ธิดาเศรษฐี: การเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส Dhamma Time เดือน เมษายน พ.ศ.2555 หน้า 36
หน้าที่ 36 / 40

สรุปเนื้อหา

เรื่องราวของธิดาเศรษฐีที่เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยการถวายเครื่องประดับและทำอิฐทองคำเพื่อสร้างเจดีย์บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผลบุญที่เกิดจากการทำเช่นนี้ ทำให้เธอสลัดวิบากกรรมในอดีตและมีอานุภาพที่น่าอัศจรรย์ เธอยังเชื่อว่าการสั่งสมบุญในชีวิตนี้จะช่วยลดทุกข์ในชาติหน้า สุดท้ายเธอและสามีตัดสินใจบวชเพื่อตามหาหนทางหลุดพ้นจากวัฏสงสาร

หัวข้อประเด็น

-การเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
-การสร้างบุญและการบูชา
-ผลที่เกิดจากการทำบุญ
-การตัดสินใจบวชเพื่อหลุดพ้น
-การดำเนินชีวิตตามหลักธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ธิดาเศรษฐีรู้จักเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส นางคิด ว่า “เราคงมีกรรมที่ทำไว้ในอดีต จึงต้องมาประสบ ความทุกข์เช่นนี้ ชาตินี้เราจะต้องสั่งสมบุญให้ มากๆ ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอกับความทุกข์ ขนาดนี้” จากนั้นนางก็นำเครื่องประดับไปให้ช่าง และเอาน้ำมัน หลอมทำอิฐทองคำร่วมสร้างเจดีย์ ในขณะที่นางไปถึงสถานที่สร้างเจดีย์ พอดี มีก้อนอิฐตกลงมาก้อนหนึ่ง นายช่างขาดอิฐที่จะใช้ เชื่อมต่อเจดีย์อยู่ 1 ก้อน เขาจึงบอกให้นางวางอิฐ ทองคำลงในบริเวณนั้นด้วยตนเอง ผสมหรดาลกับมโนศิลาก่ออิฐให้แน่น แล้วบูชา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดอกบัว 8 กำ และตั้ง ความปรารถนาว่า “ด้วยบุญกุศลนี้ ขอให้ข้าพเจ้า มีกลิ่นจันทน์พุ่งออกจากตัว กลิ่นอุบลพุ่งออกจาก ปาก” น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก บุญที่ตัดใจถวายเครื่อง ประดับทองคำอันล้ำค่าเพื่อทำอิฐสร้างเจดีย์ ก้อน มีอานุภาพอันไม่มีประมาณเกินคาดหมาย จริงๆ เพราะนอกจากสามารถตัดรอนวิบากกรรม 1 หนักที่นางเคยทำมาในอดีตชาติ ทำให้กลิ่นเหม็น เหมือนส้วมที่ติดตัวนางมามลายหายสูญไปแล้ว ยังบันดาลให้มีกลิ่นจันทน์พุ่งออกจากร่างกาย และกลิ่นดอกบัวพุ่งออกจากปากอีกด้วย ในขณะ เดียวกันลูกชายเศรษฐีก็คิดถึงนางขึ้นมาจับใจ จน ต้องรีบส่งคนรับใช้มาตามนางกลับไป เมื่อนางไปถึงบ้านท่านเศรษฐี ทันทีที่นางเข้า บ้าน กลิ่นจันทน์และกลิ่นดอกบัวก็ฟุ้งกระจายไป ทั่วบ้าน ลูกชายเศรษฐีจึงถามว่า “เมื่อก่อนมีกลิ่น เหม็นฟุ้งออกจากร่างกายของเจ้า แต่เดี๋ยวนี้มีกลิ่น จันทน์หอมฟุ้งออกจากร่างกาย กลิ่นดอกบัวพุ่ง ออกจากปาก เจ้าไปทำอะไรมาหรือ” นางจึงเล่าให้ ฟังว่า นางถวายแผ่นอิฐทองคำสร้างเจดีย์บูชาพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า และผลบุญที่ถวายอิฐทองได้ ตัดรอนวิบากกรรมเหล่านั้นจนหมดสิ้น ลูกชายเศรษฐีเป็นผู้มีปัญญามาก เมื่อเห็น อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของบุญที่เกิดจากการร่วม สร้างเจดีย์ด้วยทองคำ ที่สามารถส่งผลได้อย่าง อัศจรรย์ในปัจจุบันชาตินี้ ก็รู้ว่าบุญต้องแรงมาก ab เขาปรารถนาที่จะได้บุญนี้บ้าง จึงให้ช่างนำทองคำ ไปทำดอกประทุมทองขนาดเท่าล้อรถ เพื่อนำไป ประดับเจดีย์ และนำผ้ากัมพลที่มีราคาแพงที่สุดใน สมัยนั้นไปหุ้มเจดีย์ให้สวยงามยิ่งขึ้น ในชาติสุดท้าย ธิดาเศรษฐีจุติจากพรหมโลก มาเกิดในครั้งพุทธกาล ในตระกูลพราหมณ์ มีชื่อว่า ภัททา สามีมาเกิดในตระกูลพราหมณ์เช่นกัน ชื่อ ปิบผลิ เมื่อนางภัททามีอายุได้ 16 ปี ปิบผลิมาณพ มีอายุ 20 ปี ทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงานกัน เพราะไม่อาจ ขัดความประสงค์ของบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ ได้ หลังแต่งงาน เนื่องจากทั้งสองไม่ฝักใฝ่ในโลกีย์ เหมือนกัน จึงเป็นสามีภรรยากันแต่เพียงในนาม มิได้ข้องเกี่ยวกันในทางกามคุณ เมื่อบิดามารดาของทั้งสองสิ้นชีวิตแล้ว ทรัพย์สมบัติของ 2 ตระกูล ที่รวมกันเป็นจำนวน มหาศาลถึง 87 โกฏิ กลายเป็นภาระอันหนักอึ้ง ในการดูแล อีกทั้งเมื่อบริวารทำไร่ไถนา เครื่องมือ หว่านไถก็จะไปถูกสัตว์เล็กสัตว์น้อยเสียชีวิต หรือ เวลาตากถั่วตากงา ก็จะมีนกกามาจิกกินหนอน และแมลงทั้งหลาย ทั้งคู่เกรงว่าบาปเหล่านี้จะ ตกถึงตนผู้เป็นเจ้าของไร่นา แม้ไม่ได้ลงมือทำเอง ก็ตาม สองสามีภรรยาจึงปรึกษากันว่า เหตุใดเรา ต้องมาคอยรับบาปกรรมที่คนอื่นทำ ควรสละการ ครองเรือน แล้วออกบวชหาหนทางหลุดพ้นจาก วัฏสงสารดีกว่า จากนั้นสองสามีภรรยาก็ช่วยปลงผมให้กัน แล้วครองผ้าย้อมน้ำฝาด และอธิษฐานว่า “พระ อรหันต์เหล่าใดมีอยู่ในโลก เราจักบวชเพื่ออุทิศแด่ พระอรหันต์เหล่านั้น” แล้วทั้งคู่ก็สะพายบาตรดิน เดินออกจากปราสาทโดยปราศจากความกังวลใดๆ เมื่อทั้งคู่เดินไปจนถึงทางสองแพร่ง ปิบผลิได้กล่าว ขึ้นว่า “หากเธอเดินตามหลังเราอย่างนี้ ใครๆ ก็จะ พากันคิดว่าพวกเราบวชแล้วยังไม่ยอมพรากจาก กัน อกุศลจิตเช่นนี้จะทำให้พวกเขาตกนรก เธอจง เลือกเอาทางหนึ่ง เราจะไปอีกทางหนึ่ง” นางกระทำ ประทักษิณ 3 รอบ และประคองอัญชลีพร้อมกล่าว ว่า “ความสนิทสนมกันฐานมิตรที่มีมาประมาณ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More