ชาดก 500 ชาติ
	
		สีหจัมมชาดก-ชาดกว่าด้วยลาห่มหนังสิงโต
	
	
		
		
	
		พระโกกาลิกะผู้ที่ชอบโกหกหลอกลวงประพฤติผิดศีลผิดธรรมเป็นนิจ
	
		  
	
		      โลกของเราในเวลาหลังพุทธกาลล่วงพ้นมาจนบัดนี้ ย่อมรู้กันดีว่าความโกหกหลอกลวงนั้นมีอยู่มากมาย แต่ในพุทธสมัยหาเป็นเช่นนี้ไม่
		ดังมีภิกษุรูปหนึ่งเก่งทางหลอกลวงขึ้นในพระมหาวิหาร นั้นก็คือพระโกกาลิกะ แต่ภิกษุผู้นี้ก็ไม่อาจลอยนวลหลุดพ้นบ่วงกรรมไปได้
	
	
		 
	
		พระโกกาลิกะได้กล่าวหลอกลวงเพื่อนภิกษุเพื่อให้ตนนั้นได้ออกไปรับภัตกิจแทน
	
		 
	
		       อันคนเราหากได้ลองโกหกสักครั้งหนึ่งแล้วก็จะติดเป็นสันดอนกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระโกกาลิกะนั้นเป็นภิกษุที่ใช้คำโกหกโป้ปดมดเท็จจนเป็นนิสัย
		และมิได้เห็นโทษของสิ่งเหล่านี้เลย กลับกันยิ่งกิตติศัพท์ความเจ้าเล่ห์ หลอกลวงเก่งโด่งดังขึ้นเท่าใด ภิกษุนักโกหกก็ยิ่งหลงตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
	
		 
	
	
		 
	
		พระโกกาลิกะไม่เคยเล็งเห็นโทษในความผิดของตนแต่กลับชอบใจในความฉลาดแกมโกงของตน
	
		 
	
		      “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตลกภิกษุเหล่านั้นจริง ๆ เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างซื่อไร้เดียงสายิ่งนัก หลอกนิดหลอกหน่อยก็เชื่อ เชื่อไปได้ยังไงนี่ เหอะๆ ตลกจังเลย ”
		นอกจากลวงพระเณรในพระอารามเดียวกันแล้ว พระโกกาลิกะยังทำกลอุบายรับนิมนต์ หรือการภัตกิจต่าง ๆ อย่างแนบเนียนเป็นที่เอือมระอาทั่วไป
		
	
		
		
	
	
		 
	
		กิตติศัพท์ความเจ้าเล่ห์ของพระโกกาลิกะโด่งดังเป็นที่รู้กันทั่วในหมู่ภิกษุสงฆ์
	
		 
	
		       “ โยมอุปถัมภ์ผู้นั้นนิมนต์อาตมาไว้เป็นนิจแล้ว ท่านคงไม่ควรไปหาเขาอีก ” “ หากเป็นเช่นนั้น ท่านก็ไปแทนเราเถิด ” ( เหอะๆ โง่ได้อีก เสร็จเรา
		โยมผู้นั้นทำบุญที ถวายของตั้งมากมาย จะแบ่งให้ใครได้ยังไงละ เอาเองดีกว่า) เมื่อเหล่าภิกษุสงฆ์รู้ข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นไปตามคำที่พระโกกาลิกะบอก
		
		
	
	
		 
	
		เหล่าภิกษุสงฆ์ต่างพากันหนีห่างไม่ร่วมเสวนากับภิกษุโกกาลิกะจอมเจ้าเล่ห์
	
		        
		
	       ก็เริ่มหนีทำตัวออกห่าง หนักเข้าจากที่ไม่มีใครพูดคุยด้วยก็กลายมาเป็นไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ชิด “ อืม พระผู้นี้ผิดศีลจนเป็นนิสัย ไปกันเถอะอย่าเสวนา
	กับเขาเลย ” แล้วเหตุดังนี้ก็ทราบโดยพระเนตรพระกรรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเรียกภิกษุนี้มายังพระคันธกุฎีแล้วตรัสว่า
	
	
		 
	
	
		 
	
		พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกพระโกกาลิกะมาเข้าเฝ้ายังพระคันธกุฎี
	
		     
	       “ ดูก่อน พระโกกาลิกะบวชอยู่ในพระพุทธศาสนา อันมีความจริงเป็นแก่นสาร ไม่ควรครองตนอยู่ด้วยความหลอกลวง ดังในอดีตกาล
	ก่อนโน้นก็ถูกทุบตีขับไล่จากชนบทเพราะการล่อลวงผู้อื่นมาแล้ว ” สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัส สีหจัมมชาดกอันเป็นอดีตชาติหนึ่งดังนี้
	
		 
	
	
		 
	
		พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่าสีหจัมมชาดกแก่พระโกกาลิกะ
	
		 
	
		
			     มัชฌิมประเทศในอดีตกาลนั้น การแลกเปลี่ยนค้าขายยังไม่ได้มีขบวนเกวียนของนายวาณิชย์ดังเวลาภายหลัง ผู้คนต่างเมืองต่างนิยมใคร่ค้า
			ก็ค้ากันโดยเสรี ดังนิคมชนบทหนึ่งชายแดนแคว้นกาสีที่บางครั้งพ่อค้าวาณิชย์ก็พากันขนสินค้าเร่ขายกันมากเป็นขบวน
			
	 
	
		
		
	
	
		
			
				 
			
				มัชฌิมประเทศในครั้งอดีตกาล
		 
	 
	
		     
	
		        แต่บางครั้งก็จะมีเพียงรายสองรายเท่านั้น ครั้งที่ไม่มีผ้าค้าขายเป็นเวลานานได้มีพ่อค้าเครื่องหอม เครื่องประทินผิวรายหนึ่งขนสินค้า
		เข้ามายังชนบทที่นี่ “ ที่นี้แหละจักเป็นถุงเงินถุงทองให้เราตักตวงเป็นที่ต่อไป
		
	
		 
	
	
		 
	
		ชายแดนแคว้นกาสีมีการค้าขายกันอย่างเสรี
	
		 
	
		        อ้าวพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายของดีอินเทรนด์แบรนเนมดัง ๆ มาแล้วจ้า ยาบำรุงกำลังฟิตปั๊งๆ ก็มี วิตตามินกินแล้วขาวโบ๊ะ ๆ ก็มี ออกมาเลือกซื้อ
		เลือกหากันได้เลยนะจ๊ะ อยากสวยอยากหล่อต้องทางนี้จ้า โอ้น้องหญิงทางนั้น สนใจซื้ออาหารเสริมไหมจ๊ะ จะปล่อยให้อ้วนอยู่ทำไม
		
	
		 
	
	
		 
	
		ดินแดนแคว้นกาสีผู้คนต่างใช้ชีวิตกันตามปกติ
	
		 
	
		       ฉันมียาวิตตามินชั้นดีกินแล้วผอมได้สัดส่วน สามีรักสามีหลงนะจ๊ะ สนใจก็มาเลือกซื้อได้เลยนะจ๊ะ ฉันจะวางขายที่ลานกลางหมู่บ้าน ซื้อเยอะ
		เดี๋ยวแถมวิตตามินเสริมกระชับผิวด้วยนะจ๊ะ ” “ หึ ฉันไม่ได้อ้วนย่ะ แค่อวบระยะสุดท้ายสุดๆ เท่านั้นเอง ปากเสีย ”
		
	
		 
	
	
		 
	
		มีพ่อค้าเร่จากต่างเมืองได้เข้ามาขายสินค้ายังแคว้นกาสี
	
		  
	
		        วันแรกพ่อค้าขายสินค้าได้จำนวนหนึ่งเมื่อนำมาซื้ออาหารให้ตนและลากินแล้วยังพอเหลือเล็กน้อย “ โอ้ เรานี่โง่จริง ๆ ไม่น่าต้องซื้ออาหาร
		ให้เจ้าลามันเลย ของมีกินเต็มทุ่งเนี่ย ดูสิข้าวสาลีออกรวงกำลังดีเลย ของชอบของเจ้าเลยใช่ไหมเจ้าลาเอ๋ย
	
		
		
	
	
		
		
	
		พ่อค้าเร่ได้ตะโกนขายสินค้าของตนไปเรื่อยๆ
	
		 
	
		        พ่อจะจัดแจงให้แกได้กินของชอบของแก กินได้อย่างหนำใจเลย นี่ไงล่ะเคล็ดลับของพ่อ หนังสิงโต รับรองว่าถ้าเจ้าสวมหนังนี้เข้าไป
		ไม่มีใครกล้าแหย่มเจ้าแน่ ๆ แล้วคราวนี้ ลาน้อยของพ่อก็จะกลายเป็นสิงโตเจ้าป่าครองนาข้าวสาลี กินรวงข้าวเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่
		
	
		 
	
	
		 
	
		พ่อค้าเจ้าเล่ห์คิดวางแผนให้ลาของตนได้กินข้าวสาลีของชาวบ้านแบบฟรี ๆ
	
		
			       ไม่มีใครกล้าหือ ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ” พ่อค้าเอาหนังสิงโตที่ตัวเองเก็บไว้ขายให้คหบดีอีกเมืองหนึ่งคลุมตัวลาของตนแล้วนำไปปล่อยไว้ในนาข้าวสาลี
			“ อยู่นี้กินอย่างสบายใจนะพ่อเอ้ย ขายของเสร็จแล้วจะกลับมารับ เอาล่ะสิงโตลูกพ่อเข้าไปลุยกับรวงข้าวเหล่านั้นเถอะ
			
	 
	
	
		 
	
		พ่อค้าเจ้าเล่ห์ได้เอาหนังสิงโตมาห่มคลุมให้ลาของตน
	
		 
	
		       พ่อจะไปล่ะ ของดี ๆ มีให้กินฟรี ไม่ต้องจ่ายเงิน ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า สบายใจ แค่นี้เราก็มีเงินเหลืออีกเยอะเลย ”เมื่อการหลอกผู้อื่นผ่านไปครั้งหนึ่ง
		ครั้งต่อมาพ่อค้าก็ค้าขายได้สบายใจโดยไม่ต้องแบ่งกำไรซื้ออาหารให้ลาอีก “ ยาวิเศษเหลืออีกแค่ท่านเดียวจ้า ที่ย่น ๆ ยับ ๆ
		
		
	
	
		 
	
		พ่อค้าเจ้าเล่ห์ปล่อยให้ลาของตนกินข้าวสาลีในนาของชาวบ้าน
	
		       
		
	       แล้วก็จะดูเต่งตึงตูม ๆ ใครที่หน้าดำหมองคล้ำก็เชิญทางนี้เลยจ้า มียาดี้ดี กินแล้วผิวขาวอมชมพูขึ้นทันตาเห็นเลยนะจ๊ะ ” เมื่อได้กำไรดี
	พ่อค้าเจ้าอุบายก็มาบ่อย และตั้งแต่เช้าจรดเย็นก็นำลาคลุมหนังสิงโตมาปล่อยไว้ในนาข้าวของชาวบ้านเหมือนดังเคย
	
	
	
		 
	
		พ่อค้าเจ้าเล่ห์ได้มาขายของตามปกติโดยทิ้งลาของตนไว้ในทุ่งข้าวสาลี
	
		 
	
		
			       “ เงินเหลือบานเลย แววเศรษฐีออกเลยสิเรา ดูสิลาน้อยของพ่อก็กินเอ้ากินเอา โตวันโตคืน เฮ้ย สบายใจจริง ๆ อิมจังตังส์อยู่ครบ ” พ่อค้า
			จอมหลอกลวงนึกถึงแต่ผลประโยช์นของตน ไม่สนใจว่าชาวบ้านที่พบในลาคลุมหนังสิงโตนั้นจะตกใจขวัญผวาหวาดกลัวสักแค่ไหน
			
		
			 
	 
	
	
		 
	
		เลิกจากการค้าขายพ่อค้าเจ้าเล่ห์ก็กลับมารับลาของตนที่ทุ่งนา
	
		 
	
		
			     “ เฮ้ย นั่นมันสิงโตนี่หว่า มาอยู่ในนาข้าวสาลีของเราได้ไง โอ้ยพ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย ” แม้ไม่เคยมีข่าวว่าสิงโตตัวนี้เคยกัดกินคน
			หรือวัวควายของใคร แต่เมื่อแรกเห็นทุกคนก็เผ่นหนีกันเตลิดทั้งทุ่ง ไม่เป็นอันทำมาหากินได้ปกติสุข
			
		
			 
	 
	
	
		 
	
		ชาวบ้านที่เห็นลาในคราบของสิงโตต่างพากันหวาดกลัวจนไม่เป็นอันทำงาน
	
		 
	
		       “ เฮ้ยสิงโต ตัวเป็น ๆ เลยนี่หว่า เอาตัวรอดก่อนดีกว่า ” “ หนีเลยลูก สามีตัวดี หน้าสิ่วหน้าขวานขึ้นมาทีไร มันหนีเอาตัวรอดคนเดียวทุกที ”
		“ แม่จ๋า หนูกลัวสิงโต หน้ามันดุ มันจะกัดเราไหมแม่ ดูสิมันมองมาทางนี้แล้ว ” ครั้นเดือดร้อนมาก ๆ เข้า
		
	
		 
	
	
		 
	
		แม้สิงโตจะไม่เคยทำร้ายใครแต่ชาวบ้านก็พากันวิ่งหนีเอาตัวรอดทุกครั้งที่เจอ
	
		
			        ชายฉกรรจ์ในนิคมหมู่บ้านนั้นก็พากันมารวมตัวหาทางกำจัดสิงโต แต่แล้วก็หาคนกล้าเสี่ยงตายไม่ได้เลยแม้แต่เพียงคนเดียว
			“ อ้าว ไหนใครจะไปไล่สิงโตตัวนั้นกันบ้าง เราจะปล่อยให้มันกัดกินข้าวในนาเราอย่างนี้ต่อไปรึ ” “ งานนี้ใครจะไปกล้าเสี่ยง
			
	 
	
		
 
	
		
			
				
					
						
							
								
									
										
											
												
													
														
															
																
																	
																		
																			
																				
																					
																						
																							
																								 
																							
																								ชาวบ้านต่างประชุมกันเพื่อต้องการคนอาสาไปปราบสิงโต
																							
																								
																									       โดนมันขยุ้มกัดเอามันไม่คุ้มกันหรอก ” “ ใครจะไปก็ไปเถอะ ข้าไม่ไปคนหนึ่งล่ะ ” ถ้าเอ็งไม่ไป ข้าก็ไม่ไป กลัวเหมือนกันนะโว้ย ” เรื่องราว
																									เหล่านี้อยู่ในสายตาของบัณฑิตผู้นำหมู่บ้านนิคมนั้นอยู่ตลอดเวลา บัณฑิตหนุ่มสังเกตพบว่า เมื่อถึงเวลาเย็นที่พ่อค้าจูงลากลับไป
																									
																								
																									
																							 
																							
																								บัณฑิตผู้นำหมู่บ้านได้เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของพ่อค้าเร่ที่มาจูงลากลับจากทุ่งนาในเวลาเย็น
																							
																								 
																							
																								
																									       สิงโตที่อยู่ในนาข้าวสาลีนั้นก็หายไปด้วย “ น่าแปลกนักทำไมเจ้าสิงโตตัวนั้นมันหายไปเวลาเดียวกับที่พ่อค้าจูงลากลับบ้านทุกครั้งเลย
																									ดูมีพิรุธ สงสัยชาวบ้านจะโดนเจ้าพ่อค้านั้นปั่นหัวแน่ ๆ ” บัณฑิตผู้นำหมู่บ้านเล่าเรื่องที่ตนสังเกตเห็นให้ชาวบ้านรับรู้โดยทั่วกัน
																									
																								
																									 
																							 
																							
																							
																								 
																							
																								บัณฑิตผู้นำหมู่บ้านได้นำเรื่องที่ตนเห็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์จูงลากลับจากทุ่งนามาเล่าให้ชาวบ้านฟัง
																							
																								 
																							
																								     จากนั้นมาลูกบ้านทุกคนก็ช่วยกันสังเกตพิรุธนั้น “ นั่นไงเจ้าพ่อค้านั่นมันนำลากลับไปแล้ว ประเดี๋ยวพวกเราที่ทุ่งนาก็จะมาส่งข่าว
																								เรื่องสิงโตว่ามันจะมีอยู่ไหม ”  “ ถ้าสิงโตในนาข้าวนั้นหายไปจริง ๆ ก็แสดงว่าเจ้าพ่อค้าเจ้าเล่ห์นั่นมันมาหลอกลวงพวกเรา
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								บัณฑิตได้วางแผนให้ชาวบ้านไปเฝ้าดูพฤติกรรมของพ่อค้าเจ้าเล่ห์
																							
																								 
																							
																								      คอยดูถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เจ้าพ่อค้านั่นมันน่วมแน่ ”  ส่วนผู้นำหมู่บ้านนั้นก็คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของพ่อค้านั้นตลอดเวลาทั้งเช้าและเย็น
																								เขาพบว่าบนหลังลานั้นมีทั้งสินค้าและหนังสิงโตบรรทุกไว้ “ เจ้าพ่อค้าจอมลวงโลกคนนี้คงเอาหนังสิงโตใส่ให้ลาแล้วปล่อยไว้ให้กินข้าวของ
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								ชาวบ้านต่างพากันมาขับไล่พ่อค้าเจ้าเล่ห์ที่หลอกพวกตนด้วยการห่มคลุมหนังสิงโตบนร่างของลาทำให้ชาวบ้านต่างหวาดกลัว
																							
																								 
																							
																								
																									      ของชาวนาเป็นแน่ สิงโตอะไรไม่เห็นจะเคยกัดกินวัวควายเลยสักครั้งเดียว เชื่องยังกับลา ” เย็นวันนั้นบัณฑิตหนุ่มและชาวบ้านจึงซ้อนกลพ่อค้าเจ้าเล่ห์
																									“ เราพากันไปซุ่มรอ ไว้จนพ่อค้ามา เสร็จแล้วก็ช่วยกันจับลาตัวนั้นถอดหนังสิงโตออก ถึงตอนนั้นพวกคนที่เหลือก็ช่วยกันถือไม้ถือกระบองขับไล่เจ้าพ่อค้า
																									
																							 
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								ชาวนาเจ้าเล่ห์พร้อมเจ้าลาต่างพากันวิ่งหลบหนีการทำร้ายจากพวกชาวบ้าน
																							
																								
																									
																										
																											
																												
																													
																														
																															
																																
																																	
																																		
																																			
																																				
																																					 
																																				
																																					      แล้วก็ลาตัวนั้นออกไปจากหมู่บ้านเราไปสะ ” และแล้วเรื่องราวก็เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ชาวบ้านช่วยกันถลกหนังสิงโตออกจากลา ส่วนชาวบ้านที่เหลือ
																																					ก็พากันถือไม้ขับไล่พ่อค้า “ หนอยแน่ะ เจ้าพ่อค้าเจ้าเล่ห์บังอาจมาหลอกพวกเราได้ เอาไม้กระบองนี้ไปชิมหน่อยแล้วกัน นี่ นี่ ”  “ เอาให้หนักเลยพวกเราทั้งลา
																																					ทั้งเจ้าของนั้นแหละ 
																																				
																																					 
																																			 
																																			
																																			
																																				 
																																			
																																				พระพุทธองค์ทรงประชุมชาดก
																																			
																																				 
																																			
																																				     นั่นไงได้ยินเสียงราชสีห์คำรามไหมพี่น้อง ปะปะไปกันเถอะกลับมาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย ลาบ้าหลอกกินข้าวในนาเสียหายหมด ” เรื่องคนหลอกลวงในครั้งนั้น
																																				มีภาพสุดท้ายที่ชาวบ้านได้เห็นก็คือเจ้าลาที่น่าสงสารกับคนโกหกหลอกลวงหอบหนังสิงโตหนีไปอย่างหัวซุกหัวซุน  “ แหม แค่นี้ก็ต้องไล่กันด้วย กินนิดๆ หน่อย ๆ
																																				โอ้ย ๆ นั่นไม้หน้าสามนี่น่าหนีเอาตัวรอดก่อนแล้วโว้ย ตัวใครตัวมันนะเจ้าลา ” สมเด็จพระพุทธศาสดาทรงประชุมชาดกโสดาปัตติผลว่า ในพุทธกาลครั้งนั้น
																																			
																																				ให้ภิกษุหลอกลวงบรรลุ
																																			
																																				 
																																			
																																				
																																					พ่อค้าเจ้าเล่ห์ กำเนิดเป็นโกกาลิกภิกษุ
																																				
																																					บัณฑิตหัวหน้าหมู่บ้าน เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า