ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2554ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วมสถานการณ์น้ำท่วม คลองระพีพัฒน์ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 1เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาวิกฤตการณ์อุทกภัยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่หนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 50 ปีของประเทศไทย มวลน้ำปริมาณมหาศาลได้จู่โจมเข้าทำลายทำนบ (คันดินเสริมกระสอบทราย) ป้องกันเมือง แห่งแล้วแห่งเล่า นิคมอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนนับแสนล้าน มีทำนบป้องกันอย่างดี แต่ก็ยังถูกมวลน้ำโจมตีจนทำนบพังทลายลงแห่งแล้วแห่งเล่า และมวลน้ำจากทางเหนือก็กำลังดาหน้ามุ่งเข้าโจมตีกรุงเทพมหานคร ศูนย์กลางของประเทศไทย ในท่ามกลางวิกฤตนี้ เหตุการณ์หนึ่งที่น่าประทับใจ คือ การป้องกันทำนบกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์ ตั้งแต่คลองหนึ่งถึงคลองสาม ความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร โดยได้รับความร่วมแรงร่วมใจของพระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา, ผู้นำบุญ, พนักงานของวัดพระธรรมกาย, ชาวบ้านตำบลคลองหนึ่ง คลองสอง คลองสาม และ หน่วยงานทางราชการ ได้ร่วมด้วยช่วยกันอย่างเต็มที่เนื่องจากว่าช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสามนั้นมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยกั้นมวลน้ำจำนวนประมาณหนึ่งพันล้านลูกบาศก์เมตรไว้เหนือทำนบ ถ้าหากทำนบแห่งนี้แตก มวลน้ำจำนวนมหาศาลจะไหลผ่านอำเภอคลองหลวงไปท่วมถนนรังสิต-นครนายก ตัดขาดเส้นทางหลักจากกรุงเทพมหานครมุ่งสู่ภาคอีสาน และมวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้ก็จะไหลผ่านเข้าท่วมอำเภอลำลูกกา, อำเภอสายไหม, อำเภอดอนเมือง, อำเภอบางเขน และมุ่งสู่กรุงเทพมหานคร เขตชั้นใน ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางของประเทศ ส่วนน้ำจากคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองห้าถึงคลองสิบนั้นจะไหลค่อนไปทางอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ระบายออกแม่น้ำบางปะกงสู่อ่าวไทย แผนที่แสดงภาพสถานการณ์น้ำท่วม หากทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์แตกในขณะที่รัฐบาลและชาวกรุงเทพมหานครกำลังโล่งใจที่ช่วยกันกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ไหลผ่านกรุงเทพมหานครลงอ่าวไทย โดยไม่เอ่อล้นทำนบกั้นน้ำได้สำเร็จ ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ไหลบ่าเข้าท่วมกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่ามวลน้ำจากแม่น้ำป่าสักและน้ำที่ท่วมทุ่งอยุธยา สระบุรี จำนวนมหาศาล กลับกำลังพยายามทำลายทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสาม มุ่งโจมตีตลบหลังสู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งหากมวลน้ำจำนวนมหาศาลนี้ทำลายทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ได้สำเร็จ ก็จะสามารถไหลบ่าเข้าท่วมกรุงเทพฯ โดยไม่มีแนวป้องกันที่แข็งแรงใดๆเหลืออยู่ที่จะสามารถรักษากรุงเทพมหานครไว้ได้ แต่ในสถานการณ์คับขันนี้ ปรากฏว่าได้มีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมื่อพระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา, ผู้นำบุญ, พนักงานวัดพระธรรมกาย ได้เป็นแกนนำชักชวนชาวอำเภอคลองหลวง ร่วมกับหน่วยงานทางราชการ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยกันป้องกันทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสามได้สำเร็จเป็นเวลาถึง 4 วันแล้วทำนบกั้นน้ำคลองระพีพัฒน์ เสริมด้วยกระสอบทรายตลอดแนวทั้งที่ๆในช่วงเวลาเดียวกันปรากฏข่าวเป็นระยะๆว่า นิคมอุตสาหกรรมมูลค่านับแสนล้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ได้ถูกมวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลบ่าเข้าท่วมจนได้รับความเสียหายอย่างหนักไปทีละแห่งๆ ทั้งๆที่มีทำนบป้องกันที่ถาวรแข็งแรง แต่ทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์เป็นเพียงทำนบดินที่ก่อบนถนน เพิ่งทำขึ้นมาเมื่อไม่ถึงสัปดาห์นี้เอง ทุกคนที่ช่วยกันป้องกันทำนบคลองระพีพัฒน์ จึงเป็นเหมือนชาวบ้านบางระจันที่กำลังทำหน้าที่เป็นปราการด่านหน้าป้องกันมวลน้ำจำนวนมหาศาลไม่ให้เข้าท่วมกรุงเทพมหานครวัดพระธรรมกายร่วมกับชาวบ้านช่วยกันเสริมกระสอบทรายทำนบกั้นน้ำวัดพระธรรมกายร่วมกับชาวบ้านช่วยกันบรรจุกระสอบทรายทั้งวันทั้งคืนสถานการณ์การต่อสู้กับมวลน้ำจำนวนมหาศาลเป็นไปอย่างสูสี สามารถป้องกันได้นาทีต่อนาทีอย่างฉิวเฉียด เพราะขณะที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนก็ต้องช่วยกันเสริมทำนบกันน้ำให้สูงขึ้น และเสริมความแข็งแรงของตัวทำนบไปด้วย เนื่องจากตัวทำนบสูงกว่าระดับน้ำที่กำลังไต่สูงขึ้นมาทุกขณะจิตเพียงแค่ 2-3 เซนติเมตรเท่านั้น เมื่อได้ทำการเสริมคันทำนบ ระดับน้ำก็สูงขึ้น จึงต้องเร่งเสริมทำนบให้สูงขึ้นอีก สู้กันอยู่ตลอดเวลา ทุกคนทำงานอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อวานนี้ (18 ตุลาคม พ.ศ.2554) ตอนตีสาม พระภิกษุที่เฝ้ารักษาทำนบได้แจ้งเข้ามาที่ศูนย์ประสานงานของวัดพระธรรมกายว่า “ทำนบของคลองหนึ่ง ดินที่ถูกน้ำเซาะมาหลายวันกำลังพังทลายลงมาเรื่อยๆ หากปล่อยไว้ ดูแล้วคงจะแตกภายใน 1-2 ชั่วโมงนี้ จะให้สู้หรือถอย” ทางศูนย์ประสานงานก็ได้สั่งการไปว่า “สู้” แต่ในช่วงกลางดึกอย่างนี้จะไปปลุกใครก็ยาก จึงได้ปลุกพระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา ซึ่งพักอาศัยอยู่ในวัดพระธรรมกายอยู่แล้ว ให้ตื่นขึ้นเพื่อมาระดมกำลังกันเอากระสอบทรายไปช่วยเสริมทำนบกั้นน้ำให้ทันการ แม้พระผู้ใหญ่, ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ต่างก็ลุกขึ้นไปช่วยกันขนกระสอบทราย จนสามารถยันไว้ได้สำเร็จ ตอน 8 โมงเช้า พระภิกษุสามเณรหลายรูปร่วมแรงร่วมใจช่วยกันจนไม่ได้ฉันภัตตาหารเช้า ในบางจุดเมื่อรถขนกระสอบทรายไปถึง น้ำก็กำลังเซาะจนทะลุกลางคันดินออกมาเป็นสาย แต่ก็สามารถนำกระสอบทรายไปอุดได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด หากมาช้าไปสัก 2-3 นาที ทำนบก็คงจะแตกแล้วพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ช่วยกันเสริมกระสอบทรายตลอดทั้งคืนเมื่อตอนตีสองของวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2554 ทำนบบางจุดกำลังจะแตกอีก ต้องปลุกสมาชิกอาศรมอุบาสิกา วัดพระธรรมกาย จำนวนหลายร้อยคน พร้อมเพรียงกันลุกออกไปช่วยรักษาทำนบ ทุกคนทำงานแบบไม่มีเกี่ยงงอน คนละไม้คนละมือ ทำงานไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา ใจเป็นสมาธิ(Meditation)จรดศูนย์กลางกาย เพราะต่างรู้ว่า “ภารกิจที่ตนกำลังทำอยู่มีความสำคัญ ทั้งช่วยป้องกันวัด ป้องกันชาวอำเภอคลองหลวง และพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครทั้งหมด” ชาวบ้านอำเภอคลองหลวงจำนวนมากก็ออกมาช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อปกป้องถิ่นเกิดตนเอง บางคนบอกว่ามาช่วยทุกวัน ได้นอนเพียงวันละ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น คนจำนวนมากไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ก็ช่วยกันป้องกันอุทกภัยในครั้งนี้ด้วยความสามัคคีกลมเกลียวเหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน เพราะทุกคนทำงานด้วยหัวใจเสียสละ และมีเป้าหมายเดียวกันชาวบ้านอำเภอคลองหลวงออกมาช่วยกันคนละไม้คนละมือดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกอบต.คลองสาม ได้เป็นผู้นำเจ้าหน้าที่อบต.ทำงานอย่างเข้มแข็ง ประสานงานกับทางวัดพระธรรมกาย, ชาวบ้าน, หน่วยงานอำเภอคลองหลวง, หน่วยงานจังหวัดปทุมธานี, หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ให้งานประสานกลมกลืนอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถโทรศัพท์ตามตัวนายกอบต.ได้ตลอดเวลา ทางด้านผู้นำบุญวัดพระธรรมกาย เมื่อได้ทราบข่าว ต่างก็มาช่วยกันจากทั่วประเทศ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ บางคนเป็นหมอ เป็นด็อกเตอร์ ก็มาช่วยบรรจุถุงทราย แบกกระสอบทราย ช่วยกันปกป้องวัดพระธรรมกาย บ้างก็นำรถขนอาหารหวานคาวมาบริการเลี้ยงกันอย่างเต็มที่ บ้างก็เดินทางมาจากต่างจังหวัดเตรียมตัวมาค้างที่วัด เพื่อที่จะช่วยป้องกันวัดจนกว่าวิกฤตฉุกเฉินจะคลี่คลาย เมื่อพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ได้เมตตาไปเยี่ยมเหล่าผู้นำบุญและสาธุชนที่มาช่วยกันในครั้งนี้ ทุกคนต่างปีติดีใจ มีกำลังใจอย่างมาก ช่วยกันคนละไม้ละมืออย่างแข็งขัน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส เป็นบรรยากาศงานบุญที่เบิกบานอย่างที่สุดวิกฤตการณ์มหาอุทกภัยในครั้งนี้ จึงกลับกลายเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ น้ำใจเสียสละที่งดงามของชาววัดพระธรรมกาย, พี่น้องชาวคลองหลวง และเจ้าหน้าที่ราชการทุกคน อีกทั้งพลังสามัคคีเสียสละนี้ จะช่วยให้ทุกคนสามารถผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ในที่สุด ถือเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไทยให้พัฒนาก้าวหน้า ขับเคลื่อนพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ให้ขยายไปทั่วโลก ขออนุโมทนากับขุนพลกล้าผู้พิทักษ์ปกป้องวัด ปกป้องประชาชน ปกป้องประเทศชาติ ทุกคนๆ
บทความ "ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม"
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 8 - กู้ถนนช่วยชาวบ้าน เปิดทางกฐินชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 3 - ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 3
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 4 - ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมคลองระพีพัฒน์
http://goo.gl/0QKEt