บ๊อบ อะเบอร์นีธิ (Bob Abernethy) ผู้จัดรายการ: เมื่อคิดถึงพระภิกษุในพระพุทธศาสนา คุณอาจจะจินตนาการไปถึงการนั่งสมาธิตัวตั้งตรงนิ่งเพื่อที่จะพยายามฝึกใจให้สงบ  แต่ใครจะรู้บ้างว่า ศิลปะการต่อสู้ที่รุนแรงชนิดหนึ่งที่เรียกว่า กังฟู นั้นมีพื้นฐานทางด้านจิตวิญญาณอย่างไร? ลักกี้ ซีเวอร์สัน (Lucky Severson) รายงานเรื่อง “การทำสมาธิแบบเคลื่อนไหว” มาให้ได้รับทราบกันค่ะ

ลักกี้ ซีเวอร์สัน (Lucky Severson):  ชาวตะวันตกจำนวนมากคิดว่า กังฟู คือ เรื่องของการต่อสู้ การต่อยตีฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก็เป็นความจริงที่ว่า ต้นกำเนิดของพระกังฟูนั้นเป็นตำนานของขุนศึก ที่ทำหน้าที่ปกป้องจักรพรรดิ์จีนโบราณมาแล้วพระองค์แล้วพระองค์เล่า  แต่ศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูแท้จริงแล้วยังมีข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด   จากการศึกษาของศาสตราจารย์ด้านศาสนา ของมหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ท่านหนึ่งชื่อ  โรเบิร์ต ชาร์ฟ (Robert Sharf)

ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต ชาร์ฟ (Robert Sharf) (ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย (University of California at Berkeley)) กล่าวว่า ศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูไม่ใช่วิธีการทำร้ายร่างกายคนซะทีเดียว และกังฟูก็ไม่ใช่ศิลปะเพื่อการป้องกันตัวด้วย  จริงๆ แล้ว กังฟูคือ กิจกรรมการบ่มเพาะตนเองอย่างหนึ่ง

“กังฟูเป็นกิจกรรมที่มีการผสมผสานของการออกกำลังกายแบบยิมฯ และการรักษาสุขภาพแบบอายุรเวทเข้าด้วยกัน”

ลักกี้ ซีเวอร์สัน (Lucky Severson):  เกย์ ฮอบ์เนอร์ (Gay Hobner) ผู้ซึ่งทำหน้าที่ระดมทุนให้กับองค์กรที่ไม่หวังผลประโยชน์แห่งหนึ่งกล่าวว่า ตนเองได้รับประโยชน์จากการฝึกศิลปะแบบกังฟู

เกย์ ฮอบ์เนอร์ (Gay Hobner):  ดิฉันฝึกกังฟูเพราะว่า กังฟูเป็นศิลปะที่มีความผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายกับการรักษาสุขภาพ แล้วมันก็... คือดิฉันคิดว่า ดิฉันได้พบกับสิ่งที่ดิฉันเรียกว่า บ้านทางใจ ที่สถานที่แห่งนี้ด้วยแหละค่ะ

ซีเวอร์สัน (Severson):  อย่างไร?

ฮอบ์เนอร์ (Hobner): อย่างไรรึค่ะ? ก็เพราะว่าดิฉันคิดว่า เหตุผลที่คนเราไปโบสถ์กันนั้นก็มีเหตุผลเช่นเดียวกันกับที่พวกดิฉันมากันที่นี่แหละค่ะ  -- คือ เนื่องด้วยความรู้สึกที่จะมาซ่อมเสริมความรู้สึกทางจิตวิญญาณของตัวเอง

ซีเวอร์สัน (Severson):  มันมีเรื่องของการฝึกจิตรวมอยู่ในศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูด้วย ซึ่งการฝึกจิตแบบที่ว่านี้ถือว่า เป็นพระพุทธศาสนาประเภทหนึ่ง เรียกว่า พระพุทธศาสนาแบบชาน (Chan Buddhism) และด้วยกระบวนการของศิลปะแบบกังฟูนี้สามารถเป็นอุปกรณ์นำไปสู่การตรัสรู้ธรรมได้

ชิ ยัน มิง (Shi Yan Ming): คุณจะต้องเข้าใจให้ได้ว่า ทั้งสองอย่างนั้นคือ อย่างเดียวกัน ไม่ใช่แยกจากกัน ซึ่งก็เหมือนกับเรื่องกายและใจของคนเราซึ่งเราต้องมองทั้งสองสิ่งว่า เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน –คือ คน 1 คน

ซีเวอร์สัน (Severson):  ชิ ยัน มิง (Shi Yan Ming) ท่านนี้เป็นทายาทรุ่นที่ 34 ของปรมาจารย์กังฟูแห่งพระวัดเส้าหลินในอดีต เขาได้ละทิ้งแผ่นดินจีนไปเมื่อปี 1992 เพื่อไปตั้งวัดเส้าหลินแห่งใหม่ขึ้นที่เขตเศรษฐกิจของแมนฮัตตัน และทำการสอนศิลปการต่อสู้แบบกังฟูที่นั่น

ชิ ยัน มิง (Shi Yan Ming):  และนั่นคือเหตุผลที่ผมได้ละทิ้งแผ่นดินจีนมาที่นี่ เพื่อผมจะได้มาเผยแพร่ปรัชญาของเส้าหลินในเชิงศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูให้คนทั่วโลกได้รู้จัก

ซีเวอร์สัน (Severson):  จากคำสอนพื้นฐานของศาสนาพุทธที่ว่า ใจจะต้องถูกทำให้ว่างจากเครื่องร้อยรัดทางโลกโดยกระบวนการทำสมาธิให้ได้เสียก่อนเท่านั้น คนเราจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้ ยัน มิง กล่าวว่า ศิลปะการต่อสู้ ถือเป็น “การทำสมาธิแบบเคลื่อนไหว” หรือที่พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในขณะที่ใจของเรากำลังโฟกัสไปที่การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของแต่ละกระบวนท่า ใจของเราจะปลอดจากเรื่องวิตกกังวลอื่นใดทางโลกทั้งหมด

ศาสตราจารย์ ชาร์ฟ (Prof. Sharf)ประเด็นที่เหมือนกันของการฝึกสมาธิในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีวิธีการหลากหลายรูปแบบ ก็คือ การหยุดใจให้ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะชาวพุทธเชื่อว่า เมื่อสามารถหยุดความฟุ้งซ่านภายในใจลงได้แล้ว ตัวตนที่แท้จริงของคนเราจะปรากฎออกมาเองตามธรรมชาติ

ฮอบ์เนอร์ (Hobner):  สำหรับดิฉันแล้วการมีจิตที่ว่างนี้ เป็นสิ่งที่ดีกว่าการนั่งสมาธิชนิดใดๆ ทั้งหมด ดิฉันได้เคยฝึกโยคะมาก่อน มันทำให้เกิดจิตว่างได้ ในขณะนั้นคุณจะไม่มีความคิดใดเลยสักความคิดเดียวในหัวสมองของคุณเป็นเวลาติดต่อกันถึง 2 ชั่วโมง และเพียงแค่ความว่างภายในชนิดนี้แหละสำหรับดิฉันแล้ว มันช่วยทำให้ดิฉันรู้สึกสดชื่นทางด้านจิตใจเป็นอย่างมาก

ซีเวอร์สัน (Severson):  สภาวะของการบรรลุธรรมเป็นเป้าหมายของชาวพุทธโดยทั่วไป แต่สำหรับพระพุทธศาสนาแบบชานแล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่คนเราจะต้องไปพบเมื่อสุดสายของการเดินทางอันยาวไกลของการเวียนว่ายตายเกิด

ศาสตราจารย์ ชาร์ฟ (Prof. Sharf): พระพุทธศาสนาแบบชานมีคำสอนในแบบที่สามารถบรรลุธรรมได้ในฉับพลัน และตามคำสอนในแนวนี้เชื่อว่า ทุกคนมีความเป็นพุทธะอยู่แล้วในตัวเอง เพียงแต่ว่า คนเรายังไม่รู้ว่ามี ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่คนเราจะต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ ในการฝึกปฎิบัติเพื่อให้เข้าถึงการตรัสรู้ จริงๆ แล้วการบรรลุธรรมก็เป็นเพียงแค่อะไรบางอย่างที่ทุกคนสามารถปล่อยให้ปรากฎหรือเปล่งออกมาได้ในฉับพลัน และในวินาทีที่คนเราปล่อยวางจากความวุ่นวายทางอารมณ์ได้ ปล่อยวางจากความฟุ้งซ่านทางอารมณ์ ความทะยานอยากภายใน รวมถึงความทะยานอยากในการบรรลุธรรมด้วยได้สำเร็จ ณ จุดนั้นเราทุกคนคือ พระพุทธเจ้า

ซีเวอร์สัน (Severson):  ถิ่นกำเนิดของพระพุทธศาสนาแบบชานและกังฟูเส้าหลินนั้นอยู่ที่วัดแห่งนี้ในใจกลางของประเทศสาธารณประชาชนจีน ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 1,500 ปีที่แล้วมาสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่มีนักเรียนวิชากังฟูจำนวนมากที่มาจากทั่วประเทศ

ซีเวอร์สัน (Severson):  ชิ ยัน มิง (Shi Yan Ming) ได้เริ่มต้นการฝึกที่จะเป็นพระภิกษุที่วัดเส้าหลินในประเทศสาธารณประชาชนจีน เมื่อเขามีอายุได้เพียง 5 ปี การฝึกนั้นเข้มข้นมากและใช้เวลานานหลายปี ทุกเช้าตรู่ นักเรียนทุกคนต้องซ้อมวิ่งขึ้นภูเขาชัน แล้วขากลับต้องคลานกลับลงมา การฝึกในชั้นที่สูงขึ้น ความท้าทายจะมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ชิ เกาลิน (Shi Guolin) ก็ได้รับการฝึกจากที่นี่เช่นเดียวกัน เขาต้องการที่จะเป็นพระ ตั้งแต่เมื่อเขาเป็นแค่เด็กเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น เขาฝึกจนเกิดความชำนาญ ดังนั้นเขาจึงได้รับตำแหน่งกังฟูกิตติมศักดิ์ในฐานะที่เป็นวีรบุรุษแห่งเส้าหลิน (Shaolin Hero)

ชิ เกาลิน (Shi Guolin):  ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมฝึกกังฟูวันละ 8 ชั่วโมง

ซีเวอร์สัน (Severson):  8 ชั่วโมง ทุกวันเลยรึครับ?

ชิ เกาลิน (Shi Guolin):  ใช่

ซีเวอร์สัน (Severson):  ตลอดเวลา 8 ปีเลยรึครับ?

ชิ เกาลิน (Shi Guolin):  ใช่

ซีเวอร์สัน (Severson):  ชิ เกาลิน (Shi Guolin) เป็นพระที่อยู่ในอันดับที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสของวัดเส้าหลินในประเทศสาธารณประชาชนจีนในอนาคต ปัจจุบันนี้เขาดูแลวัดแห่งหนึ่งที่มีโรงเรียนสอนกังฟูอยู่ด้วยในเมืองฟลัชชิ่ง (Flushing) มลรัฐนิวยอร์ก วิชาพื้นฐานอย่างแรกและถือว่าสำคัญมากที่สุดของกังฟูเส้าหลินก็คือ สิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ชิ (chi)

ชิ เกาลิน (Shi Guolin):  ชิ ในตัวคนเรามีลักษณะคล้าย อากาศ

ซีเวอร์สัน (Severson): ดังนั้นการหายใจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการฝึกกังฟูใช่หรือไม่?

ชิ เกาลิน (Shi Guolin):  ใช่ สำคัญมาก มาก

ซีเวอร์สัน (Severson): อย่างนั้นเชียวรึครับ?

ชิ เกาลิน (Shi Guolin):  ใช่ เพราะถ้าไม่หายใจ ก็ไม่มีชีวิต

ซีเวอร์สัน (Severson):  ความรู้เรื่อง ชิ นี้มีมาตั้งแต่ย้อนหลังไปหลายพันปีก่อนหน้าโน้น ชิ เป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นพลังชีวิตของคนเรา การบ่มเพาะชิ หรือพลังภายในนี้ คือสิ่งที่ว่าด้วยเรื่องของวิชากังฟูทั้งหมด

ชิ ยัน มิง (Shi Yan Ming):  พวกเราสามารถเดินเป็นระยะทาง 10 ช่วงตึก โดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย นั่นคือ ชิ ล่ะ ถ้าคุณเดินเพียงแค่ 5 ช่วงตึกแล้วขาทั้งสองของคุณหนักเหมือนมีน้ำหนักสัก 1,000 ปอนด์ คุณทำอะไรต่อไปไม่ได้แล้ว แสดงว่าคุณไม่มี ชิ อยู่ในตัวคุณเลย

ซีเวอร์สัน (Severson):  ความมหัศจรรย์ของการควบคุมของ ชิ ในการฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นได้เคยมีการแสดงโชว์ให้เห็นมาแล้วที่นี่เมื่อเร็วๆ นี้ ยัน มิง (Yan Ming) และ ชิ เกาลิน (Shi Guolin) ได้เคยแสดงโชว์กระบวนท่าที่ท้าทายความตายมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งการแสดงประเภทนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของวิชากังฟู เป็นส่วนของศิลปะ และการโชว์นี้ก็เคยจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโกมาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้เช่นกัน สำหรับครั้งนี้ถือเป็นการซ้อมการแสดงร่วมกันระหว่างคณะพระภิกษุจากเส้าหลินและบริษัท ไลน์ส บัลเล่ย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทบัลเล่ย์ที่ประสบความสำเร็จมากแห่งหนึ่ง ผู้กำกับทางด้านศิลปะในการโชว์ครั้งนี้ก็คือ อะลอนโซ คิง (Alonzo King)

อะลอนโซ คิง (Alonzo King):  (ผู้กำกับด้านศิลปะของบริษัท ไลน์ส บัลเล่ย์ จำกัด) บ่อยครั้งที่เวลาคนทั่วไปเห็นกระบวนท่าของกังฟูแล้วจะรู้สึกว่า มันรุนแรง หรือไม่ก็คิดว่า มันเป็นการเตรียมการเพื่อการต่อสู้อะไรสักอย่างหนึ่ง แต่จริงๆ แล้ว มันคือการเต้นรำ

ซีเวอร์สัน (Severson):  แต่สำหรับนักเรียนกังฟูเหล่านี้แล้ว พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องการเต้นรำแบบกังฟู สิ่งที่พวกเขาให้ความสนใจมากกว่านี้ก็คือ สาระสำคัญของปรัชญาแบบกังฟู ซึ่งนั่นหมายความว่า ในขณะที่พวกเขากำลังเรียนศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้อยู่นั้น พวกเขาจะต้องบ่มเพาะตัวเองทางด้านจริยธรรม ความยุติธรรม ความเพียร ความซื่อสัตย์ การทำงานหนัก และวินัยทางจิตใจด้วย เมลเลนนี โล (Melanie Lo) คนนี้ได้เป็นนักเรียนกังฟูของ ชิ เกาลิน มาเป็นเวลานาน 12 ปีแล้ว

เมลเลนนี โล (Melanie Lo):  ท่านอาจารย์ได้มีคำพูดคำหนึ่งว่า “ใจที่ซนเหมือนลิง” คือในเวลาที่พวกเราไม่สามารถโฟกัสใจของเราได้ เพราะว่า ใจของเราคิดไปในเรื่องต่างๆ ที่เคยผ่านมาในชีวิตของเรา ต่อจากนั้นท่านก็จะสอนให้พวกเราหัดเอาใจนั้นกลับมาที่ตัวเอง กลับมาที่ปัจจุบัน และฝึกการหยุดนิ่งใจให้ได้

ซีเวอร์สัน (Severson):  และเป้าหมายสูงสุดของการฝึกศิลปะประเภทนี้ “การฝึกสมาธิแบบเคลื่อนไหว” ถือว่าเป็นสภาวะของการบรรลุธรรม ยัน มิง กล่าวว่า มันเป็นสภาวะที่มีความสุขมากเมื่อเวลาที่เราอยู่ในสภาวะนั้น (หันไปพูดกับ ชิ ยัน มิง) แล้วคุณเองได้บรรลุถึงสภาวะการตรัสรู้ธรรมนั้นแล้วหรือยัง?

ชิ ยัน มิง (Shi Yan Ming):  อาตมาได้บรรลุถึงจุดนั้นแล้ว อาตมาสามารถเข้าใจตัวเองได้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว

ซีเวอร์สัน (Severson):  แล้วสภาวะที่ว่านั้น เป็นอย่างไร?

ชิ ยัน มิง (Shi Yan Ming):  รู้สึกเหมือน Merry Christmas และ Happy New Year.

ซีเวอร์สัน (Severson):  ยัน มิง ยังบอกอีกว่า กังฟู นั้นสามารถฝึกได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าคนๆ คนนั้นจะมีศาสนาอะไรก็ตาม และมันจะช่วยให้โลกนี้มีความสงบสุขมากขึ้นได้ด้วย “การทำสมาธิแบบเคลื่อนไหว” ชนิดนี้ ถ้าคุณได้ลองแล้ว คุณจะพบว่า ทุกๆ วันที่ผ่านไป จะเป็นวันแห่งความสุข ทุกวัน

การสัมภาษณ์นี้สำหรับนิตยสาร Religion & Ethics Newsweekly, ผม ลักกี้ ซีเวอร์สัน รายงานจากมลรัฐนิวยอร์ก

 

 

 

ที่มา-http://www.pbs.org/wnet/religionandethics/episodes/january-30-2009/shaolin-fighting-monks/2083/

 

 
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง