ตะลึง!! ผลสำรวจ 50 โรงเรียนทั่วกรุงพบ แหล่งอบายมุขล้อมรอบ 34 ร.ร.ดังเข้าข่ายโซนอันตราย ร้านเหล้าปั่น ร้านเกม คาราโอเกะ อาบอบนวดอยู่ใกล้แค่เดินถึง ยิ่งดังยิ่งแน่น ร.ร.สายน้ำทิพย์-สตรีวิทยา 2-สายน้ำผึ้ง-เทพลีลา ติดอันดับแวดล้อมด้วยแหล่งอบาย เครือข่ายเยาวชนร้องผู้ใหญ่จัดการ วอนผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างที่ดี พร้อมหนุนเยาวชนแสดงออกทางสร้างสรรค์เพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เครือข่ายเยาวชนเพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ร่วมกับ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมแถลงข่าว “ผลสำรวจแหล่งมอมเมารอบรัศมี 500 เมตรที่โรงเรียน 50 แห่งในเขต กทม.”
โดย นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล หัวหน้าผู้สำรวจข้อมูล เปิดเผยว่า การสำรวจในครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2- 12 ก.ย. 51 ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลจากการสำรวจพบว่า มีแหล่งมอมเมา ยั่วยุเยาวชนอยู่ใกล้สถานศึกษาทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่
โดย นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล หัวหน้าผู้สำรวจข้อมูล เปิดเผยว่า การสำรวจในครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2- 12 ก.ย. 51 ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลจากการสำรวจพบว่า มีแหล่งมอมเมา ยั่วยุเยาวชนอยู่ใกล้สถานศึกษาทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่
ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้านอินเทอร์เน็ตประเภทเกมซึ่งขายเหล้าพ่วงด้วย ร้านชำหรือมินิมาร์ทที่เปิดขายเหล้า บุหรี่ และร้านคาราโอเกะ ทั้งนี้ การสำรวจสามารถแบ่งกลุ่มโรงเรียนเป็น 3 โซน คือ Red Zone จะเป็นกลุ่มโรงเรียนที่มีร้านเหล้า ผับ บาร์ อาบอบนวด ร้านเกมในรัศมีไม่เกิน 200 เมตร และตั้งอยู่อย่างหนาแน่น ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนดังที่ได้รับความนิยม Yellow Zone เป็นกลุ่มโรงเรียนขนาดกลางที่มีสถานที่อบายมุขหนาแน่นรองลงมา และอยู่ในรัศมี 200-500 เมตร สุดท้าย คือ กลุ่ม Green Zone ซึ่งเป็นส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก หรือเป็นโรงเรียนพิเศษ (สอนคนพิการ) ซึ่งมิใช่เป้าหมายของ
ผู้ประกอบการ
น.ส.มณทิพย์ หลินธารา นักเรียนชั้น ม.6 ร.ร.ศึกษานารี เยาวชนอาสาสมัคร Youth Ranger เผยสถิติจากการ
น.ส.มณทิพย์ หลินธารา นักเรียนชั้น ม.6 ร.ร.ศึกษานารี เยาวชนอาสาสมัคร Youth Ranger เผยสถิติจากการ
สำรวจว่า มีร้านขายเหล้าในรัศมี 500 เมตร 34 แห่งหรือ 68% มีร้านเกมในรัศมี 500 เมตร 31 แห่ง หรือ 62% พบแผ่นโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้โรงเรียน 24 แห่ง หรือ 48% มีร้านชำที่ขายเหล้า บุหรี่ให้นักเรียน 29 แห่ง คิดเป็น 58% ทั้งหมดอยู่ในกลุ่มโรงเรียน 50 แห่งในเขต กทม.
นอกจากนี้ยังได้จัดอันดับโรงเรียนที่มีแหล่งมอมเมามากที่สุด 5 แห่ง คือ โรงเรียนสายน้ำทิพย์ 27 แห่ง โรงเรียนศรีอยุธยา 15 แห่ง โรงเรียนสตรีวิทยา 2 มี 12 แห่ง โรงเรียนบ้านหนองบอนและเทพลีลามี 7 แห่ง และโรงเรียนสายน้ำผึ้ง 6 แห่ง
“ส่วนใหญ่โรงเรียนที่อยู่ในกลุ่ม Red Zone มีทั้งร้านเหล้าปั่น ยาดอง มีป้ายโฆษณาเหล้าที่เราพบใกล้สุดเพียง
“ส่วนใหญ่โรงเรียนที่อยู่ในกลุ่ม Red Zone มีทั้งร้านเหล้าปั่น ยาดอง มีป้ายโฆษณาเหล้าที่เราพบใกล้สุดเพียง
1 เมตรเท่านั้นที่ห่างจากโรงเรียน นอกจากนี้ยังมีอาบอบนวดที่อยู่ใกล้โรงเรียนมากด้วย และโดยส่วนใหญ่รายชื่อของกลุ่มนี้จะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ดัง ได้รับความนิยม เรียกว่ายิ่งดังยิ่งมีร้านเหล้ามากซึ่งมีจำนวน 34 แห่ง ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนหอวัง สายน้ำทิพย์ สายน้ำผึ้ง มัธยมดุสิตาราม เป็นต้น” น.ส.มณทิพย์ กล่าว
ด้าน นายสงกรานต์ ภาคโชคดี
ด้าน นายสงกรานต์ ภาคโชคดี
ผู้อำนวยการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า กรณีการขึ้นป้ายโฆษณาเหล้ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือชื่อ หรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และในวรรค 2 ระบุว่า ห้ามให้เห็นขวด ผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากพบเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ทันที และนอกจากนี้หากนักเรียนพบเห็นโฆษณาดังกล่าวอยู่ใกล้
้บริเวณโรงเรียนก็สามารถแจ้งให้อาจารย์ดำเนินการทางกฎหมายกับ
ผู้ประกอบการได้
“การหวังจิตสำนึกจากผู้ผลิต หรือร้านเหล้าคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของสินค้าเหล่านี้ต้องให้กฎหมายจัดการ ซึ่งร้านเหล้าปั่นที่ใกล้โรงเรียนมากๆ นั้นน่าเป็นห่วงเพราะมีจำนวนมาก และแนวโน้มจะมีมากขึ้น ดังนั้น ทางโรงเรียนต้องเร่งตรวจสอบและร้านที่กำลังอยู่ในขั้นการขอใบอนุญาต กระทรวงศึกษาธิการต้องประสานไปที่กระทรวงการคลังเพื่อไม่ออกใบอนุญาตให้ขายสุราง่ายๆ โดยต้องไม่ต่อใบขออนุญาตให้ร้านค้าที่อยู่ใกล้โรงเรียนมากกว่า 500 เมตร” นายสงกรานต์ กล่าว
ในงานเดียวกัน นายประจักษ์ จงเยือกกลาง ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนเพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ได้ยื่นสารจากเยาวชนเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ (20 ก.ย.) เรื่อง สภาวะมอมเมาเยาวชนรอบสถานศึกษา กับ นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยคำร้องขอจากเด็กและเยาวชนเพื่อป้องกันมิให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่ มีทั้งสิ้น 5 ข้อ ได้แก่ 1.ขอให้รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์
“การหวังจิตสำนึกจากผู้ผลิต หรือร้านเหล้าคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของสินค้าเหล่านี้ต้องให้กฎหมายจัดการ ซึ่งร้านเหล้าปั่นที่ใกล้โรงเรียนมากๆ นั้นน่าเป็นห่วงเพราะมีจำนวนมาก และแนวโน้มจะมีมากขึ้น ดังนั้น ทางโรงเรียนต้องเร่งตรวจสอบและร้านที่กำลังอยู่ในขั้นการขอใบอนุญาต กระทรวงศึกษาธิการต้องประสานไปที่กระทรวงการคลังเพื่อไม่ออกใบอนุญาตให้ขายสุราง่ายๆ โดยต้องไม่ต่อใบขออนุญาตให้ร้านค้าที่อยู่ใกล้โรงเรียนมากกว่า 500 เมตร” นายสงกรานต์ กล่าว
ในงานเดียวกัน นายประจักษ์ จงเยือกกลาง ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนเพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ได้ยื่นสารจากเยาวชนเนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ (20 ก.ย.) เรื่อง สภาวะมอมเมาเยาวชนรอบสถานศึกษา กับ นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยคำร้องขอจากเด็กและเยาวชนเพื่อป้องกันมิให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่ มีทั้งสิ้น 5 ข้อ ได้แก่ 1.ขอให้รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์
2.ให้สังคมเปิดพื้นที่ให้เด็กในกลุ่มเสี่ยงได้มีโอกาสแสดงออก
3.สนับสนุนงบประมาณให้เด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ 4.เรียกร้องให้ผู้ใหญ่ปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน และ 5.ให้กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายโรงเรียนปลอดเหล้า 100 เปอร์เซ็นต์
นายสุชาติ กล่าวว่า ตามที่เยาวชนได้เรียกร้องนั้นขณะนี้ สพฐ.ได้ตระหนักและคำนึงเรื่องสุราและแหล่งอบายมุขใกล้สถานศึกษาอยู่แล้ว ในบางโครงการที่ตรงกับข้อเรียกร้องกำลังผลักดันขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมและทำการขยายผลให้มากขึ้น โดยสิ่งที่ทำไปบ้างแล้วก็คือ การจัดกลุ่มสาระการเรียนรู้เรื่องสารเสพติดให้โทษกับนักเรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเป็นนักดื่มหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละบุคคล แต่ สพฐ.ก็เห็นด้วยกับเยาวชนที่ว่าให้เปิดพื้นที่ให้เยาวชนแสดงออก โดยเห็นได้ชัดว่าสังคมขณะนี้หลายองค์กรให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าว
“จากสถิติของ สพฐ.พบว่า นักเรียนในการดูแล 6-7 ล้านคนทั่วประเทศ มีที่สูบบุหรี่และกินเหล้า 2.04 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นหน้าที่ของ สพฐ.ที่กำลังเฝ้าระวัง ซึ่งขณะนี้ก็มีการจัดกิจกรรมและเปิดเวทีให้เด็กนักเรียนได้แสดงออกในทางที่สร้างสรรค์” ที่ปรึกษา สพฐ.กล่าว

นายสุชาติ กล่าวว่า ตามที่เยาวชนได้เรียกร้องนั้นขณะนี้ สพฐ.ได้ตระหนักและคำนึงเรื่องสุราและแหล่งอบายมุขใกล้สถานศึกษาอยู่แล้ว ในบางโครงการที่ตรงกับข้อเรียกร้องกำลังผลักดันขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมและทำการขยายผลให้มากขึ้น โดยสิ่งที่ทำไปบ้างแล้วก็คือ การจัดกลุ่มสาระการเรียนรู้เรื่องสารเสพติดให้โทษกับนักเรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเป็นนักดื่มหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละบุคคล แต่ สพฐ.ก็เห็นด้วยกับเยาวชนที่ว่าให้เปิดพื้นที่ให้เยาวชนแสดงออก โดยเห็นได้ชัดว่าสังคมขณะนี้หลายองค์กรให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าว
“จากสถิติของ สพฐ.พบว่า นักเรียนในการดูแล 6-7 ล้านคนทั่วประเทศ มีที่สูบบุหรี่และกินเหล้า 2.04 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นหน้าที่ของ สพฐ.ที่กำลังเฝ้าระวัง ซึ่งขณะนี้ก็มีการจัดกิจกรรมและเปิดเวทีให้เด็กนักเรียนได้แสดงออกในทางที่สร้างสรรค์” ที่ปรึกษา สพฐ.กล่าว

ที่มา-
