พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ได้รับการกล่าวขานเลื่องระบือถึงความขมังเวทย์มากที่สุดจากการปราบ
“อาแวซาดอ ตาเละ” ขุนโจรชื่อดังแห่งเทือกเขาบูโด จ.นราธิวาส
ที่ขึ้นชื่อว่ามีวิชาอาคมแก่กล้า
โดยขุนโจรรายนี้มีเป้าหมายแบ่งแยกดินแดนใน 4 จังหวัดภาคใต้
เลือกปล้นเฉพาะเหยื่อที่เป็นคนไทยและนับถือศาสนาพุทธเท่านั้น
และจะสังหารเจ้าของบ้านด้วยวิธีอันโหดเหี้ยม
การปราบขุนโจรอาแวซาดอ ทำให้ขุนพันธฯ ได้รับการขนานนามจากชาวไทยมุสลิม ว่า “ราดอกาจิ” แปลว่า “ขุนพลพริกขี้หนู”
ประวัติขุนพันธฯ
- นามเดิม นายบุตร พันธรักษ์
- เกิด 18 กุมภาพันธ์ 2446
- อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
- บิดา นายอ้วน มารดานางทองจันทร์
ประวัติการศึกษา
- เริ่มเรียนหนังสือ 2467 ที่วัดอ้ายเขียว จนจบ ม.8
- ร.ร.นายร้อยตำรวจ ห้วยจระเข้ จ.นครปฐม พ.ศ.2468-2472 (ระหว่างเรียนเป็นครูมวยไทยด้วย)
การรับราชการ
- เริ่มรับราชการนักเรียนทำการนายร้อย ณ กองบังคับการตำรวจภูธรมณฑลนครศรีธรรมราช ประจำ จ.สงขลา
-
พ.ศ. 2474 ผู้บังคับหมวดกองเมือง จ.พัทลุง
และมีชื่อเสียงเป็นพลุแตกจากการปราบเสือสังข์ หรือเสือพุ่ม
เพราะถือว่ามีอิทธิพลมากในสมัยนั้น
หลังจากนั้นก็ยังได้ปราบโจรผู้ร้ายอื่นๆ อีกมากมาย จนได้รับบรรดาศักดิ์ขุนพันธรักษ์ราชเดช โดยขุนโจรรายสำคัญภายในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานีที่ถูกขุนพันธฯ ปราบ คือ เสือใส และเสือเอิบ
หลังปราบปรามขุนโจรในพื้นที่ภาคใต้จนราบคาบจึงได้ย้ายไปประจำพื้นที่อื่น และได้ปราบปรามโจรผู้ร้ายมากมาย โดยเฉพาะเสือโน้มในพื้นที่ จ.พิจิตร จนได้เลื่อนยศเป็นพันตำรวจตรี จากนั้นย้ายไป จ.ชัยนาท และได้ปะทะและปราบปรามเสือร้ายเลื่องชื่อหลายคน เช่น เสือฝ้าย เสือย่อง เสือดำ เสือไหว และเสือมเหศวร
ขุนพันธฯ ปราบเสือฝ้ายด้วยดาบคู่ โดยดาบนั้นถูกสวมเอาไว้ด้วยถุงผ้าแดง ทั้งฝักและด้าม จนได้รับการขนานนามว่า “ขุนพันธฯ ดาบแดง” และชื่อเสียงได้รับการร่ำลือมากขึ้นจากการปราบปรามเสือไกร และเสือวัน แห่ง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร
ปี 2491 ชาวจังหวัดพัทลุงได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากโจรผู้ร้าย จึงเข้าชื่อกันทำหนังสือร้องเรียนต่อกรมตำรวจ เพื่อขอตัวขุนพันธฯ กลับพัทลุง และกรมตำรวจอนุมัติ
พ.ศ. 2503 ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 และได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพลตำรวจตรี จนเกษียณอายุ 2507
ขุนพันธฯ ยังเป็นนักเขียนชื่อดังด้วย โดยลงพิมพ์ในหนังสือและวารสาร ทั้งเรื่องไสยศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลและสถานที่ ตำนานท้องถิ่น มวยไทย และประสบการณ์ของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่อง “กรุงชิง” ถูกเขียนขึ้นเพื่อทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามพระบรมราชโองการ
ขุนพันธฯ เสียชีวิตคืนวันที่ 5 กรกฎาคม 2549 ด้วยโรคชรา สิริอายุ 108 ปี