอได้ทั้งภาพและเสียง ดึงดูดใจได้มากกว่าสื่ออื่น
ก็จะจดจำตราสินค้านั้นๆ ผลที่ตามมา คือเด็กจะอยากลอง
เพราะเป็นวัยที่อยากรู้ อยากเห็น
อีกทั้งสื่อที่ออกมายังทำให้รู้สึกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ก็เหมือนกับสินค้าทั่วๆไป ขณะที่การศึกษาในประเทศต่างๆ พบว่าการโฆษณา
เบียร์ ไวน์และยาสูบ
มีมากกว่าการเผยแพร่ให้ข้อเท็จจริงต่อสาธารณชนเป็นอัตราส่วนถึง 50 ต่อ 1”
น.ส.ญาดา กล่าว
น.ส.ญาดา กล่าวอีกว่า กลุ่มตัวอย่างระบุว่า
การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
มีผลต่อการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่บริษัทในระดับสูง
ทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งมองข้ามผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพ โดย 50%
บอกว่าการทำกิจกรรมเพื่อสังคมมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ขณะที่ 48.8%
เชื่อว่าการทำเพื่อสังคมของธุรกิจเหล้ามีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝง
ดังนั้น
การโฆษณาเชิงภาพลักษณ์ด้วยการทำกิจกรรมเพื่อสังคม
เป็นกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทเหล้ามาใช้
หากปล่อยให้มีการโฆษณาแบบนี้อย่างต่อเนื่อง
เยาวชนไทยจะเติบโตขึ้นพร้อมกับทัศนคติที่ดีต่อธุรกิจเหล้า เบียร์
และที่น่ากลัวคือ
เด็กจะใช้เป็นข้ออ้างในการซื้อสินค้าที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ดี มีโทษ
ไม่มีประโยชน์ แต่หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่า ซื้อสิ่งผิดแต่ทำบุญได้
เพราะรับรู้ว่าธุรกิจนำเงินส่วนหนึ่ง
ไปใช้ในทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
ด้าน ผศ.ดร.นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์ คณะสาธารณสุขศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า
การต่อสู้ระหว่างกลุ่มผู้เสียประโยชน์ทางธุรกิจกับกลุ่มที่ทำงานเพื่อสาธารณสุข
ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีนักวิชาการสื่อสารมวลชนบางคนเบี่ยงเบนประเด็น
เข้าข้างธุรกิจเหล้า ทั้งที่น่าจะเข้าใจดีว่า
กลุ่มธุรกิจเหล้าใช้โฆษณาดึงดูดเยาวชนให้หันมาดื่มน้ำเมา
เพราะเยาวชนส่วนใหญ่ยังไม่มีวุฒิภาวะที่ดีพอในการตัดสินใจ
สอดคล้องกับงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกที่ว่า
การห้ามโฆษณาอย่างสิ้นเชิงในสื่อทุกชนิด ตลอด 24 ชม.
มีผลในการลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเยาวชน
“ที่ผ่านมาบริษัทเหล้า-เบียร์
เดินเกมการเมืองแบบคลื่นใต้น้ำกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติบางคน
และบางคนก็ลาออกไปสมัคร ส.ส. ในพรรคการเมืองมีชื่อเสียง
ซึ่งบริษัทเหล้า-เบียร์ คงตามไปเป็นสปอนเซอร์เต็มรูปแบบแน่นอน
การที่สมาชิก สนช. ที่มีพื้นฐานสื่อสารมวลชนพูดว่า
ไม่ควรจะมีกฎหมายเหล้าออกมาแบบนี้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีวุฒิภาวะพอ
คนไทยส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาพุทธ
รู้จักความไม่ดีของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว
ผมอยากถามว่า ถ้าเป็นจริงเช่นนั้น
ไทยก็ไม่ควรมีกฎหมาย หวย ยาสูบ สุรา
เพราะชาวพุทธคงละเว้นจากอบายมุขเหล่านี้อยู่แล้วใช่หรือไม่
เรื่องนี้ท่านจึง “แกล้งโง่”
เพราะอยู่ใต้อิทธิพลการเงินของใครหรือไม่”ดร.นิทัศน์ กล่าว
โจมตี"อีสานเบียร์"เห็นแก่ได้
ส่วนความคืบหน้ากรณี “อีสานเบียร์” นายประสงค์ จักรคำ ผู้แทนเครือข่ายสำนักงานพระพุทธศาสนาภาคอีสาน
กล่าวว่า การที่บริษัทบุญรอด บริวเวอร์รี่ ใช้คำว่าอีสาน ไปตั้งเป็นชื่อ
“อีสานเบียร์” สำนักงานพระพุทธศาสนา 19 จังหวัดภาคอีสาน
ถือเป็นการเหยียบย่ำคนอีสานอย่างที่สุด
ขอประณามว่าเป็นความคิดที่เห็นแก่ได้
ที่ผ่านมาคนอีสานก็ถูกตราหน้าว่ากินเหล้ามากที่สุดในประเทศอยู่แล้ว
ไม่รู้จะซ้ำเติมคนอีสานไปถึงไหน อยากขอให้คนอีสาน
อย่ายอมตกเป็นเหยื่อของบริษัทน้ำเมา และลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง
ร่วมลงชื่อคัดค้านชื่ออีสานเบียร์ ซึ่งถือเป็นสินค้าตราบาปของคนอีสาน
ช่วยการสาปแช่งให้เป็นสินค้าที่น่ารังเกียจของคนอีสาน
พระเทพวรคุณ เจ้าคณะภาค 9
เจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณ กล่าวว่า คำว่า “อีสาน” คือสัญลักษณ์แห่งความดีงาม
มีคุณค่าทางวัฒนธรรมซึ่งนำไปใช้กับสิ่งที่เป็นมงคล เช่น สิมอีสาน
เป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาของคนอีสาน สิมแปลว่าโบสถ์ อย่าดึงคำว่า “อีสาน”
ไปใช้ในสิ่งที่เสื่อม ความหายนะ
อย่าให้คนอีสานตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาน้ำเมาอีกเลย |