728 x 90

วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

สถานที่ทำวิชชาปราบมาร (จนกระทั่งละสังขาร)
: วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร


   วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ ณ ที่ราบลุ่มบางกอก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยา ริมคลองหลวงหรือคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นลำแม่น้ำเจ้าพระยาเดิม ก่อนที่จะมีการขุดคลองลัดหน้าวัดอรุณราชวราราม และกลายเป็นลำแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน เนื่องจากวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ตั้งอยู่บริเวณปากคลองด่านที่แยกไปจากคลองบางหลวง ชื่อของวัดจึงถูกเรียกขานตามตำบลที่ตั้งว่า “วัดปากน้ำ” ซึ่งชื่อนี้มีปรากฏเรียกใช้ในจดหมายเหตุโบราณหลายฉบับ แต่ได้พบชื่อของวัดที่แปลกออกไปในแผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ.2453 และ พ.ศ.2474 ว่า “วัดสมุทธาราม” แต่ไม่เป็นที่นิยมเรียกขานกัน คงเรียกว่า “วัดปากน้ำ” มาโดยตลอด ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้มีการขุดคลองภาษีเจริญที่ข้างวัดด้านทิศตะวันตก วัดจึงมีลำน้ำหลักล้อมอยู่ทั้ง 3 ด้าน ส่วนด้านทิศใต้เป็นคลองเล็กแสดงอาณาเขตของวัดในสมัยนั้น

   วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นวัดโบราณ สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง (ระหว่าง พ.ศ.2031-พ.ศ.2172) สถาปนาโดยพระราชวงศ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่ปรากฏพระนามแน่ชัด เป็นวัดประจำหัวเมืองธนบุรี ปรากฏในตำนานเรื่องวัตถุสถานต่างๆ หลักฐานทางโบราณวัตถุและโบราณสถานภายในวัดมีอายุย้อนไปถึงสมัยอยุธยาตอนกลาง (สถาปัตยกรรมและศิลปวัตถุที่อยู่คู่วัดมา ตัวอย่างเช่น หอพระไตรปิฎก, ตู้พระไตรปิฎกทรงบุษบก ล้วนเป็นฝีมือช่างหลวงในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แม้พระอุโบสถก็ใช้วิธีการก่อสร้างในสมัยนั้น)
 
<a href=http://www.dmc.tv/index.php?module=articles&action=showarticles&group=latest_update&om=263 title='ธุดงค์ธรรมชัย' target=_blank><font color=#333333>ธุดงค์ธรรมชัย</font></a> ปีที่ 2

    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯได้มารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้กวดขันพระภิกษุ-สามเณร ให้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด มีการสอนสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน, ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ด้วยการตั้งสำนักเรียน ทั้งนักธรรมและบาลี, สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น ทำให้มีพระภิกษุ-สามเณรและสาธุชนเข้ามาขอศึกษาและปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงเจริญขึ้นมาโดยลำดับ จนกลายเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติธรรม และเป็นศูนย์กลางการศึกษาบาลี

    แม้ภารกิจด้านการบริหาร การปกครอง และการพัฒนาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จะมีมากสักเพียงใดก็ตาม แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯก็ไม่เคยละทิ้งการปฏิบัติธรรม รวมถึงการเผยแผ่วิชชาธรรมกาย เพราะท่านถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง ในขณะที่ท่านศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายและสั่งสอนผู้อื่นให้บรรลุธรรมกายไปด้วยนั้น ท่านได้คัดเลือกผู้ที่มีผลการปฏิบัติดีเยี่ยม ทั้งที่เป็นพระภิกษุ, สามเณร, แม่ชี, อุบาสก และอุบาสิกา จำนวนหนึ่ง เพื่อรวมกลุ่มศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆขึ้นไป เรียกว่า “การทำวิชชาปราบมาร”

    เพื่อให้การทำงานค้นคว้าวิชชาธรรมกาย เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในสถานที่ที่เป็นสัดเป็นส่วน เหมาะสมแก่การเจริญสมาธิภาวนา ในปี พ.ศ.2474 ขณะที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯอายุได้ 47 ปี ท่านได้สร้างอาคารเพื่อใช้ในการศึกษาค้นคว้าวิชชาธรรมกายขึ้นภายในวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในสมัยนั้นเรียกว่า “โรงงานทำวิชชา” ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างพระอุโบสถกับวิหาร ใกล้หอไตร เป็นเรือนไม้ 2 ชั้น ภายในระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างมีท่อต่อถึงกันสำหรับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯใช้ “สั่งวิชชา” ลงมาทางท่อนี้ ซึ่งผู้อยู่เวรก็จะได้ยินโดยทั่วกัน และจะเจริญวิชชาตามคำสั่งนั้นๆ มีผู้อยู่เวรทำวิชชากะละประมาณ 10 คน ตัวเรือนโรงงานทำวิชชา มีขนาดไม่กว้างใหญ่นัก ชั้นล่างตั้งเตียงเป็น 2 แถว ซ้ายและขวา ข้างละ 6 เตียง ตรงกลางเว้นเป็นทางเดิน พอให้เดินได้สะดวก ชั้นล่างสำหรับฝ่ายแม่ชี และอุบาสิกา ใช้นั่งเจริญวิชชาและเป็นที่พักอาศัยด้วย มีผู้อยู่เวรที่ไม่พักในโรงงานทำวิชชาบ้างแต่ก็เพียงไม่กี่คน ระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างไม่มีบันไดเชื่อมต่อกัน และทางเข้าออกก็แยกกันคนละทาง ชั้นบนมีทางเข้าต่างหาก ใช้เป็นที่เจริญวิชชาสำหรับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ และพระภิกษุ, สามเณร ที่อยู่เวรทำวิชชา
 

    ต่อมาภายหลัง ได้มีโรงงานทำวิชชาเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้างยาวพอสมควร ตรงกลางมีฝากั้น แบ่งเป็น 2 ห้องแยกขาดจากกัน โดยมีประตูเข้าออกคนละทาง ส่วนหน้าเป็นที่สำหรับแม่ชีและอุบาสิกา ส่วนหลังเป็นที่สำหรับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ พระภิกษุและสามเณร เวลา “สั่งวิชชา” พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯจะพูดผ่านฝากั้นห้องนี้ ทั้งสองฝ่ายจึงเพียงแต่ได้ยินเสียงซึ่งกันและกันเท่านั้น