มงคลที่ ๓๕ จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม - จิตที่ไม่หวั่นไหว
พระโพธิสัตว์จึงบอกกับน้องว่า “น้องเอ๋ย ธรรมในหมู่มนุษย์นี้ คือ ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุขและทุกข์ ทั้งหมดนี้เป็นของไม่เที่ยง มีแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องธรรมดาของโลก เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย” แต่ลิงน้องชาย แม้จะได้ฟังอย่างนั้น ก็ยังไม่สามารถลดความอิจฉาริษยา ในลาภสักการะของลิงกาฬพาหุได้ จึงพูดกับพี่ชายว่า “พี่ราธะ พี่เป็นบัณฑิต ย่อมรู้ถึงประโยชน์ แม้ที่ยังมาไม่ถึง ทำอย่างไรหนอ เราจะได้เห็นเจ้าลิงดำตัวนั้น ถูกขับไล่ออกไปจากราชสกุล”
พิธีมุทิตาสักการะพระมหาเถระและพระเถระ ประจำปีพุทธศักราช 2568
พิธีมุทิตาสักการะพระมหาเถระและพระเถระ ประจําปีพุทธศักราช พ.ศ. 2568 ณ ห้องแก้วสารพัดนึก 2 วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี ในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน
พิธีมุทิตาสักการะพระภิกษุ-สามเณร ผู้สอบไล่ได้เปรียญธรรมและบาลีศึกษา ประจําปีพุทธศักราช 2568
เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีมุทิตาสักการะพระภิกษุ สอบไล่ได้เปรียญธรรมที่วัดพระธรรมกายในวันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม 2568
พิธีต้อนรับสัญญาบัตร พัดยศ พระครูสัญญาบัตรสายต่างประเทศวัดพระธรรมกาย จำนวน 19 รูป
ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในพิธีต้อนรับสัญญาบัตร พัดยศ พระครูสัญญาบัตรสายต่างประเทศวัดพระธรรมกาย ประจำปีพุทธศักราช 2568 จำนวน 19 รูป
พิธีมุทิตาสักการะพระภิกษุ-สามเณร ผู้สอบไล่ได้เปรียญธรรมและบาลีศึกษา ประจําปีพุทธศักราช 2567
ขอเชิญร่วมพิธีมุทิตาสักการะพระภิกษุ-สามเณร ผู้สอบไล่ได้เปรียญธรรมและบาลีศึกษา วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2567 ณ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย
มุทิตาจิต กับ อนุโมทนา ต่างกันอย่างไร
บทความนี้อธิบายความแตกต่างระหว่างมุทิตาจิตและอนุโมทนา ทั้งในด้านความหมาย การแสดงออก และอานิสงส์ของการมุทิตาและอนุโมทนา การมีจิตยินดีในความดีของผู้อื่นเป็นคุณธรรมที่ควรส่งเสริมในสังคม
พิธีมุทิตาสักการะพระมหาเถระและพระเถระ ประจําปีพุทธศักราช 2567
พิธีมุทิตาสักการะพระมหาเถระและพระเถระ ประจําปีพุทธศักราช พ.ศ. 2567 ณ วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี ในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน เวลา 13.30 น.
ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
มีภิกษุอยู่รูปหนึ่งเป็นผู้ที่ชอบพูดจาโป้ปดอยู่เสมอ คำพูดอย่างหนึ่งแต่การกระทำอีกอย่างหนึ่งจนเป็นที่ระอาใจในหมู่ภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ภิกษุทั้งหลายได้พาภิกษุที่ชอบโกหกไปเข้าเฝ้าองค์พระศาสดาเพื่อให้พระองค์ได้ชี้แนะตักเตือน
เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
พระเจ้าพรหมทัตทรงครองราชสมบัติอยู่ ณ กรุงพาราณสี พระองค์ทรงชอบการกลั่นแกล้งทรมานคนแก่ชราและสัตว์ที่แก่ไร้เรี่ยวแรง นำมากลั่นแกล้งในรูปแบบต่าง ๆ จนท้าวสักกะทนไม่ไหวจำต้องเสด็จลงมาใช้อุบายทำการสั่งสอนให้พระองค์ได้ทรงสำนึกในการกระทำที่ไม่สมควร
ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ากิเลสเป็นของเล็กน้อยไม่มีเลย ธรรมดาว่าภิกษุต้องข่มกิเลสที่เกิดแล้วแล้วเสีย บัณฑิตครั้งก่อนเมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติต่างก็ข่มกิเลสทั้งหลายเสียได้บรรลุปัจเจกพุทธญาณ ”