ข้อความต้นฉบับในหน้า
คนเดียว พอเข้าไปถามว่าร้องไห้ทำไม? อเล็กซานเดอร์บอกว่า พ่อปราบไปหมด แล้วพอตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์จะไปรบ
กับใครล่ะ อย่าดูถูกกษัตริย์ว่ายังเยาว์ นิสัย ความรู้ ความสามรถต่าง ๆ ถูกฝึกต่างจากคนทั่วไป เพราะฉะนั้นสามารถ
ให้คุณให้โทษได้ ต้องระวัง
"อย่าดูถูกภิกษุว่ายังเยาว์" ทำไม อย่าว่าแต่ภิกษุ ในสมัยพุทธกาล หลักฐานยืนยันว่า แม้เพียงอายุ 7 ขวบ
ก็เป็นพระอรหันต์แล้ว ดูถูกไม่ได้ ในสมัยพุทธกาล มีสามเณรที่เป็นพระอรหันต์เมื่ออายุ 7 ขวบ มีเรื่องเล่าในพระไตรปิฎกว่า
มีสามเณรรูปหนึ่ง อายุ 7 ขวบ เป็นพระอรหันต์แล้ว พระภิกษุที่บวช เมื่ออายุมากเป็นหลวงปู่ หลวงตา เมื่อเห็นเป็น
สามเณรเล็ก ๆ ก็มาลูบหัวและไต่ถามด้วยความเอ็นดู เณรตอนเย็นหิวบ้างไหม ก็รัก...ก็ล้อเล่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นเข้า
จึงมีรับสั่งว่า ภิกษุเธออย่าจับงูพิษมีเขี้ยวนะ เธอมาลูบหัวพระอรหันต์แล้วนะมีโทษยิ่งกว่า เอามือไปจับเขี้ยวงูพิษนะเธอนะ
สามเณรที่อายุ 7 ขวบ ในสมัย พุทธกาล ได้เป็นกำลังในการเผยแผ่พระศาสนา จนพระพุทธศาสนารุ่งเรืองสืบต่อมาจนกระทั่ง
ถึงพวกเรา
ฉะนั้น 4 สิ่งนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงตรัสว่า เป็นสิ่งที่ดูถูกไม่ได้ ถ้าเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยละก็ อันตรายที่สุด
พวกเราในฐานะที่ทำหน้าที่ปกป้องรักษาประเทศชาติบ้านเมืองและพระพุทธศาสนา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งว่า จะต้อง
เป็นผู้ที่เห็นโทษแม้ในสิ่งที่เล็กน้อย อาตมาจึงขอนำเรื่องนี้ มาขยายความตามสมควร แล้วสิ่งที่จะยกเป็นตัวอย่าง ก็จะต้อง
เป็นตัวอย่างที่เรียกว่า มีอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรา รวมทั้งบทฝึกด้วย
วิธีฝึกคนให้เห็นโทษภัยแม้ในสิ่งเล็กน้อย
เรื่องแรกก่อน คือเรื่องของการฝึกคน เพื่อที่จะได้เป็นคนที่เห็นโทษ เห็นภัย แม้ในสิ่งที่เล็กน้อย ในการฝึกคน
เพื่อให้เห็นโทษ แม้ในสิ่งที่เล็กน้อยนั้น ปู่ย่าตาทวด ของเราได้ให้สูตรสำเร็จเอาไว้แล้ว ซึ่งความจริงทางทหาร ก็ได้นำมาใช้อยู่
แต่ว่าบางทีบางครั้งก็ลืมเน้นการฝึก และบางทีลืมเน้นในส่วนที่เป็นรายละเอียดเพราะฉะนั้นขอปัดฝุ่นของเก่าให้ก็แล้วกัน
หลักในการฝึก
ในการฝึกคนทั้งในพระพุทธศาสนา และในทางโลกนั้นตรงกัน ที่จะให้คนเป็นผู้ที่เห็นโทษแม้ในสิ่งที่เล็กน้อยนั้น
ท่านมีหลักในการฝึกอยู่ 3 ประการ