จากตอนที่แล้ว ท่านสิริวัฒกเศรษฐีได้ทราบข่าวว่า ในบ้านของอนุเศรษฐีทั้งหลายก็มีกุมารเกิดในวันเดียวกับมโหสถถึงหนึ่งพันคน คิดอยากจะได้กุมารเหล่านั้นมาเป็นเพื่อนเล่นกับมโหสถ จึงได้จัดส่งของกำนัล ทั้งยังได้มอบนางนมให้ดูแลกุมารน้อยๆ เหล่านั้นอีกนางละหนึ่งคน
มโหสถกุมารค่อยๆ เจริญวัยขึ้น โดยมีกุมารผู้เป็นสหายพันคนรายล้อมรอบข้าง เป็นทั้งเพื่อนเล่นและบริวาร จวบจนอายุได้ ๗ ปี เกียรติคุณของมโหสถกุมารก็ร่ำลือไปทั่วปาจีนยวมัชฌคาม ถึงความเฉลียวฉลาด และความสามารถที่เป็นเยี่ยม ทั้งเป็นที่รักและเอ็นดูของชนทั้งหลาย

เมื่อได้ตกลงเรื่องค่าจ้างกันแล้ว นายช่างจึงเริ่มปรับพื้นดินให้เรียบเสมอ แล้วลงมือขึงเชือกเพื่อวัดระดับพื้นที่ มโหสถกุมารได้เห็นนายช่างขึงเชือกไม่ถูกแบบที่ตกลงกันไว้ ก็ตรงรี่เข้าไปบอกว่า นายช่าง ท่านขึงเชือกอย่างนี้ ก็ผิดแบบนะซิ ขอให้พวกท่านช่วยกันขึงใหม่เถิด
นายช่างก็ไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของมโหสถกุมาร ด้วยสำคัญว่าเป็นเพียงเด็กน้อย ทั้งหมดจึงยังคงก้มหน้าก้มตาขึงเชือกแบบเดิมของตนต่อไป
มโหสถกุมารเห็นนายช่างยังนิ่งเฉยอยู่ ก็พูดซ้ำเป็นคำรบสอง คราวนี้นายช่างนั้นเงยหน้าขึ้น ตอบมโหสถน้ำเสียงที่ทั้งเคารพทั้งเอ็นดูว่า“นายท่าน เราได้ศึกษาศิลปะงานช่างนี้มาอย่างไร ก็เพียรก่อสร้างไปตามนั้น พวกเราจะทำจนสุดกำลังความสามารถของตน ขอท่านจงเชื่อมั่นเถิด”
มโหสถกุมารค้านว่า “แม้เพียงการขึงเชือกเท่านั้น พวกท่านก็ยังทำไม่ถูก แล้วท่านจะรับทรัพย์ของเรา สร้างศาลาได้อย่างไรกัน”
“พ่อหนูเอย พวกเราทำดีที่สุดแล้ว หากพ่อมโหสถต้องการจะให้ดียิ่งไปกว่านี้ เราก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วละ” นายช่างกล่าวตอบด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว บ่งชัดว่าเริ่มท้อใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ท่านจงส่งเชือกนั้นมาให้กระผม เดี๋ยวกระผมจะขึงให้เอง” กล่าวดังนี้แล้ว มโหสถก็รับเชือกจากมือนายช่างนำมาขึงเสียเอง

ครั้นแล้วมโหสถจึงถามว่า “พวกท่านจะสามารถขึงเชือกตามที่กระผมบอกให้ได้ไหมเล่า”
พวกนายช่างต่างยอมรับในความสามารถของมโหสถ จึงรับปากพร้อมกันด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ได้ขอรับ นายท่าน”
นับแต่นั้นมา มโหสถกุมารจึงเป็นผู้วางแผนงาน และคอยควบคุมการก่อสร้างด้วยตนเองในทุกขั้นตอน โดยจัดสรรศาลาออกเป็นส่วนๆ ภายในแบ่งเป็นห้องๆ ประกอบไปด้วยห้องสำหรับคนยากไร้ได้พักพิง ห้องสำหรับนักบวชอาคันตุกะที่จาริกมาจากแดนไกลได้พำนัก ห้องสำหรับคนเดินทางแวะพักผ่อนให้หายเหนื่อยล้า ห้องเก็บสินค้าและสัมภาระสำหรับพ่อค้าวาณิชที่เดินทางมาค้าขาย รวมถึงห้องสำหรับหญิงอนาถาใช้คลอดบุตร
ห้องเหล่านี้ล้วนมีซุ้มประตูออกทางด้านหน้า ภายในศาลามีห้องโถงใหญ่ เป็นสนามเล่น มีโรงวินิจฉัยคดี และที่ประชุมดุจโรงธรรมสภา ภายในศาลายังได้ให้จิตรกรวาดจิตรกรรมที่ผนังรายรอบห้องทุกห้อง ล้วนเป็นยอดศิลปะที่วิจิตรอลังการชวนทอดทัศนา

คิดดังนี้แล้วจึงสั่งการให้ขุดสระโบกขรณีขนาดใหญ่ไว้รอบศาลา เป็นเวิ้งวุ้งคุ้งน้ำ คดเคี้ยวนับพันคุ้ง ทั้งยังให้ทำท่าน้ำถึง ๑๐๐ ท่า เพื่อให้มหาชนได้ลงอาบชำระกาย ล้วนดารดาษไปด้วยปทุมชาติหลากพันธุ์เต็มสระ รอบขอบสระก็ให้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับต่างพันธุ์ และไม้ผลยืนต้นไว้ร่มครึ้มงามตา ไม้ดอกไม้ผลเหล่านั้นต่างชูดอกออกใบให้ผลสลับกันไม่ขาด ทั้งนี้เพราะมโหสถได้ขอทรัพย์เพิ่มเติมจากท่านสิริวัฒกเศรษฐีผู้เป็นบิดา ซึ่งก็ได้เพิ่มเติมจากบิดาอีกหลายพันกหาปณะ
ในที่สุดศาลาหลังนี้จึงปรากฏว่าสง่างามล้ำสมัย เปรียบได้กับสุธรรมาเทวสภาบนสรวงสวรรค์ ได้ชะลอมาสู่ภพมนุษย์

ก็ปรากฏว่ามีประชาชนพากันมาพักค้างเนืองแน่นทุกวันมิได้ขาด แม้นผู้คนที่สัญจรไปมาต่างก็ได้รับความสะดวกสบายครบครัน ยิ่งกว่านั้นในบางคราวเมื่อถึงกาลอันเหมาะสม มโหสถบัณฑิตยังได้ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แจงข้ออรรถข้อธรรม ชักนำมหาชนที่มาพักค้างให้ตั้งอยู่ในกองการกุศล แนะนำในสิ่งอันเป็นกรณียกิจ คือ สิ่งที่ควรทำ เป็นความถูกต้องดีงาม เป็นไปเพื่อความสุขความเจริญ

หมู่ชนที่ได้สดับรสอรรถรสธรรมที่แสดงเหตุแห่งความเสื่อมและความเจริญ สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ต่างอนุโมทนาสาธุการ กล่าวแซ่ซ้องสรรเสริญ จึงทำให้เกียรติคุณอันงดงามของพระโพธิสัตว์ฟุ้งเฟื่องระบือไกลไปทั่วทุกทิศานุทิศ
ในกาลนั้น มโหสถบัณฑิตได้รับความเคารพ นบนอบ บูชา ได้เป็นเสมือนกาลสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์น้อยๆ เสด็จอุบัติขึ้นในโลกทีเดียว
ย้อนกล่าวถึงพระเจ้าวิเทหราช นับแต่วันที่ท่านอาจารย์เสนกะได้ทำนายพระสุบินนิมิต พระองค์ก็ได้ปรารภถึงบัณฑิตน้อยผู้นั้นกับท่านเสนกะอยู่บ่อยครั้ง
พระประสงค์ที่จะเสาะหาบัณฑิตคู่พระหฤทัยไว้ช่วยเหลือราชกิจ ก็ยังมั่นคงเช่นเดิม แม้บัดนี้จะล่วงเลยมานานถึง ๗ ปีแล้วก็ตาม แต่พระองค์ก็ยังทรงคิดคำนึงถึง และเฝ้ารอคอยการมาสู่ราชสำนักของมหาบัณฑิตผู้นั้นอยู่ตลอดเวลา แต่เหตุการณ์เบื้องหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)