ชาดก 500 ชาติ
	
		สัจจังกิรชาดก-ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
	
	
		
		
	
		พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร
	
		  
	
		       พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหารได้ทรงทราบข้อสนทนาของภิกษุสงฆ์ซึ่งประชุมกันในธรรมสภาเกี่ยวกับความพยายามของพระเทวทัต
		ที่จะปลงพระชนม์ของพระองค์ด้วยความไม่รู้คุณ “ เมื่อกล่าวถึงพระเทวทัตแล้วเราก็หวาดกลัวยิ่งนัก ” “ นั้นนะสิ น้ำใจช่างโหดเหี้ยมนัก ทำร้ายได้
		แม้กระทั่งองค์พระศาสดาผู้มีพระคุณ ”
		
	
		 
	
	
		 
	
		เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างสนทนากันถึงพระเทวทัตที่พยายามปลงพระชนม์พระพุทธองค์
	
		 
	
		        “ ช่างไม่กลัวบาปบุญคุณโทษ ไม่น่าคบหาจริง ๆ ” “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายมิใช่ในบัดนี้เท่านั้นที่พระเทวทัตพยายามฆ่าเรา แม้ในอดีต
		ก็พยายามมาแล้ว ” แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงตรัสเล่าเรื่อง สัจจังกิรชาดก ณ นครพาราณสี มเหสีของพระเจ้าพรหมทัต
	
		
		
	
	
		 
	
		พระศาสดาทรงตรัสเล่า สัจจังกิรชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์
	
		 
	
		        ผู้ปกครองเมืองได้ให้ประสูติพระโอรสนานมว่าทุฏฐกุมาร ทุฏฐกุมารราชบุตรของพระเจ้าพรหมทัตเมื่อเติบใหญ่ก็มีนิสัยก้าวร้าว กิริยาจา
		หยาบคายชอบด่าว่าเฆี่ยนตีทำร้ายผู้อื่นจนไม่มีใครชื่นชอบ “ ทำไมรสชาติอาหารแย่อย่างนี้ใครจะไปกินลง นี่แน่ะ ไปทำมาใหม่เดี๋ยวนี้ ”
		
	
		
		
	
	
		 
	
		นครพาราณสีปกครองโดยพระเจ้าพรหมทัต
	
		 
	
		      “ ได้เจ้าค่ะ ” “ อูย โดนอีกแล้วเราอะไรนี่ ข้าอุตส่าห์ทำสุดฝีมือยังไม่อร่อยอีกเหรอ ” “ ฉันละกลุ้มใจอยู่นี่แหละป้า เอาใจไม่ถูกสักที่ ” “ เจ้ายังดี
		ที่เจอแค่ขว้างปาข้าวของ ข้าสิโชคร้ายสุด ๆ ดันอารักขาไม่ดี ปล่อยให้โอรสเดินสะดุดกิ่งไม้เข้า โดนเฆี่ยนตั้งหลายที่แน่ะ ” “ งานก็หนักอยู่แล้ว 
		
		
	
	
		 
	
		ทุฏฐกุมารโอรสของพระเจ้าพรหมทัตแห่งนครพาราณสี
	
		 
	
		        ยังมาเจอโอรสที่เอาแต่ใจอีก ” วันหนึ่งทุฏฐกุมารปรารถนาที่จะลงเล่นน้ำในแม่น้ำจึงสั่งให้บริวารพาออกไปกลางแม่น้ำ “ วันนี้อากาศร้อนรุ่มจริง ๆ
		ได้เล่นน้ำในแม่น้ำคงจะเย็นดี พวกเจ้าไปหาเรือที่จะพาเราไปกลางแม่น้ำสิ เราอยากเล่นน้ำ ” “ เอาแล้วไงรับรองว่าเล่นน้ำครั้งนี้คงไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง 
	
		 
	
	
		 
	
		โอรสทุฏฐกุมารมีนิสัยเอาแต่ใจก้าวร้าวและชอบทำร้ายผู้อื่น
	
		        
		
	       โธ่จะบ้าตายใครจะไปแช่น้ำอารักขาอยู่ได้ตั้งชั่วโมง ” “ ไม่เห็นจะเป็นไรเลยพี่ ถ้าไม่อยากอยู่อารักขา ก็ไม่ต้องอารักขาสิ ” “ หมายความว่ายังไงรึ ”
	“ แหม ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลย โอรสเอาแต่ใจทำแต่กรรมชั่วเช่นนี้ เราจะปล่อยไว้ทำไมละพี่ ” “ เจ้านี่ ช่างคิดดีจริง ๆ เลย ” แล้วเหล่ามหาดเล็กก็ปรึกษา
	กันว่าจะกำจัดคนใจร้ายให้ตายเสียในแม่น้ำ
	
	
		 
	
	
		 
	
		โอรสทุฏฐกุมารมีความประสงค์ที่จะลงเล่นน้ำในแม่น้ำ
	
		 
	
		
			       จึงวางแผนพายเรือพาโอรสทุฏฐกุมารลงเล่นน้ำกลางสระลึกสมใจ ในขณะที่โอรสเล่นน้ำอย่างสนุกสนานมหาดเล็กก็แอบพายเรือกลับฝั่ง
			โดยไม่ให้โอรสรู้พระองค์ “ เบา ๆ เดี๋ยวพระองค์จะทันเห็นซะก่อน ” “ ได้เล่นน้ำอย่างนี้ไม่มีทางสนใจพวกเราหรอก พายเรือดังแค่ไหน
			พระองค์ก็ไม่มีทางรู้ ”
			
	 
	
		 
	
	
		
			
				 
			
				มหาดเล็กและบริวารได้วางแผนที่จะกำจัดทุฏฐกุมาร
		 
	 
	
		     
	
		        เวลาผ่านไปเมื่อทุฏฐกุมารเล่นน้ำจนเหนื่อยเพลียหวังจะกลับเข้าฝั่งแต่ก็หาได้เจอมหาดเล็กไม่ จึงตัดสินใจว่ายกลับฝั่ง แต่ด้วยกระแสน้ำที่พัดแรงขึ้น
		ร่างกายที่เล่นน้ำเป็นเวลานานจึงอ่อนเพลียไม่อาจต้านทานแรงน้ำไหวจึงถูกกระแสน้ำพัดลอยไป “ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยเราด้วย ช่วยด้วย ”
		
	
		 
	
	
		 
	
		มหาดเล็กได้พายเรือพาทุฏฐกุมารไปยังกลางแม่น้ำ
	
		 
	
		        ทุฏฐกุมารลอยตามกระแสน้ำได้สักพักก็เจอขอนไม้แห้งลอยน้ำมา เขาจึงเกาะขอนไม้นั้นไว้เช่นเดียวกับ งู หนู และลูกนกแขกเต้า ที่ถูกกระแสน้ำ
		พัดมาเช่นกัน สัตว์ทั้งสามตัวจึงมาเกาะอยู่ที่ขอนไม้อันเดียวกันกับที่ทุฏฐกุมารเกาะอยู่ งูที่ลอยตามน้ำมานั้น อดีตเป็นเศรษฐีที่ฝังทรัพย์ไว้ ๔๐ โกฎิ
		
	
		 
	
	
		 
	
		มหาดเล็กได้ทิ้งทุฏฐกุมารไว้กลางแม่น้ำ
	
		 
	
		       เมื่อตายไปจึงไปเกิดเป็นงูเฝ้าทรัพย์ของตนอยู่ ในอดีตหนูตัวนี้ก็เป็นเศรษฐีฝังทรัพย์ไว้ ๓๐ โกฏิ ด้วยความห่วงทรัพย์ตายไปจึงเกิดมาเป็นหนูเฝ้าหลุมทรัพย์อยู่
		เมื่อเกิดพายุหนัก น้ำท่วมรู กระแสน้ำพัดเอางูและหนูลงสู่แม่น้ำ สัตว์ทั้งสองตัวจึงรีบว่ายเข้าไปเกาะอาศัยขอนไม้นั้น “ โอ้ย น้ำจะพัดเราไปแล้วว่ายไม่ไหวแล้ว
	
		 
	
	
		 
	
		ทุฏฐกุมารถูกกระแสน้ำพัดมาเจอขอนไม้ที่ลอยน้ำท่อนหนึ่ง
	
		  
	
		        โอ้ย ช่วยด้วย ๆ ๆ ช่วยด้วย ” พายุฝนตกหนักทำให้ต้นไม้ที่นกแขกเต้าทำรังอาศัยโค่นลง ลูกนกไม่สามารถบินไปได้ จึงถูกกระแสน้ำพัดมาเกาะ
		บนขอนไม้นั้นอยู่เช่นกัน “ ฮือ ฮือ ช่วยด้วย ๆ ” “ ที่ยิ่งน้อย ๆ อยู่ พวกเจ้าจะมาเกาะบนนี้ทำไมเนี่ย เราเป็นกุมารนะ พวกเจ้าเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน
		จะมาเกาะอยู่ที่เดียวกับเราได้ยังไง ” “ ใจร้ายจังไม่ให้เราเกาะตรงนี้แล้วเราจะไปเกาะตรงไหนล่ะ ”
		
	
		
		
	
	
		
		
	
		หนู งู และนกแขกเต้าถูกระแสน้ำพัดมาเกาะยังขอนไม้ที่ลอยน้ำอยู่
	
		 
	
		        “ มาถึงวินาทีแห่งความเป็นความตายแล้ว ท่านยังจะยึดติดกับฐานะอีกเหรอ ช่างใจดำจริง ๆ ” “ พวกเราหนีตายมาได้ก็เพราะขอนไม้นี้แหละ
		หนึ่งชีวิตของพวกเรา ก็สำคัญเท่าชีวิตของท่านนั้นแหละ ” “ หนวกหูเจ้าพวกนี้จริง ๆ ” ทั้งสี่ชีวิตอาศัยขอนไม้ลอยน้ำมาติดอยู่ที่ตลิ่งตรงข้ามคุ้งน้ำ
		ที่มีพระฤาษีสร้างศาลาอยู่ “ ช่วยด้วย ๆ ๆ ท่านช่วยเราขึ้นไปด้วย ”
		
	
		
		
	
	
		 
	
		ลูกนกแขกเต้าถูกกระแสน้ำพัดมาติดขอนไม้เพราะต้นไม้ที่มันอาศัยอยู่ได้หักโค่นลง
	
		  
	
		       “ ช่วยด้วย ๆ ” พระฤาษีได้ยินเสียงเรียกร้องให้คนช่วยก็เมตตาสงสารว่ายตัดกระแสน้ำไปช่วยลากขอนไม้กลับมาขึ้นฝั่ง อุ้มพระกุมารขึ้นมาพร้อมทั้งนำ
		สัตว์ทั้งสามขึ้นมาด้วย ฤาษีก่อไฟผิงแก้หนาวสั่นด้วยเห็นว่างูหนูและนกเป็นสัตว์อ่อนแอกว่าจึงให้ผิงไฟก่อน ให้พระกุมารผิงไฟที่หลัง “ เป็นไงล่ะอุ่นขึ้น
		หรือยัง ” “ อุ่นมากเลยท่านฤาษี ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตพวกเรา ”
		
		
	
	
		 
	
		ขอนไม้ลอยน้ำมาติดอยู่ที่ตลิ่งตรงข้ามบรรณศาลาของฤาษีตนหนึ่ง
	
		 
	
		        “ เชอะ ฤาษีตนนี้กล้าดียังไง ถึงปรนนิบัติสัตว์พวกนี้ก่อนที่จะดูแลเรา ” พอถึงเวลาอาหารฤาษีก็เลือกที่จะให้แก่พวกสัตว์ทั้งสามก่อนเนื่องจากเห็นว่า
		อ่อนแอกว่า เหตุนี้จึงทำให้ทุฏฐกุมารผูกใจเจ็บแค้น ว่าดาบสผู้นี้มิได้นับถือตัวเองว่าเป็นพระราชกุมารกลับยกย่องพวกสัตว์เดรัจฉาน จึงผูกอาฆาตฤาษี
		
		
	
	
		 
	
		พระฤาษีได้ฝ่ากระแสน้ำไปช่วยทุฏฐกุมารและสัตว์ทั้งสามขึ้นมายังบรรณศาลาของตน
	
		 
	
		       “ หวาน ๆ อร่อยจริง ๆ เลยนะพี่หนูพี่งู ” “ ใช่ ๆ หิวมานานไม่ได้กินจุใจสักที หือ หวาน ” “ ตั้งแต่เกิดมามื้อนี้อร่อยที่สุดเลย พวกเจ้าว่ามั๊ย ” “ ใช่ ๆ ๆ ”
	
		เวลาผ่านไปสองถึงสามวันเมื่อกระแสน้ำลดลง ร่างกายของสัตว์ทั้งสามตัวและทุฏฐกุมารแข็งแรงขึ้น พระกุมารและสัตว์ทั้งสามก็ลากลับที่อยู่ของตน
		
	
		 
	
	
		 
	
		ฤาษีให้สัตว์ทั้งสามตัวที่อ่อนแอได้ผิงไฟก่อนทุฏฐกุมาร
	
		 
	
		
			        “ ขอขอบพระคุณท่านฤาษีมากที่ช่วยชีวิตเราไว้ ข้าพเจ้าฝังทรัพย์ไว้ ๔๐ โกฏิ ณ ที่นั้น หากพระคุณเจ้าจะใช้สอยทรัพย์ ข้าพเจ้าจะถวายทรัพย์ทั้งหมด
			ให้ได้ เพียงแต่ไปที่นั่นแล้วเรียกทีฆะเท่านั้นเอง ” “ พระคุณเจ้าช่วยชีวิตข้าพเจ้าเป็นบุญคุณใหญ่หลวง ขอตอบแทนพระคุณเจ้าด้วยทรัพย์ทั้งหมด ๓๐ โกฏิ
			
		
			 
	 
	
	
		 
	
		ทูฏฐกุมารไม่พอใจที่ฤาษีมอบผลไม้ให้สัตว์ทั้งสามตัวก่อนที่จะให้ตน
	
		 
	
		
			       ที่มีอยู่เพียงแต่ไปที่รูแล้วเรียกข้าพเจ้าว่าอุนทุระเถิด ” “ ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ข้าพเจ้าไม่มีทรัพย์เลย แต่หากพระคุณเจ้าต้องการข้าวสาลีแดง
			เมื่อใดโปรดไปที่อยู่ของข้าพเจ้าเรียกชื่อว่าสุวะ ข้าพเจ้าจะบอกหมู่ญาติให้ช่วยขนข้าวสาลีแดงมาให้หลายเล่มเกวียน ” ฝ่ายพระกุมารผู้มีจิตใจมุ่งร้าย
			
		
			 
	 
	
	
		 
	
		สัตว์ทั้งสามตัวได้ลาฤาษีกลับไปยังที่พักของตน
	
		 
	
		       ต่อผู้อื่นเป็นนิสัยคิดในใจว่าจะฆ่าดาบสให้ตายเสียเมื่อพระดาบสไปหา แต่ก็แกล้งพูดอย่างอื่นไป “ เมื่อข้าพเจ้ากลับไปที่พระนครได้ครองราชย์สมบัติ
		แล้วนิมนต์มาเถอะ ข้าพเจ้าจะถวายปัจจัยสี่ ” “ เอาล่ะ ๆ ขอบใจพวกเจ้ามาก เดินทางกลับกันดี ๆ ล่ะ เมื่อไหร่ที่เราต้องการของพวกนั้นแล้วเราจะไปพบ
		พวกเจ้าเองแล้วกัน ”
		
	
		 
	
	
		 
	
		ทุฏฐกุมารได้ลาฤาษีกลับไปยังบ้านเมืองของตน
	
		
			        พระกุมารทุฏฐกุมารเมื่อเสด็จกลับนครพาราณสีได้ไม่นานก็ได้เสวยราชสมบัติ “ เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว เราจะทดสอบกุมารและสัตว์ทั้งสาม ดูสิว่า
			จะทำตามอย่างที่พูดไว้หรือเปล่า ”  ฤาษีเสด็จไปหางูก่อน เมื่อถึงรูงูแล้วก็เอ่ยฑีฆะเพียงคำเดียวงูก็เลื้อยออกมาว่า “ ที่ตรงนี้มีทรัพย์ ๔๐ โกฏิ นิมนต์
			ท่านขุดเอาไปเถิด ”
			
	 
	
		
 
	
		
			
				
					
						
							
								
									
										
											
												
													
														
															
																
																	
																		
																			
																				
																					
																						
																							
																								 
																							
																								พระฤาษีได้ออกเดินทางไปหาทุฏฐกุมารและสัตว์ทั้งสาม
																							
																								
																									       “ ขอบใจมาก เก็บไว้ตรงนี้แหละเรายังไม่ต้องการหรอก ” เมื่อไปหาหนูเอ่ยเสียงเรียกอุนทุระหนูก็ออกมา “ ท่านขนทรัพย์สินของเราไปหมดเถอะ ”
																									“ ขอบใจเรายังไม่ต้องการหรอกเก็บไว้ที่เจ้าก่อนเถอะ ” เมื่อพระฤาษีไปหานกแขกเต้าเรียกสุวะเพียงคำเดียวนกก็โผลงจากขอนไม้มาต้อนรับ
																									
																								
																									
																							 
																							
																								พระฤาษีได้มาหางูที่มีชื่อว่าฑีฆะ
																							
																								 
																							
																								
																									       “ ข้าพเจ้าจะไปหาพวกญาติให้ช่วยขนข้าวสาลีแดงมาถวายท่านรอสักครู่เถิด ” “ ยังหรอก ขอบใจมากเจ้ายังไม่ต้องหรอก เมื่อเราต้องการเราจะ
																									บอกเจ้าอีกที ” พระฤาษีหวังจะทดสอบพระกุมารซึ่งได้ครองราชย์สมบัติเป็นพระราชาจึงไปพักที่อุทยาน รุ่งเช้าทุฏฐราชาทรงช้างเลียบพระนคร
																									เห็นดาบสแต่ไกล
																									
																								
																									 
																							 
																							
																							
																								 
																							
																								พระฤาษีได้มาหาหนูอุนทุระที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้
																							
																								 
																							
																								       “ หึ มาแล้วหรือท่านฤาษี ดีล่ะ เราจะจัดการให้สาสมกับที่ท่านทำเราให้เจ็บใจเลย ” ทุฏฐราชาสั่งทหารให้จับพระฤาษีมัดไว้แล้วเฆี่ยนตีทุก ๆ สี่แยก
																								“ ทหารมัดตัวฤาษีไว้นำออกจากพระนครไปตัดหัวที่ตะแลงแกงแล้วเอาตัวเสียบหลาวไว้ ” “ ขอนไม้ลอยน้ำยังดีกว่าคนอกตัญญู เราช่วยคนใจบาป
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								พระฤาษีได้มาพบกับนกแขกเต้านามสุวะที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้
																							
																								 
																							
																								       ให้รอดตายจากกระแสน้ำกลับเป็นการนำทุกข์มาสู่ตนแท้ ๆ ” พระดาบสมิได้สะทกสะท้านหรือคร่ำครวญเลยกลับพูดประโยคนี้ทุกที่ทุกแห่งที่ถูก
																								เฆี่ยนตี เหล่าทหารและประชาชนได้เห็นพฤติกรรมของฤาษีดังนั้นก็เกิดความสงสัยจึงเข้าไปซักถาม “ ท่านทำคุณอะไรไว้แก่พระราชาของเรารึ ”
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								พระราชาสั่งทหารจับพระฤาษีและให้เฆี่ยนตีประจานไปทั่วเมืองด้วยความโกรธแค้น
																							
																								 
																							
																								      พระดาบสจึงเล่าเรื่องให้ฟังรวมถึงเรื่องที่นกหนูและงูนำสมบัติของตนมอบให้ฤาษี “ เราเองช่วยชีวิตพระราชานี้แต่กลับกลายเป็นให้ทุกข์แก่ตน
																								งู หนู และนกยังไม่เนรคุณเช่นนี้เลย ” ชาวเมืองทั้งหลายพากันใคร่ครวญแล้วก็เห็นพ้องต้องกันว่าพระราชาองค์นี้มักทำลายมิตร มีจิตใจโหดร้าย
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								ชาวเมืองได้พากันสอบถามพระฤาษีถึงสาเหตุทีทำให้ถูกลงโทษ
																							
																								 
																							
																								       ไร้คุณธรรมและอกตัญญูถ้าให้ครองบ้านเมืองต่อไปเกรงว่าบ้านเมืองจะพบแต่ภัยพิบัติจึงพากันประหารพระราชานั้นเสีย เมื่อทุฏฐราชาสิ้นพระชนม์
																								เหล่าทหารและประชาชนต่างอภิเษกให้ฤาษีขึ้นครองราชย์แทน เมื่อครองราชแล้วก็ปรารถนาจะทดลองสัตว์ทั้งสามอีกครั้ง
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								ชาวเมืองได้ทำการประหารพระราชาที่มีจิตใจโหดร้ายเพราะเกรงว่าจะนำภัยมาสู่บ้านเมือง
																							
																								 
																							
																								      จึงเสด็จไปหางู หนู และนกแขกเต้า สัตว์ทั้งสามล้วนยินดีมอบทรัพย์ของตนให้ พระราชาทรงรับทรัพย์ของงู หนู ที่ฝังไว้ส่วนของนกแขกเต้า
																								เมื่อต้องการข้าวสาลีจึงค่อยนำมา แล้วพระองค์ก็ทรงรับสัตว์ทั้งสามไปเลี้ยงดูอย่างดีตลอดอายุขัย
																							
																								
																								
																							
																							
																								 
																							
																								เหล่าทหารและประชาชนได้อภิเษกพระฤาษีได้ขึ้นครองราชย์แทนทุฏฐราชาผู้โหดร้าย
																							
																								 
																							
																								       “ มิใช่แต่ชาตินี้เท่านั้นที่พระเทวทัตจะฆ่าเรา แม้ในชาติก่อน ๆ ก็พยายามมาแล้วเหมือนกัน ”
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								พระพุทธองค์ทรงตรัส สัจจังกิรชาดกจบลง
																							
																								 
																							
																								
																									
																										
																											
																												
																													
																														
																															
																																
																																	
																																		
																																			
																																				
																																					
																																						งู ได้มาเป็น พระสารีบุตร
																																					
																																						หนู ได้มาเป็น พระโมคคัลลานะ
																																					
																																						นกแขกเต้า ได้มาเป็น พระอานนท์
																																					
																																						ทุฏฐราชา ได้มาเป็น พระเทวทัต
																																						พระดาบส ได้เสวยชาติกำเนิดเป็น พระพุทธเจ้า