โพลกรมอนามัยระบุช่วงเข้าพรรษา
ผู้สูงอายุนิยมเข้าวัดทำบุญมากขึ้น
และแน่นอนว่าจำเป็นต้องมีการใช้ห้องน้ำภายในวัดสูงขึ้นด้วย
ด้วยผลการสำรวจความต้องการห้องน้ำของผู้สูงอายุออกมาว่ากลุ่มตัวอย่าง
ให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดเป็นลำดับแรก
ตามด้วยความปลอดภัย สะดวก และพอเพียง
นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในเทศกาลเข้าพรรษา
ประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุนิยมเข้าวัดทำบุญมากขึ้น
ทำให้ความต้องการใช้ส้วมวัดมากตามไปด้วย กรมฯ จึงได้ทำโพลเรื่อง “ส้วมแบบไหน? โดนใจผู้สูงวัย” สำรวจผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป จำนวน 409 คน ระหว่างวันที่ 15-19 มิ.ย. 50
พบว่ากลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดเป็นลำดับแรก
ตามด้วยความปลอดภัย สะดวก และพอเพียง โดยมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง อาทิ
น้ำใช้สะอาด ส้วมไม่มีกลิ่น ไม่ตั้งอยู่ในที่เปลี่ยว มีส้วมแยกชาย-หญิง
มีสายฉีดน้ำชำระ/กระดาษชำระ มีราวจับพยุง และส้วมต้องเปิดตลอดเวลา เป็นต้น
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 52 ต้องการส้วมนั่งราบหรือชักโครก
เพราะลุกนั่งสบาย ไม่ปวดขา ขณะที่ร้อยละ 27 ต้องการส้วมนั่งยอง
เพราะไม่ต้องการนั่งที่คนอื่นนั่งมาก่อน นพ.ณรงค์ศักดิ์ ระบุว่า
ผลสำรวจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ให้บริการส้วมสาธารณะโดยเฉพาะส้วมวัด
ในการปรับปรุงเพื่อมอบความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีแก่ผู้มาทำบุญ
ซึ่งจะได้รับผลบุญทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่ง กรมฯ
ตั้งเป้าว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2551 ส้วมสาธารณะจะต้องได้มาตรฐาน (HAS) ร้อยละ
90 โดยพิจารณาจากเกณฑ์ความสะอาด เพียงพอ และปลอดภัย
ซึ่งจากการสำรวจเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 50 มีส้วมที่ผ่านเกณฑ์แล้วร้อยละ 20.16
ที่มา-