การเด่นการดังของมนุษย์ การเห็นโทษ หรือการเห็นภัยแม้ในสิ่งที่เล็กน้อย หน้า 7
หน้าที่ 7 / 17

สรุปเนื้อหา

การเด่นการดังของมนุษย์มีอยู่ 2 ลักษณะ ที่ชาวโลกสรรเสริญคือการทำความดีโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหา แต่คนชั่วกลับชอบจับผิดผู้อื่น โดยมีตัวอย่างจากเศรษฐีที่มีปัญหาเพราะลูกสุนัขที่ทำให้การทำงานล้มเหลว การทำความดีเป็นสิ่งที่สำคัญและควรมีการทำงานเป็นระบบ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี โดยไม่ต้องพึ่งพาการทำร้ายผู้อื่น

หัวข้อประเด็น

-ความดีและความชั่ว
-มุมมองของการทำงาน
-ผลกระทบจากการจ้องจับผิด
-ตัวอย่างเศรษฐีกับการทำงานเป็นระบบ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

7 การเด่นการดังของมนุษย์มีอยู่ 2 ลักษณะ ลักษณะที่ชาวโลกสรรเสริญก็คือ ทำความดีให้เหนือเขา เพราะว่ามัน จะได้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ยกเว้นคนพาลซึ่งมันจะแสดงต่อความดี เหมือนอะไร? คนพาลแสลงต่อความดีเหมือนอย่างกับ คนไข้แสลงต่อน้ำเย็น อากาศร้อน ๆ อย่างนี้คนดีๆ เขาอยากได้น้ำเย็น มาอาบซักวันสองวัน มันชื่นใจ แต่คนชั่ว คนพาลรอน ๆ น ๆ อย่างนี้แหละ มันเหมือนคนไข้ คือคนไข้ ไข้กำลังขึ้น โดนน้ำเย็น ๆ เข้าขั้นเดียวแหละ พาลจะช็อคตาย คนชั่วคนพาลเห็นคนอื่นทำความดีรู้สึกแสลงใจ เพราะเขาถนัดอีกอย่างหนึ่ง ถนัดอย่างไร ถนัดจะเหยียบหัวชาวบ้าน ให้จมธรณี ง แล้ววิธีที่จะเหยียบชาวบ้านให้จมธรณีคือ หาทางจับผิดเขาเข้าไปวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร จ้องจับผิดชาวบ้าน คนโน้นไม่ดี อย่างโน้น คนนี้ไม่ดีอย่างนี้ แล้ว รายงานผู้บังคับบัญชา กลัวเขาจะรู้ว่าเรามันคนรายงาน เพราะว่า ไอ้ความไม่ดีพรรค์นั้น จริงบ้างไม่จริงบ้าง จริง 7 เท็จ 3 ทำไงละ เขียนบัตรสนเท่ห์ อาชีพมีอย่างเดียว เขียนบัตรสนเท่ห์ แล้วก็จับผิดชาวบ้าน แขนโตเบ้อเร่อ นึกว่าไปกอบอะไรมา เปล่า! เขียนบัตรสนเท่ห์ ไอ้พวกนี้มันมีอยู่ * มันมีตัวอย่างในพระไตรปิฎก บอกว่ามีเศรษฐีคนหนึ่ง แกเป็นชาวนา แต่ว่าแกทำงานเป็นระบบ เลยเป็นเศรษฐี แกบอกอย่างไง พอจะทำนานี่แกแบ่งงานกัน ไอ้ฝ่ายนี้นะเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ไอ้ฝ่ายนี้นะ ไม่ต้องทำอะไร ไปไถคราดไป ไอ้ฝ่ายนี้นะ ทั้งดำทั้งหวาน ไอ้อีกฝ่ายหนึ่งนะไว้ใส่ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงอะไรก็ว่าไป อีกฝ่ายหนึ่งนะหน้าที่เก็บเกี่ยว อีกฝ่ายไว้สี ไว้ผัด ไว้นวด อีกฝ่ายหนึ่งการตลาด แกทำอย่างนี้ จนกระทั่งเป็นเศรษฐี แต่อยู่มาวันหนึ่ง แกแทบจะล้มละลาย หาสาเหตุกว่าจะเจอแทบตาย มันเป็นอย่างไร พอจะล้มละลายเข้าแกก็เลยเช็ค ทีแรกเข้าใจว่าแผนกขายยักยอก แผนกขายบอกไม่ได้ยักยอก นี่ไง โรงสีเขาส่งมาเท่านี้แหละ ข้าวส่งเข้ามาขายนะน้อยกว่าทุกปีนะ น้อยไปกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้น เลยมีขายแค่ครึ่งเดียว อ้อ! พวกขายไม่ได้โกง งั้นก็พวกโรงสีถ้าจะโกงมั้ง ลองไปสอบดู โรงสีก็ไม่ได้โกง บอกว่าพวกเก็บเกี่ยวส่งมาน้อย ก็นึกว่าเจ้าพวกเก็บเกี่ยวโกง ไปสอบเข้าก็ไม่ได้โกง เขาบอกว่าปีนี้ทำนากันแค่ครึ่งเดียว อ่อ...ถ้าอย่างนั้น พวกดำพวกหวานขี้เกียจ ไปเช็คดู ไอ้พวกดำพวกหว่านบอก ไม่ได้ขี้เกียจนะ แต่ที่ดำหวานแค่ครึ่งเดียว เพราะว่าเขาไถนาเอาไว้ครึ่งเดียว ไปเรียกตัวพวกไถนา ทำไมขี้เกียจอย่างนี้ ไถครึ่งเดียว ปีนี้จะล้มละลายอยู่แล้ว ไถนาก็บอก อย่ามาว่าพวกเขา ปีนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร วัวควายที่เลี้ยงเอาไว้ ผอมโกรกหมด ไถนาครึ่งวันพาลจะตาย เลยไถแค่ครึ่งเดียว อ้อ...พวกเลี้ยงวัว เลี้ยงควายนี่ขี้เกียจ เดี๋ยวเถอะพ่อจะไล่ออกให้หมด ตามไปถึง พวกเลี้ยงวัวเลี้ยง ควายมันว่าไง มันบอกว่าไอ้ที่วัวควายผอมปีนี้ เพราะเจ้าสุนัขที่เศรษฐีเลี้ยงเอาไว้นะแหละ ที่เอามาเมื่อต้นปี ตอนนี้กำลัง เป็นหนุ่มเชียว มันไล่กัด มันไล่เห่า วัวควายกินไม่ได้ พวกมันเอาไม้ไปไล่ตี เศรษฐีบอกว่า มาตีลูกรักข้า เพราะฉะนั้น ไล่ออกไปเสียทั้งหลายคน พวกเหลือนี่กลัวถูกไล่ออก เขาเลยไม่ดี เพราะเขาไม่มีวัวควายมันเลยผอม เพราะวัวควายมันผอม ปีนี้ถึงได้ล้มละลายไปเลย สุนัขตัวเดียวที่มันกันทา ที่มันมาจ้องจับผิด พอ ๆ กับไอ้พวกเขียนบัตรสนเท่ห์ละ พวกเดียวกัน แหละ นี่มันเป็นอย่างนี้
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More