การเห็นซองบุหรี่กระตุ้นให้คนอยากซื้อ

การเห็นซองบุหรี่กระตุ้นให้คนอยากซื้อ
 
 
 
          มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่เปิดเผยงานวิจัยของ โอ.บี.เจ. คาร์เตอร์ และคณะ จากมหาวิทยาลัยเคอร์ติน เมืองเพิร์ธ ออสเตรเลีย ที่พบว่า การเห็นซองบุหรี่ ณ จุดขาย ทำให้เกิดการอยากซื้อบุหรี่โดยที่ไม่ได้วางแผนไว้ คิดเป็นสี่เท่าของการวางแผนไว้

      งานวิจัยดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสารควบคุมยาสูบฉบับเดือนกรกฎาคม โดยการสัมภาษณ์ผู้สูบบุหรี่ 206 คนทันทีหลังจากการซื้อบุหรี่ พบว่า ร้อยละ 22 หรือ 45 คน ซื้อบุหรี่โดยที่ไม่ได้ตั้งใจไว้ก่อนว่าจะซื้อ การเห็นซองบุหรี่ที่จุดขายทำให้เกิดการซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจร้อยละ 47 ขณะที่ซื้อโดยตั้งใจไว้ก่อนว่า ร้อยละ 12 และร้อยละ 49 ของผู้สูบบุหรี่เห็นด้วยกับการห้ามตั้งซองบุหรี่ที่จุดขาย ขณะที่ร้อยละ 12 ไม่เห็นด้วย ที่เหลือไม่มีความเห็น รายงานสรุปว่า การตั้งซองบุหรี่ ณ จุดขาย เป็นการโฆษณารูปแบบหนึ่ง โดยกระตุ้นให้เกิดการซื้อบุหรี่โดยไม่ตั้งใจมากกว่าที่ซื้อโดยตั้งใจถึง 4 เท่าตัว  ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการที่คนจะสูบบุหรี่ให้น้อยลงหรือเลิกสูบ โดยก่อนหน้านี้มีงานวิจัยจากออสเตรเลียที่พบว่า  ผู้ที่พยายามจะเลิกสูบบุหรี่ และผู้ที่เพิ่งเลิกสูบใหม่ๆ พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเดินผ่านร้านค้าปลีกที่แสดงซองบุหรี่ เพราะกลัวจะเลิกสูบไม่ได้หรือกลับไปสูบใหม่ ผู้วิจัยสนับสนุนให้มีการออกกฎหมายห้ามตั้งซองบุหรี่ ณ จุดขาย

           ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ห้ามตั้งซองบุหรี่ ณ จุดขาย มาตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ.2548 นอกจากไทยแล้วยังมีประเทศแคนาดา และไอซ์แลนด์ ที่ห้ามตั้งซองบุหรี่ที่จุดขายแล้ว และประเทศที่อยู่ในระหว่างการผลักดันกฎหมายลักษณะเดียวได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์  และอังกฤษ ทั้งนี้ อนุสัญญาควบคุมยาสูบองค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ 165 ประเทศที่เป็นภาคีอนุสัญญา ออกกฎหมายห้ามแสดงซองบุหรี่ ณ จุดขาย เนื่องจากเป็นการโฆษณารูปแบบหนึ่ง
 
           ศ.นพ.ประกิต เรียกร้องให้ร้านค้าบุหรี่ทั่วประเทศร่วมมือในการไม่ตั้งซองบุหรี่ ณ จุดขายตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดโอกาสที่เยาวชนจะเข้าไปเสพติดบุหรี่และทำให้คนเลิกบุหรี่ยากขึ้น ทั้งนี้มีผู้ร้องเรียนมายังมูลนิธิฯ บ่อยๆ ว่ามีร้านค้าสะดวกซื้อฝ่าฝืนกฎหมายด้วยการเปิดประตูตู้ที่ตั้งซองบุหรี่อ้าไว้ให้คนเห็น เมื่อได้รับการทักท้วงก็อ้างลืมปิด สมควรที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายต้องตรวจเตือนเพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฏหมายให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ  มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
โทร. 02-278-1828
แหล่งข้อมูล : ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  วันที่ 15 กรกฎาคม 2552

 
ปิดการแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง