หลี่เหลียนเจี๋ยหรือเจ็ทลี ในวันที่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นกันเอง
       ซุปเปอร์สตาร์กังฟูชั้นแนวหน้าในจีนแผ่นดินใหญ่ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ทลี ประกาศงดรับงานแสดงภาพยนตร์ตลอดปี 2008 ด้วยหวังทุ่มแรงกายให้งานสาธารณะกุศล
       
       เจ็ทลีให้สัมภาษณ์เฉพาะกิจกับทางสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์ (14 ม.ค.) ว่า ในปีนี้เขาตั้งใจจะพับเรื่องงานแสดงเอาไว้ก่อน เนื่องจากต้องการทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจให้กับงานด้านสาธารณะกุศล
กับทางสภากาชาดแห่งประเทศจีนอย่างเต็มที่
       
       ที่ผ่านมาเจ็ทลีได้ปฎิเสธคำเชิญของผู้สร้างภาพยนต์ 2 ค่ายจากฝั่งฮอลลีวูดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการปฎิเสธครั้งนี้ของเจ็ทลี ทำให้สูยเสีบรายได้ไปกว่า 200 ล้านหยวน แต่เขาก็ยังช่วยเหลือสังคมโดยบริจาคเงินให้กับทางสภากาชาดกว่า 10 ล้านหยวน เพื่อใช้ในมูลนิธิสาธารณะกุศลด้านต่างๆ
       
       เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลว่าทำไมไม่รับงานแสดง แล้วนำเงินส่วนนั้นมาใช้ในการกุศล จึงได้คำตอบจากปากเจ็ทลี วัย 44 ปีว่า
" การให้ได้มาซึ่งเงินจำนวนหนึ่งนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือการเชื้อเชิญให้คนหันมาเอื้ออาทรกันมากยิ่งขึ้น"
       

เจ็ทลีและเจนลูกสาวสุดรักสุดหวง
       นอกจากนั้นเจ็ทลี ยังได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการที่เขาได้ทุ่มเทให้กับงานเพื่อสังคมด้วยว่า ครั้งหนึ่งเมื่อ 26 ธันวาคม ปี 2004 ขณะที่เขาพักผ่อนอยู่ที่หมู่เกาะมัลดีฟด้วยกันกับครอบครัว ก็เกิดเหตุทสึนามิครั้งใหญ่ขึ้นและเกือบทำให้เขาต้องสูญเสียลูกสาวที่รักไป จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเจ็ท ลี กล่าวว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตและทัศนคติของตัวเองมาก โดยได้หันมาช่วยเหลือสังคมมากขึ้น
       
       "การที่ผมริเริ่มโครงการการกุศลนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะรู้สึกสนุก แต่เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจและทุ่มเทมาก เพราะยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมต้องเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ อีกทั้งต้องหาแนวทางที่จะใช้เงินในกองทุนให้เกิดประโยชน์ต่อ
ผู้ต้องการความช่วยเหลือให้มากที่สุด"
       

       ทั้งนี้หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ทลี ได้อาศัยชื่อเสียงของตนเองระดมเงินก่อตั้งกองทุน"เดอะ วัน ฟาวเดชั่น" (The One Foundation)ขึ้นเมื่อปี 2007 โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างซุปเปอร์สตาร์เจ็ทลีและสภากาชาดจีน ซึ่งโครงการนี้เป็นมูลนิธิเพื่อการกุศล และเป็นมูลนิธิที่มุ่งให้ความช่วยเหลือกับผู้ประสบภัยจากธรรมชาติ รวมถึงการบำบัดเยาวชนที่มีภาวะซึมเศร้าภายในประเทศจีน
 
 
 
 
 
ที่มา-
 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง