ยังคงไม่ลืมเลือนไปจากความทรงจำของคนไทยและคนทั่วโลกกับเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ
แต่หลังคลื่นสงบลงแล้วแม้จะกินเวลามากว่า 2 ปี ทว่า
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจนถึงเวลานี้คงต้องยอมรับว่ายังคงมีให้เห็นกันอยู่
แม้ในเบื้องต้นจะมีหลายหน่วยงานยื่นมือมาช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย
พอนานวันเข้าทุกอย่างก็เริ่มห่างหายไป | |||||
ซึ่งล่าสุดอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จิมมี่ คาร์เตอร์ ผู้ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบล
สาขา สันติภาพ พร้อมด้วยภริยา นางโรสลีน คาร์เตอร์
อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้เดินทางมาเยือน “หมู่บ้านท่าฉัตรไชย
จ.ภูเก็ต” เพื่อติดตามความคืบหน้าของความช่วยเหลือ
จิมมี่ คาร์เตอร์เล่าถึงการเดินทางมาในไทยครั้งนี้ว่า บ้านที่ตนเองอาศัยอยู่นั้นห่างจากหมู่บ้านนี้มาก รวมทั้งความเป็นอยู่ก็แตกต่างกันมาก จำนวนสมาชิกในหมู่บ้านก็มีน้อยกว่า
ไม่ได้มีอาชีพหลักเป็นชาวประมง แต่ทำฟาร์ม
ทว่า เมื่อได้ทราบข่าวโศกนาฏกรรมสึนามิขึ้นในประเทศไทย ทุกคนในหมู่บ้านที่มีอยู่กว่า 600 หัวใจ ก็มีความเห็นตรงกันว่า น่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
โดยส่วนหนึ่งเข้ามาช่วยผู้ประสบภัยด้วยการเป็นอาสาสมัครกับมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ
( Habitat for Humanity )
เพราะเชื่อมั่นว่าที่อยู่อาศัยมีความจำเป็นอย่างยิ่งและเป็นรากฐานของครอบครัว
“การเดินทางมาจากสหรัฐฯ คราวนี้เพื่อมาดูความก้าวหน้าของโครงการนี้ในประเทศไทย ซึ่งการทำงานของผมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเสียสละเพื่อตนเองแต่เป็นความปลาบปลื้มใจมากกว่าที่ได้มาเยี่ยมชมหมู่บ้าน
ที่ได้รับความช่วยเหลือและได้เห็นผู้คนมีความสุข
ซึ่งสิ่งแรกที่มองว่าผู้ประสบภัยควรได้รับความช่วยเหลือนั่นคือ
ทำอย่างไรให้พวกเขาอยู่รอดกันได้
โดยการเข้ามาของทางมูลนิธิฯก็ได้ประสานงานไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
ต่อจากนั้นจึงให้อาสาสมัครเข้ามาทำงานอย่างเช่นในหมู่บ้านท่าฉัตรไชยแห่งนี้
ซึ่งจากที่เกิดเหตุการณ์จนกระทั่งวันนี้ที่ได้มาดูความคืบหน้าก็รู้สึกพึงพอใจมาก”
อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกายังบอกอีกว่า การมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยย้ำเตือนคนทั่วไป ได้ตระหนักว่าเมื่อ
2
ปีก่อนเคยเกิดเหตุการณ์สึนามิที่ได้สร้างความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์เอาไว้มาก
ดังนั้น ไม่ควรลืมเพราะยังมีอีกหลายคนที่ยังต้องการความช่วยเหลือ
อีกทั้งเพื่อเป็นการให้กำลังใจชาวบ้านผู้ประสบภัยเพื่อให้ต่อสู้ต่อไป
ทั้งนี้ จากที่เคยเดินทางเพื่อไปเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือแก่คนที่ฐานะยากจนมาแล้วกว่า 125 ประเทศทั่วโลก ทำให้เห็นว่าแม้คนเหล่านั้นจะมีความเป็นอยู่ลำบากแต่ทุกคนต่างมีจิตใจดี
มีความรักความปรารถนาดีทั้งต่อคนภายในครอบครัวเดียวกันและคนรอบข้าง | |||||
ต่างก็ยังมีคนที่ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่อีกมากแม้กระทั่งกับประเทศที่เจริญแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาเอง
ก็ยังมีประชากรฐานะยากลำบากอยู่และทุกครั้งที่เราได้เข้าไปช่วยดูแลเขาให้เขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสามารถพึ่งตนเองได้
นั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของโครงการแล้ว” ด้าน ดร.ชัยณรงค์ มณเฑียรวิเชียรฉาย ประธานมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ อธิบายเพิ่มเติมว่า การให้ความช่วยเหลือแก่ชาวบ้านที่ประสบภัยสึนามิของมูลนิธิฯนั้นมีการกำหนดหลักเกณฑ์ด้วยคือผู้ประสบภัยที่ได้รับความช่วยเหลือจะต้องมีที่พักอาศัยไม่ได้มาตรฐานมาก สำหรับบางส่วนที่ได้รับความเสียหายไม่มากทางมูลนิธิฯก็ช่วยซ่อมแซมให้ ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มาได้มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนยื่นมือให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวนมาก แต่เป็นเพียงช่วงเวลาแรกๆ เท่านั้นจนปัจจุบันนี้มีอีกหลายครัวเรือนยังขาดแคลนในหลายๆ ด้าน อาทิในเรื่องของสภาวะทางจิตใจโดยเฉพาะในเด็กที่ต้องการการเยียวยาอีกนาน “ในส่วนของมูลนิธิฯจะเน้นให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งเป็นหลักชาวบ้านต้องสามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งนั่นหมายถึงในยามที่อาสาสมัครของมูลนิธิฯไม่อยู่แล้ว ทั้งนี้ในส่วนของคนไทยเองก็ยังมีอีกส่วนมากที่ต้องการและให้ความสำคัญอยากเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแต่ตอนนี้ลักษณะเหมือนเบี้ยหัวแตกคือยังขาดความชัดเจนอยู่มาก ซึ่งการที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จิมมี่ คาร์เตอร์เดินทางมาในครั้งนี้ก็ถือเป็นการดีที่จะช่วยดึงดูดและกระตุ้นความสนใจทั้งของคนไทยเองและคนทั่วโลกให้ตระหนักกันมากขึ้น” | |||||
สำหรับสิ่งที่มูลนิธิฯให้คืออุปกรณ์ในการสร้างบ้านเช่น อิฐ ปูนซีเมนต์ เป็นต้น จากนั้นที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของชาวบ้านและอาสาสมัครที่จะช่วยกันก่อสร้าง ซึ่งชาวบ้านทุกคนต่างให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ โดยใช้เวลาไม่นานทุกคนที่มีโอกาสได้รับบ้านจากมูลนิธิฯก็มีที่อยู่อาศัยกันเป็นหลักเป็นฐานที่แน่นอน “สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านทุกคนเกิดความรักและสามัคคีกันมากขึ้น ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร อย่างการสร้างบ้านทุกคนก็ร่วมมือร่วมใจกันด้วยใจจริงๆ ส่วนที่ต้องการอยู่ในขณะนี้คืออยากกลับไปทำงานของตนคืออาชีพประมงได้เหมือนเดิมเพราะตอนนี้แม้จะออกหาปลาได้แต่ก็ยังมีอุปสรรคอีกหลายอย่าง” “อาชีพประจำของชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่คือทำประมง แต่ช่วงนี้ค่อนข้างทำมาหากินลำบากเพราะเกิดสึนามิด้วยอยู่ในช่วงตั้งตัวยังไม่ติด ไหนจะเรื่องที่อยู่อาศัยที่หมู่บ้านนี้หลายครอบครัวเจอปัญหานี้กันเยอะมาก อีกทั้งตั้งแต่มีการท่องเที่ยวเข้ามาทำให้ไม่สามารถออกเรือได้เหมือนเมื่อก่อนเพราะเขาห้ามไม่ให้ไปหาปลาในเขตการท่องเที่ยวซึ่งก็ค่อนข้างทำให้รายได้ลดลงไป ส่วนเรื่องที่พักอาศัยตั้งแต่มีโครงการเข้ามาสร้างบ้านให้รู้สึกชาวบ้านทุกคนก็มีความสุขขึ้น”วินูญบอกเล่าความรู้สึก ที่มา- ![]() |
